Book,Page,LineNumber,Text 21,0036,001,ท่านพระรัฐปาละถวายพระพรว่า ดูก่อนมหาบพิตร อย่าเลย เชิญ 21,0036,002,มหาบพิตรนั่งเถิด อาตมภาพนั่งที่อาสนะของอาตมภาพดีแล้ว. พระเจ้าโกรัพยะ 21,0036,003,ประทับนั่งบนอาสนะที่พนักงานจัดถวาย. 21,0036,004,[๔๔๑] ครั้น พระเจ้าโกรัพยะประทับนั่งแล้ว ได้ตรัสกะท่านพระรัฐ- 21,0036,005,ปาละว่า ท่านรัฐปาละผู้เจริญ ความเสื่อมสี่ประการนี้ ที่คนบางพวกในโลกนี้ 21,0036,006,ถึงเข้าแล้ว ย่อมปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็น 21,0036,007,บรรพชิต ความเสื่อม ๔ ประการนั้นเป็นไฉน คือความเสื่อมเพราะชรา ๑ 21,0036,008,ความเสื่อมเพราะความเจ็บไข้ ๑ ความเสื่อมจากโภคสมบัติ ๑ ความเสื่อมจาก 21,0036,009,ญาติ ๑. 21,0036,010,

ว่าด้วยความเสื่อมเพราะชราเป็นต้น

21,0036,011,[๔๔๒] ท่านรัฐปาละ ความเสื่อมเพราะชราเป็นไฉน ท่านรัฐปาละ 21,0036,012,คนบางคนในโลกนี้ เป็นคนแก่แล้ว เป็นคนเฒ่า เป็นผู้ใหญ่ ล่วงกาลผ่าน 21,0036,013,วัยมาโดยลำดับ. เขาคิดเห็นดังนี้ว่า เดี๋ยวนี้เราเป็นคนแก่แล้ว เป็นคนเฒ่าแล้ว 21,0036,014,เป็นผู้ใหญ่ ล่วงกาลผ่านวัยมาโดยลำดับ ก็การที่เราจะได้โภคสมบัติที่ยังไม่ได้ 21,0036,015,หรือการที่เราจะทำโภคสมบัติที่ได้แล้วให้เจริญ ไม่ใช่ทำได้ง่าย อย่ากระนั้นเลย 21,0036,016,เราพึงปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตเถิด. 21,0036,017,เขาประกอบด้วยความเสื่อมเพราะชรานั้น จึงปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้า 21,0036,018,กาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ดูก่อนท่านรัฐปาละ นี้เรียกว่า 21,0036,019,ความเสื่อมเพราะชรา. ส่วนท่านรัฐปาละผู้เจริญ เดี๋ยวนี้ก็ยังหนุ่มแน่น มีผมดำ 21,0036,020,สนิท ประกอบด้วยความเป็นหนุ่มกำลังเจริญเป็นวัยแรก ไม่มีความเสื่อมเพราะ 21,0036,021,ชรานั้นเลย. ท่านพระรัฐปาละรู้เห็น หรือได้ฟังอะไร จึงออกจากเรือนบวช 21,0036,022,เป็นบรรพชิตเสียเล่า.