Book,Page,LineNumber,Text
27,0024,001,สรรเสริญแล้ว ไปเถิด ท่านสัปปุรุษ พวกท่านอย่าเป็นผู้ประมาท แล้ว
27,0024,002,ตนเองก็เที่ยวไปบิณฑบาตหรือกระทำภัตกิจในตระกูลอุปัฏฐาก แล้วไป
27,0024,003,สู่วิหารข้อนี้เป็นเพราะพระเถระนั้นเคยประพฤติมาในสถานที่อยู่ประจำ
27,0024,004,ก่อน
27,0024,005,ก็เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริกไป พระเถระคิดว่า เราเป็น
27,0024,006,พระอัครสาวกจึงไม่เดินสรวมรองเท้ากั้นร่มไปข้างหน้า. ก็ในบรรดา
27,0024,007,ภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเหล่าใดเป็นผู้แก่ เป็นผู้ไข้ หรือยังหนุ่มนัก พระเถระ
27,0024,008,ก็ให้เอาน้ำมันทาที่เจ็บของภิกษุเหล่านั้น แล้วให้ภิกษุหนุ่มและสามเณร
27,0024,009,ของตนถือบาตรและจีวร วันนั้นหรือวันรุ่งขึ้นก็พาภิกษุเหล่านั้นไป
27,0024,010,วันหนึ่งพระศาสดาทรงเห็นท่านผู้นี้แล ไม่ได้เสนาสนะนั่งอยู่ในกลด
27,0024,011,เพราะมาถึงเวลาวิกาลเกินไป วันรุ่งขึ้นจึงให้ประชุมภิกษุสงฆ์แสดง
27,0024,012,เรื่องช้าง ลิง และนกกระทา แล้วทรงบัญญัติ สิกขาบทว่า ท่านพึงให้
27,0024,013,เสนาสนะตามลำดับผู้แก่. อันดับแรกพระองค์ทรงอนุเคราะห์ด้วยอามิส
27,0024,014,ด้วยประการฉะนี้ ก็แลพระองค์เมื่อจะทรงโอวาทร้อยครั้งบ้าง
27,0024,015,พันครั้งบ้าง จนกระทั่งบุคคลนั้นดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล ลำดับนั้นจึง
27,0024,016,ทรงผละบุคคลนั้นแล้วโอวาทบุคคลอื่น โดยนัยนี้คนทั้งหลายตั้งอยู่ใน
27,0024,017,โอวาทของพระองค์ผู้ทรงโอวาทอยู่ ก็บรรลุพระอรหัตนับไม่ถ้วน
27,0024,018,พระองค์ทรงอนุเคราะห์ด้วยธรรมด้วยประการฉะนี้.
27,0024,019,บทว่า ปจฺจสฺโสสุํ ความว่า ภิกษุเหล่านั้นคิดว่า ผู้นี้ไม่ได้เป็น
27,0024,020,อุปัชฌาย์ ไม่ได้เป็นอาจารย์ ไม่ได้เป็นเพื่อนเห็นเพื่อนคบกันมา ดังนั้น
27,0024,021,เราจักทำในสำนักของท่านดังนี้แล้ว มิได้นิ่งเฉยเสีย จึงรับพระดำรัส
27,0024,022,พระศาสดาว่า อย่างนั้นพระเจ้าข้า.
27,0024,023,บทว่า เอลคลาคุมฺเพ ได้แก่ ที่โรงที่มุงบังด้วยตะไคร่น้ำ ได้ยินว่า
27,0024,024,พุ่มตะไคร่น้ำนั้นเกิดในที่มีน้ำขังนานๆ ครั้งนั้นภิกษุเหล่านั้น ทำโรง