Book,Page,LineNumber,Text 26,0046,001,เพราะอะไรเป็นปัจจัย. เมื่อสังขารมีอยู่ วิญญาณจึงมี. วิญญาณย่อมมีเพราะ 26,0046,002,สังขารเป็นปัจจัย. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความปริวิตกดังนี้ว่า เมื่อ 26,0046,003,อะไรหนอมีอยู่ สังขารจึงมี. สังขารย่อมมีเพราะอะไรเป็นปัจจัย. ดูก่อน 26,0046,004,ภิกษุทั้งหลาย เรานั้น เพราะกระทำไว้ในใจโดยแยบคายจึงได้รู้ด้วยปัญญา 26,0046,005,ว่า เมื่ออวิชชามีอยู่ สังขารจึงมี. สังขารย่อมมีเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย 26,0046,006,เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร. เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ 26,0046,007,. . .ดังพรรณนามาฉะนี้ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วย 26,0046,008,ประการอย่างนี้. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสง 26,0046,009,สว่าง ได้บังเกิดขึ้นแก่เราในธรรมที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนว่า ฝ่ายข้างเกิด 26,0046,010,ฝ่ายข้างเกิด ดังนี้. 26,0046,011,[๒๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความปริวิตกดังนี้ว่า เมื่อ 26,0046,012,อะไรหนอไม่มี ชราและมรณะจึงไม่มี. เพราะอะไรดับ ชราและมรณะจึงดับ. 26,0046,013,ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรานั้น เพราะกระทำไว้ในใจโดยแยบคายจึงได้รู้ด้วย 26,0046,014,ปัญญาว่า เมื่อชาติไม่มี ชราและมรณะจึงไม่มี. เพราะชาติดับ ชราและมรณะ 26,0046,015,จึงดับ. . .เมื่ออะไรหนอไม่มี ชาติจึงไม่มี. เพราะอะไรดับ ชาติจึงดับ เมื่อ 26,0046,016,ภพไม่มี ชาติจึงไม่มี. เพราะภพดับ ชาติจึงดับ. . . เมื่ออุปาทานไม่มี ภพ 26,0046,017,จึงไม่มี. เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ. . . เมื่ออะไรหนอไม่มี อุปาทาน 26,0046,018,จึงไม่มี. เพราะอะไรดับ อุปาทานจึงดับ. เมื่อตัณหาไม่มี อุปาทานจึงไม่มี. 26,0046,019,เพราะตัณหาจึงดับ อุปาทานจึงดับ. . .เมื่ออะไรหนอไม่มี ตัณหาจึงไม่มี. 26,0046,020,เพราะอะไรดับ ตัณหาจึงดับ. เมื่อเวทนาไม่มี ตัณหาจึงไม่มี. เพราะ 26,0046,021,เวทนาดับ ตัณหาจึงดับ. . . เมื่ออะไรหนอไม่มี เวทนาจึงไม่มี. เพราะ