Book,Page,LineNumber,Text 21,0014,001,

ราชวรรควรรณนา

21,0014,002,

อรรถกถาฆฏิการสูตร

21,0014,003,ฆฏิการสูตรมีคำเริ่มต้นว่า ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:- 21,0014,004,พึงทราบวินิจฉัยในฆฏิการสูตรนั้นดังต่อไปนี้ บทว่า สิตํ ปาตฺวากาสิ 21,0014,005,ทรงกระทำความแย้มพระโอษฐ์ให้ปรากฏ ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง 21,0014,006,ดำเนินไปโดยมหามรรคา ทรงตรวจดูภูมิประเทศแห่งหนึ่ง แล้วทรงรำพึงว่า 21,0014,007,เมื่อเราประพฤติจริยาอยู่ เคยอยู่ในที่นี้บ้างหรือหนอ ดังนี้ ทรงเห็นว่า เมื่อ 21,0014,008,ศาสนาพระกัสสปพุทธเจ้า ที่นี้เป็นนิคมชื่อว่า เวภัลลิคะ ในกาลนั้น เรา 21,0014,009,เป็นมาณพชื่อ โชติปาละ เรามีสหายเป็นช่างหม้อชื่อ ฆฏิการะ เรากับนาย 21,0014,010,ฆฏิการะนั้นได้กระทำเหตุอันดีไว้อย่างหนึ่งในที่นี้ ความดีนั้นยังปกปิดอยู่ ยัง 21,0014,011,ไม่ปรากฏแก่ภิกษุสงฆ์ เอาเถิด เราจะกระทำเรื่องนั้นให้ปรากฏแก่ภิกษุสงฆ์ 21,0014,012,ทรงดำริดังนี้แล้ว ทรงหลีกออกจากทางประทับยืนอยู่ ณ ประเทศหนึ่งเทียว 21,0014,013,ทรงกระทำความแย้มพระโอษฐ์ให้ปรากฏ ทรงแย้มพระโอษฐ์. พระพุทธเจ้า 21,0014,014,ทั้งหลายย่อมไม่ทรงพระสรวล เหมือนอย่างพวกมนุษย์ชาวโลกีย์ ย่อมตีท้อง 21,0014,015,หัวเราะว่า ที่ไหน ที่ไหน ดังนี้. ส่วนการยิ้มแย้มของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย 21,0014,016,ปรากฏเพียงอาการยินดีร่าเริงเท่านั้น. อนึ่ง การหัวเราะนั้นมีได้ด้วยจิตที่เกิด 21,0014,017,พร้อมด้วยโสมนัส ๑๓ ดวง. ในบรรดาจิตเหล่านั้น มหาชนชาวโลกย่อมหัวเราะ 21,0014,018,ด้วยจิต ๘ ดวง คือ โดยอกุศลจิต ๔ ดวง โดยกามาวจรกุศลจิต ๔ ดวง. 21,0014,019,พระเสกขบุคคลย่อมหัวเราะด้วยจิต ๖ ดวง นำจิตที่สัมปยุตด้วยทิฏฐิฝ่ายอกุศล 21,0014,020,ออก ๒ ดวง. พระขีณาสพย่อมยิ้มแย้มด้วยจิต ๕ ดวง คือ ด้วยกิริยาจิตที่เป็น