Book,Page,LineNumber,Text 24,0038,001,เหล่านั้น พึงส่งไปในเบื้องต่ำ กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีอยู่ กุศลธรรม 24,0038,002,ทั้งหมดเหล่านั้น พึงส่งไปในเบื้องบน. 24,0038,003,เทวดาฟังวิสัชนาปัญหานี้แล้วดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล เป็นผู้ยินดี 24,0038,004,แล้ว เลื่อมใสแล้ว ประกาศอยู่ซึ่งความยินดีและความเสื่อมใสของตนแล้ว จึง 24,0038,005,กล่าวคำเป็นคาถาว่า จิรสฺสํ วต เป็นต้น แปลว่า นานหนอ ข้าพเจ้าจึงจะ 24,0038,006,เห็นขีณาสวพราหมณ์ ผู้ดับรอบแล้ว ไม่พักไม่เพียรอยู่ ข้ามตัณหาเป็นเครื่อง 24,0038,007,เกาะเกี่ยวในโลก. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า จิรสฺสํ ความว่า โดยกาลอัน 24,0038,008,ล่วงไปแห่งกาลนาน. 24,0038,009,ได้ยินว่า เทวดานี้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ 24,0038,010,จำเดิมแต่พระองค์ปรินิพพานแล้ว ยังไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นใน 24,0038,011,ระหว่างกาลอันยาวนานนี้ เพราะฉะนั้น ครั้นเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าในวันนี้ 24,0038,012,จึงได้กราบทูลอย่างนี้. ถามว่า ก็ในกาลก่อนแต่กาลนี้ เทวดาองค์นี้ ไม่เคย 24,0038,013,เห็นพระบรมศาสดา หรือ. ตอบว่า เห็นหรือไม่เห็น จงยกไว้ เพราะอาศัย 24,0038,014,ทัสสนะ (คือบรรลุโสดาปัตติมรรค) ก็สมควรจะกล่าวอย่างนี้. 24,0038,015,บทว่า พฺราหฺมณํ ได้แก่ ขีณาสวพราหมณ์ ผู้มีบาปอันปิดกั้นแล้ว. 24,0038,016,บทว่า ปรินิพฺพุตํ ได้แก่ ผู้ดับรอบแล้ว ด้วยการดับซึ่งกิเลส. บทว่า 24,0038,017,โลเก ได้แก่ ในสัตว์โลก. ในบทว่า วิสตฺติกํ นี้ ตัณหา ท่านเรียกว่า 24,0038,018,เครื่องเกาะเกี่ยว เพราะเหตุที่มีการพัวพันและความอยากในอารมณ์ทั้งหลาย มี 24,0038,019,รูปารมณ์เป็นต้น อธิบายว่าเทวดากราบทูลว่า นานหนอ ข้าพระองค์จึงจะเห็น 24,0038,020,ขีณาสวพราหมณ์ ผู้ไม่พักไม่เพียรอยู่ ผู้ข้ามได้แล้ว ผ่านพ้นไปแล้ว คือ 24,0038,021,รื้อถอนออกแล้วซึ่งตัณหาอันเป็นเครื่องเกาะเกี่ยวนั้น ดังนี้. บทว่า สมนุญฺ-