Book,Page,LineNumber,Text
19,0012,001,บทว่า วิหรนฺติ ได้แก่ เสวยสามัคคีรสอยู่. เวลากุลบุตรเหล่านี้เป็นปุถุชน
19,0012,002,ท่านกล่าวไว้ในอุปริณณาสก็แล้ว. ในที่นี้ ท่านกล่าวเวลาเป็นพระขีณาสพ.
19,0012,003,จริงอยู่ ในเวลานั้น กุลบุตรเหล่านั้น ได้ความพอใจ ได้ที่พึ่ง บรรลุปฏิสัมภิทา
19,0012,004,เป็นพระขีณาสพ เสวยสามัคคีรสอยู่ในที่นั้น. บทว่า เยน โคสิงคสาลวนทาโย
19,0012,005,เตนุสงฺกมิ นี้ท่านกล่าวหมายถึงป่านั้น.
19,0012,006,พระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ได้บอกอะไรๆในบรรดาพระธรรมเสนาบดี
19,0012,007,พระมหาโมคคัลลานเถระ หรือพระอสีติมหาสาวก โดยที่สุดแม้พระ-
19,0012,008,อานนทเถระ เป็นคลังธรรม ทรงถือบาตรและจีวรด้วยพระองค์เอง
19,0012,009,เหมือนช้างปลีกออกจากข้าศึก เหมือนไกรสรสีหราชออกจากฝูง เหมือน
19,0012,010,เมฆถูกลมหอบ พระองค์ผู้เดียวเสด็จเข้าไปหาอย่างนี้แล. ถามว่า ก็เพราะ
19,0012,011,เหตุไร พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้เสด็จไปด้วยพระองค์เองในนี้. ตอบว่า กุลบุตร
19,0012,012,ทั้ง ๓ ย่อมเสวยสามัคคีรส เพราะจะทรงยกย่องกุลบุตรเหล่านั้น เพราะจะ
19,0012,013,ทรงอนุเคราะห์หมู่ชนเกิดในภายหลัง และเพราะความหนักในพระธรรม.
19,0012,014,ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นได้ทรงดำริอย่างนี้ว่า เราจักยกย่อง
19,0012,015,สรรเสริญกุลบุตรเหล่านี้ ทำปฏิสันถาร แสดงธรรมแก่กุลบุตรเหล่านั้น เพราะจะ
19,0012,016,ทรงยกย่องอย่างนี้เท่านั้น จึงเสด็จไป. พระองค์ได้มีพระดำริต่อไปว่า
19,0012,017,ในอนาคต กุลบุตรทั้งหลาย สำคัญการควรอยู่พร้อมเพรียงกันว่า พระ-
19,0012,018,สัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จสู่สำนักของกุลบุตรผู้อยู่พร้อมเพรียงกันด้วยพระองค์
19,0012,019,เอง ทำปฏิสันถาร แสดงธรรมทรงยกย่องกุลบุตรทั้ง ๓ ใครจะไม่พึงอยู่พร้อม-
19,0012,020,เพรียงกัน ดังนี้ จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้เร็วพลัน ดังนี้ แม้เพราะจะทรง
19,0012,021,อนุเคราะห์หมู่ชนผู้เกิดในภายหลัง จึงได้เสด็จไป. ก็ธรรมดาว่า พระพุทธเจ้า
19,0012,022,ทรงเป็นผู้หนักในธรรม ก็ความหนักในธรรมของพระพุทธเจ้าเหล่านั้นมาแล้ว
19,0012,023,ในรถวินีตสูตร เพราะเหตุนั้น พระองค์ทรงดำริว่า เราจักยกย่องธรรม
19,0012,024,แม้เพราะความหนักในธรรมนี้ ดังนี้. จึงได้เสด็จไป.