Book,Page,LineNumber,Text
22,0024,001,
ปปัญจสูทนี
22,0024,002,อรรถกถามัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
22,0024,003,อรรถกถาเทวทหวรรค
22,0024,004,อรรถกถาเทวทหสูตรที่ ๑
22,0024,005,เทวทหสูตร มีคำเริ่มต้นว่า ข้าพเจ้าได้ฟังมาแล้วอย่างนี้:-
22,0024,006,พึงทราบวินิจฉัยในเทวทหสูตรนั้นดังต่อไปนี้. พระราชาทั้งหลายเขา
22,0024,007,เรียกว่าเทวะ ในบทว่า เทวทหํ นาม นี้. ก็ในนิคมนั้น พวกเจ้าศากยะ มี
22,0024,008,สระโบกขรณีอันเป็นมงคลน่าเลื่อมใส พรั่งพร้อมด้วยการอารักขา. สระนั้นเขา
22,0024,009,เรียกว่าเทวทหะ เพราะเป็นสระของเจ้าทั้งหลาย. อาศัยสระเทวทหะนั้น แม้
22,0024,010,นิคมนั้นก็เรียกว่าเทวทหะเหมือนกัน. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอาศัยนิคมนั้น
22,0024,011,ประทับอยู่ในลุมพินีวัน. บทว่า ทั้งหมดนั้นเพราะเหตุที่ทำไว้ในปางก่อน
22,0024,012,ความว่า เพราะกรรมที่ทำไว้ในปางก่อนเป็นปัจจัย. ด้วยคำนี้ทรงแสดงว่า
22,0024,013,พวกนิครนถ์ก็ปฏิเสธการเสวยกรรม และการเสวยการกระทำ ย่อมรับการเสวย
22,0024,014,วิบากอย่างเดียวเท่านั้น. ด้วยคำว่า ภิกษุทั้งหลาย พวกนิครนถ์มีวาทะ
22,0024,015,อย่างนี้ ดังนี้ ทรงกำหนดแสดงพระดำรัสที่ตรัสไม่ได้กำหนดไว้ แต่ก่อน
22,0024,016,บทว่า เราทั้งหลายได้มีแล้ว ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า
22,0024,017,พวกนิครนถ์เหล่านั้นไม่รู้เลย ทรงประสงค์จะตรัสบอกคำสอนอันเป็นโทษ
22,0024,018,ล้วน ๆ จึงตรัสคำนี้. เพราะชนเหล่าใดไม่รู้ว่าเราทั้งหลายได้มีมาแล้ว ชน
22,0024,019,เหล่านั้นจะรู้ว่าทำกรรมไว้แล้ว หรือไม่ได้ทำไว้แล้วได้อย่างไร. แม้ในคำถาม
22,0024,020,ที่สูง ๆ ขึ้นไป ก็มีนัยนี้เหมือนกัน.