Book,Page,LineNumber,Text
19,0047,001,ต้น ปลายแห่งบาลี ตั้งอยู่ในนัยที่อาจารย์ให้ไว้ดำเนินไปเหมือนกำหนดด้วย
19,0047,002,ตราชั่ง เหมือนส่งน้ำไปที่เหมืองลึก เหมือนสินธพอาชาไนยกระทืบเท้า
19,0047,003,ถ้อยคำของภิกษุนั้น ชื่อว่าราบเรียบ ท่านหมายเอาถ้อยคำเห็นปานนี้
19,0047,004,จึงกล่าวว่า ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยญฺชเนหิ ดังนี้.
19,0047,005,ในบทว่า อนุปฺปพนฺเธหิ ความว่า ภิกษุใด กล่าวธรรม ตั้งแต่เวลา
19,0047,006,เริ่มสูตร หรือชาดกปรารภ รีบด่วนเหมือนคนสีไฟ เหมือนคนเคี้ยวของ
19,0047,007,ร้อน กระทำที่ถือเอาแล้ว ๆ และไม่ถือเอาแล้วๆ ในอนุสนธิเบื้องต้นเบื้องปลาย
19,0047,008,แห่งบาลี อ้อมแอ้มในที่นั้นๆ จบลุกไป เหมือนคนเลี้ยงเหี้ยเที่ยวไปในระหว่าง
19,0047,009,ใบไม้เก่า ภิกษุใด เมื่อกล่าวธรรม บางคราวก็เร็ว บางคราวก็ช้า บางคราว
19,0047,010,ทำเสียงดัง บางคราวทำเสียงค่อย ไปเผาศพ บางคราวลุก บางคราวก็ดับฉันใด
19,0047,011,ภิกษุนั้นชื่อว่าพระธัมมกถึกเปรียบด้วยไฟเผาศพฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อบริษัท
19,0047,012,ประสงค์จะลุก เริ่มขึ้นอีก. แม้ภิกษุใด เมื่อกล่าวให้พิสดารในที่นี้แม้แต่เธอ
19,0047,013,กล่าวเหมือนถอนหายใจ เหมือนคร่ำครวญ ถ้อยคำของภิกษุเหล่านี้แม้ทั้งหมด
19,0047,014,ชื่อว่าไม่ติดต่อกัน. ส่วนผู้ใดเริ่มสูตร ตั้งอยู่ในนัย ที่อาจารย์ให้ไว้ทำไม่ขาด
19,0047,015,สายให้เป็นไป เหมือนกระแสน้ำยังถ้อยคำให้เป็นไม่ขาดตอนเหมือนน้ำตกจาก
19,0047,016,คงคา ถ้อยคำของเขาชื่อว่า ติดต่อกันโดยลำดับ ท่านหมายเอาถ้อยคำนั้น
19,0047,017,จึงกล่าวว่า อนุปฺปพนฺเธหิ ดังนี้. บทว่า อนุสายสมุคฺฆาตาย ได้แก่ เพื่อถอนอนุสัย
19,0047,018,๗ อย่าง. บทว่า เอวรูเปน ความว่า ป่าโคสิงคสาลวัน พึงงามด้วยภิกษุพหูสูต
19,0047,019,เห็นปานนี้ หรือภิกษุแสดงรูปเห็นปานนั้นนั่งแล้ว ชายสังฆาฏิกับชาย
19,0047,020,สังฆาฏิจดกัน หรือเข่ากับเข่าจดกันและกัน พึงทราบเนื้อความในวาระทั้งปวง
19,0047,021,โดยนัย. ภิกษุชื่อปฏิสัลลานารามา เพราะอรรถว่า ความหลีกเร้นเป็นที่มา
19,0047,022,ยินดีของภิกษุนั้น. บทว่า ปฏิสลฺลานรโต คือ ยินดีแล้วในการหลีกเร้น. บท
19,0047,023,ว่า สหสฺสโลกานํ คือ โลกธาตุพันหนึ่ง. จริงอยู่ การเสพธุระ เนื่องด้วยการ
19,0047,024,พิจารณาของพระเถระมีประมาณเท่านี้. ส่วนพระเถระเมื่อหวัง ย่อมตรวจดูได้