Book,Page,LineNumber,Text 19,0014,001,ไม่ผาสุกจักมีแก่กุลบุตรเหล่านั้น แม้ในที่ทั้งปวงด้วยประการฉะนี้ เขา 19,0014,002,ไม่ปรารถนาอย่างนั้น จึงขอร้องพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระองค์อย่าได้ทำ 19,0014,003,ความไม่ผาสุกแก่กุลบุตรเหล่านั้นเลย. 19,0014,004,ถามว่า ก็นายทายบาลนั้น รู้อยู่ จึงห้าม หรือไม่รู้อยู่ จึงห้าม. ตอบว่า 19,0014,005,จริงอยู่ ตั้งแต่พระตถาคตถือปฏิสนธิ ปาฏิหาริย์อันยังหมื่นจักรวาลให้ 19,0014,006,หวั่นไหวเป็นต้น เป็นไปแล้วแม้ก็จริง ถึงดังนั้น คนไม่มีกำลังชาวป่า ขวน- 19,0014,007,ขวายแต่การงาน ไม่อาจจะกำหนดรู้ปาฏิหาริย์เหล่านั้นได้. ก็ธรรมดาว่า 19,0014,008,พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อใดมีภิกษุหลายพันเป็นบริวาร เที่ยวแสดง 19,0014,009,พุทธานุภาพด้วยพระรัศมีวาหนึ่ง ด้วยอนุพยัญชนะ ๘๐ และด้วยพระสิริ 19,0014,010,คือ มหาปุริสลักษณะ ๓๒ เมื่อนั้นเขาถามว่า นั่นใคร แล้วพึงจะรู้จัก. ก็ครั้งนั้น 19,0014,011,พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปกปิดพุทธานุภาพนั้นทั้งหมดไว้ในกลีบจีวร 19,0014,012,ทรงถือบาตรและจีวรด้วยพระองค์เอง เสด็จไปโดยเพศที่ไม่มีใครรู้จัก 19,0014,013,เหมือนพระจันทร์ในวันเพ็ญ ที่ถูกปิดบังไว้ในกลีบเมฆ. นายทายบาล 19,0014,014,ไม่รู้ข้อนั้น จึงห้ามด้วยประการฉะนี้. บทว่า เอตทโวจ ความว่า ได้ยินว่า 19,0014,015,พระเถระฟังถ้อยคำของนายทายบาลว่า มา สมณ ดังนี้ จึงคิดว่า เราอยู่กัน 19,0014,016,๓ คนในที่นี้ ไม่มีบรรพชิตอื่นเลย ก็นายทายบาลนี้พูดเหมือนกับพูดกับ 19,0014,017,บรรพชิตจักเป็นใครหนอแลดังนี้แล้ว ออกจากที่พักกลางวัน ยืนอยู่ที่ประตู 19,0014,018,มองดูทาง ก็ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า. แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงเปล่ง 19,0014,019,พระรัศมีจากพระวรกาย พร้อมกับที่พระเถระเห็นพระรัศมีวาหนึ่งส่องสว่าง 19,0014,020,ด้วยพระอนุพยัญชนะ ๘๐ รุ่งเรืองเหมือนเผ่นทองที่คลี่ออก. พระเถระคิดว่า 19,0014,021,นายทายบาลนี้ พูดกับบุคคลผู้เลิศในโลก ยังไม่รู้จัก พูดคล้ายกับภิกษุรูปใด 19,0014,022,รูปหนึ่ง เหมือนเหยียดมือจับอสรพิษแผ่พังพานที่คอ เมื่อจะห้ามจึงได้กล่าวคำ 19,0014,023,เป็นต้นนี้ว่า มา อาวุโส ทายปาล ดังนี้. บทว่า เตนุปสงฺกมิ ความว่า 19,0014,024,เพราะเหตุอะไร ไม่ทำการต้อนรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จึงเข้าไปเฝ้า.