Book,Page,LineNumber,Text
21,0015,001,สเหตุกะ ๔ ดวง ด้วยกิริยาจิตที่เป็นอเหตุกะ ๑ ดวง. แม้ในจิตเหล่านั้นเมื่อ
21,0015,002,อารมณ์มีกำลังมาปรากฏย่อมยิ้มแย้มด้วยจิตที่สัมปยุตด้วยญาณ ๒ ดวง. เมื่อ
21,0015,003,อารมณ์ทุรพลมาปรากฏ ย่อมยิ้มแย้มด้วยจิต ๓ ดวง คือ ด้วยทุเหตุกจิต ๒
21,0015,004,ดวง ด้วยอเหตุกะ ๑ ดวง. แต่ในที่นี้ จิตที่เกิดพร้อมด้วยโสมนัสอันเป็นมโน
21,0015,005,วิญญาณธาตุฝ่ายกิริยาอเหตุกจิตทำให้ความหัวเราะเพียงอาการยินดีร่าเริงให้เกิด
21,0015,006,แต่ภวังค์เท่านั้น. อนึ่ง ความแย้มนี้นั้น ถึงมีประมาณเล็กน้อยอย่างนี้ ก็ได้
21,0015,007,ปรากฏแก่พระเถระ. ถามว่า ปรากฏอย่างไร. ตอบว่า ธรรมดาในกาลเช่นนั้น
21,0015,008,เกลียวรัศมีมีประมาณเท่าต้นตาลใหญ่ รุ่งเรืองแปลบปลาบประดุจสายฟ้ามีช่อตั้ง
21,0015,009,๑๐๐ จากพระโอษฐ์ ประหนึ่งมหาเมฆที่จะยังฝนให้ตกในทวิปทั้ง ๔ ตั้งขึ้นจาก
21,0015,010,พระเขี้ยวแก้วทั้ง ๔ กระทำประทักษิณพระเศียรอันประเสริฐ ๓ รอบ แล้วก็
21,0015,011,อันตรธานหายไป ณ ปลายพระเขี้ยวแก้วนั่นแล. เพราะเหตุนั้นท่านพระอานนท์
21,0015,012,ถึงจะเดินตามไปข้างพระปฤษฎางค์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ทราบถึงความ
21,0015,013,แย้มพระโอษฐ์ด้วยสัญญานั้น.
21,0015,014,พึงทราบวินิจฉัยในคำว่า โส ภควนฺตํ เอตทโวจ นี้ ดังต่อไปนี้
21,0015,015,นัยว่า ท่านพระอานนท์ คิดว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ย่อม
21,0015,016,ทรงโอวาทภิกษุสงฆ์ ทรงกระทำการประกาศสัจจธรรมทั้ง ๔ เราจักให้พระ
21,0015,017,ผู้มีพระภาคเจ้าพอพระทัยประทับนั่ง ณ ที่นี้ ภูมิภาคนี้ จักเป็นอันพระพุทธเจ้า
21,0015,018,ถึงสองพระองค์ทรงใช้สอย มหาชนจักบูชา ด้วยของหอมและระเบียบดอกไม้
21,0015,019,เป็นต้น จักกระทำเจดีย์สถานบำรุงอยู่ก็จักมีสวรรค์เป็นที่ไปในภายหน้า ดังนี้
21,0015,020,แล้ว จึงได้กราบทูลคำว่า ถ้าอย่างนั้น ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า ดังนี้
21,0015,021,เป็นต้นนั้น.
21,0015,022,บทว่า มุณฺฑเกน สมณเกน ความว่า จะเรียกคนศีรษะโล้นว่า
21,0015,023,คนโล้นหรือเรียกสมณะว่า สมณะ ย่อมสมควร. ก็แลโชติปาละนี้ระอาอยู่ด้วย