Book,Page,LineNumber,Text
26,0033,001,อาศัยจักษุ หรือวิญญาณเกิดแต่จักษุ. โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหา-
26,0033,002,วิญญาณและกายวิญญาณก็เหมือนกัน. แต่อีกวิญญาณหนึ่ง ชื่อว่า มโน-
26,0033,003,วิญญาณ เพราะอรรถว่าวิญญาณคือใจ. คำนี้เป็นชื่อของวิบากจิตที่เป็นไป
26,0033,004,ในภูมิ ๓ ที่เว้นทวิปัญจวิญญาณ.
26,0033,005,ใน
สังขารนิเทศ
มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
26,0033,006,สังขารมีการปรุงแต่งเป็นลักษณะ ก็ในการจำแนกสังขารนั้น มี
26,0033,007,อธิบายดังนี้ สังขารที่เป็นทางกาย ชื่อกายสังขาร. คำว่า กายสังขารนี้
26,0033,008,๑๒ ที่เป็นไปด้วยอำนาจไหวกายทวาร. คำว่า วจีสังขารนี้ เป็นชื่อแห่ง
26,0033,009,วจีสัญเจตนา ๒๐ เหมือนกัน ที่เป็นไปด้วยอำนาจการเปล่งวาจาในวจี-
26,0033,010,ทวาร. สังขารที่เป็นไปทางจิต ชื่อว่าจิตตสังขาร. คำว่า จิตตสังขาร นี้
26,0033,011,เป็นชื่อแห่งมโนสัญเจตนา ๒๙ คือกุศลจิต ๑๗ อกุศลจิต ๑๒ อันเป็น
26,0033,012,ฝ่ายโลกิยะ ที่เป็นไปแก่บุคคลผู้ไม่ทำการไหวในกายทวารและวจีทวาร
26,0033,013,นั่งคิดอยู่ในที่ลับ.
26,0033,014,ในอวิชชานิเทศ
มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
26,0033,015,บทว่า ทุกฺเข อาณํ ได้แก่ความไม่รู้ในทุกขสัจจะ คำนี้เป็น
26,0033,016,ชื่อของโมหะ. ในคำว่า สมุทเย อาณํ เป็นต้น ก็นัยนี้เหมือนกัน.
26,0033,017,ในสัจจะ ๔ นั้น พึงทราบความไม่รู้ในทุกขสัจจะด้วยเหตุ ๔ คือ โดย
26,0033,018,ภาวะที่หยั่งลงในภายใน โดยวัตถุ โดยอารมณ์ และโดยการปกปิด.
26,0033,019,จริงอย่างนั้น ความไม่รู้นั้น ชื่อว่าทุกขสัจจะ เพราะหยั่งลงในภายในทุกข์
26,0033,020,เพราะนับเนื่องในทุกขสัจจะ ชื่อว่าเป็นวัตถุ เพราะเป็นนิสสยปัจจัยแห่ง
26,0033,021,ทุกขสัจจะนั้น ชื่อว่าเป็นอารมณ์ เพราะเป็นอารัมมณปัจจัย ความไม่รู้นั้น