Book,Page,LineNumber,Text
27,0017,001,อธิบายว่า กลืนรูปด้วยตัณหาและทิฏฐิให้เสร็จไปอย่างนี้ว่า เรา ว่า
27,0017,002,ของเรา ชื่อว่าย่อมยึด.บทว่า ตสฺส ตํ รูปํ ได้แก่ รูปของเขานั้น คือที่ยึดไว้
27,0017,003,อย่างนั้น แม้ในขันธ์มีเวทนาขันธ์เป็นต้น ก็นัยนี้แหละ.
27,0017,004,บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ ความว่า
27,0017,005,ท่านกล่าว รูปล้วนๆนั่นแลว่าตน.อีกอย่างหนึ่งท่านกล่าว สิ่งที่ไม่มีรูปใน
27,0017,006,ฐานะ ๗ เหล่านี้ว่า พิจารณาเห็นตนมีรูป หรือ รูปในตน หรือตนในรูป
27,0017,007,๑ เวทนา โดยเป็น ตน ๑ ฯลฯ สัญญา สังขาร วิญญาณ โดยเป็นตน
27,0017,008,กล่าว ตน ที่ระคนปนกับรูปและอรูปในฐานะ ๑๒ โดยขันธ์ ๓ ใน
27,0017,009,บรรดาขันธ์ ๔ อย่างนี้ว่า พิจารณาเห็นตนมีเวทนา หรือเวทนาในตน
27,0017,010,หรือตนในเวทนา ในบรรดาขันธ์เหล่านั้น ท่านกล่าวอุจเฉททิฏฐิ ใน
27,0017,011,ฐานะว่า พิจารณาเห็นรูปโดยเป็นตน พิจารณาเห็นเวทนา สัญญา
27,0017,012,สังขาร วิญญาณ โดยเป็นตน. ในทิฏฐิที่เหลือ สัสสตทิฏฐิ ย่อมเป็นอย่างนี้
27,0017,013,สรุปความว่า ในปัญจขันธ์เหล่านี้ ภวทิฏฐิ ๑๕ (วิภวทิฏฐิ ๕) ย่อมเป็น
27,0017,014,อย่างนี้ ทิฏฐิเหล่านั้นทั้งหมดพึงทราบว่า ย่อมห้ามมรรค ไม่ห้ามสวรรค์
27,0017,015,อันโสดาปัตติมรรค พึงฆ่า.
27,0017,016,บทว่า เอวํ โข คหปติ อาตุรกาโย เจว โหติ อาตุรจิตฺโต จ ความว่า
27,0017,017,ขึ้นชื่อว่ากาย แม้ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ย่อมกระสับกระส่าย
27,0017,018,เหมือนกัน ส่วนจิตซึ่งคล้อยตามราคะ โทสะ และโมหะ ก็ชื่อว่ากระสับ
27,0017,019,กระส่าย จิตนั้นท่านแสดงไว้ในที่นี้แล้ว.
27,0017,020,บทว่า น จ อาตุโร ความว่า ในที่นี้ท่านแสดงถึงความที่จิตสงัด
27,0017,021,ไม่กระสับกระส่าย เพราะปราศจากกิเลส.
27,0017,022,ดังนั้นในพระสูตรนี้พึงทราบว่า ท่านแสดงถึงโลกิยมหาชนว่า
27,0017,023,มีกายกระสับกระส่าย และมีจิตกระสับกระส่าย พระขีณาสพ พึง