Book,Page,LineNumber,Text 20,0028,001,พระนคร. บทว่า สนฺถาคารํ คือโรงบูชายัญ. บทว่า ขราชินํ นิวาเสตฺวา 20,0028,002,คือทรงนุ่งหนังเสือทั้งเล็บ. บทว่า สปฺปิเตเลน ด้วยเนยใสและน้ำมัน . น้ำมัน 20,0028,003,อย่างใดอย่างหนึ่งที่เหลือเว้นเนยใส ท่านเรียกว่า เตลํ น้ำมัน. บทว่า กณฺฑว- 20,0028,004,มาโน ทรงเกาคือทรงเกาด้วยเขาในเวลาที่ต้องเกาเพราะเล็บกุด. บทว่า 20,0028,005,อนนฺตรหิตาย คือมิได้ลาดด้วยเครื่องลาด. บทว่า สรูปวจฺฉาย แห่งใดผู้ 20,0028,006,มีรูปเช่นเดียวกับแม่โค คือ ถ้าแม่โคขาว ลูกโคก็ขาวด้วย ถ้าแม่โคต่างหรือแดง 20,0028,007,ลูกโคก็เป็นเช่นนั้นด้วย เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่า สรูปวจฺฉา ด้วยประการฉะนี้. 20,0028,008,บทว่า โส เอวมาห พระราชานั้นตรัสอย่างนี้. บทว่า วจฺฉตรา ลูกโคมีกำลัง 20,0028,009,ผู้ถึงความมีกำลังเกินความเป็นลูกโคหนุ่ม แม้ในบทว่า วจฺฉตรี ลูกโคเมียก็มี 20,0028,010,นัยนี้เหมือนกัน. บทว่า ปริสณฺ€าย เพื่อลาดพื้นคือเพื่อต้องการทำเครื่อง 20,0028,011,ล้อม และเพื่อต้องการลาดบนพื้นบูชายัญ. บทที่เหลือง่ายทั้งนั้นเพราะกล่าวไว้ 20,0028,012,พิสดารแล้วในบทนั้น ๆ ในหนหลัง. 20,0028,013,จบอรรถกถากันทรกสูตรที่ ๑ 20,0028,014,

๒. อัฏฐกนาครสูตร

20,0028,015,

ว่าด้วยทสมคฤหบดี

20,0028,016,[๑๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้. 20,0028,017,สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์อยู่ ณ เวฬุวคาม เขตนครเวสาลี ก็สมัย 20,0028,018,นั้นคฤหบดีชื่อว่า ทสมะ เป็นชาวเมืองอัฏฐกะ ไปยังเมืองปาตลีบุตร ด้วย 20,0028,019,กรณียกิจอย่างหนึ่ง ครั้งนั้น ทสมคฤหบดีชาวเมืองอัฏฐกะ เข้าไปหาภิกษุรูป 20,0028,020,หนึ่งที่กุกกุฏาราม ไหว้ภิกษุนั้นแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้ถามภิกษุนั้น