Book,Page,LineNumber,Text 19,0030,001,ด้วยบทและพยัญชนะอันราบเรียบไม่ขาดสายเพื่อถอนเสียซึ่งอนุสัย 19,0030,002,ท่านสารีบุตรป่าโคสิงคสาลวัน พึงงามด้วยภิกษุเห็นปานนี้แล. 19,0030,003,พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดีละ ดีละ สารีบุตร อานนท์ เมื่อจะ 19,0030,004,พยากรณ์โดยชอบ พึงพยากรณ์ตามนั้นด้วยว่า อานนท์เป็นพหูสูต เป็นผู้ทรง 19,0030,005,สุตะ สั่งสมสุตะ ธรรมเหล่าใด งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งาม 19,0030,006,ในที่สุดพร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ ประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์ 19,0030,007,บริบูรณ์สิ้นเชิง ธรรมเห็นปานนั้น อันอานนท์นั้นสดับมากแล้ว ทรงไว้ 19,0030,008,แล้วสั่งสมด้วยวาจา ตามเพ่งด้วยใจ แทงตลอดดีแล้วด้วยความเห็น อานนท์ 19,0030,009,นั้นแสดงธรรมแก่บริษัท ๔ ด้วยบทและพยัญชนะอันราบเรียบไม่ขาดสาย 19,0030,010,เพื่อถอนเสียซึ่งอนุสัย. 19,0030,011,[๓๗๗] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อท่านพระอานนท์กล่าวอย่างนี้แล้ว 19,0030,012,ข้าพระองค์ได้กล่าวกะท่านพระเรวตะว่า ท่านเรวตะ ปฏิภาณตามที่เป็นของ 19,0030,013,ตน ท่านอานนท์พยากรณ์แล้ว บัดนี้ เราขอถามท่านเรวตะในข้อนั้นว่า 19,0030,014,ป่าโคสิงคสาลวัน เป็นสถานน่ารื่นรมย์ ราตรีแจ่มกระจ่าง ไม้สาละมีดอก 19,0030,015,บานสะพรั่งทั่วต้น กลิ่นคล้ายทิพย์ ย่อมฟุ้งไป ท่านเรวตะ ป่าโคสิงคสาลวัน 19,0030,016,จะพึงงามด้วยภิกษุเห็นปานไร เมื่อข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้แล้ว ท่าน 19,0030,017,พระเรวตะได้ตอบข้าพระองค์ว่า ท่านสารีบุตร ภิกษุในพระศาสนานี้ 19,0030,018,เป็นผู้มีความหลีกเร้นเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในความหลีกเร้นประกอบเนืองๆ 19,0030,019,ซึ่งเจโตสมถะอันเป็นภายใน มีฌานอันไม่เหินห่าง ประกอบด้วยวิปัสสนา 19,0030,020,พอกพูนสุญญาคาร ท่านสารีบุตรป่าโคสิงคสาลวัน พึงงามด้วยภิกษุเห็น 19,0030,021,ปานนี้แล. 19,0030,022,พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดีละ ดีละ สารีบุตร เรวตะเมื่อจะ 19,0030,023,พยากรณ์โดยชอบ พึงพยากรณ์ตามนั้น ด้วยเรวตะ เป็นผู้มีความหลีกเร้น 19,0030,024,เป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในความหลีกเร้นประกอบเนืองๆ ซึ่งเจโตสมถะอันเป็น