Book,Page,LineNumber,Text 28,0035,001,เล่ากันมาว่า จากภัททกัปนี้ไป ๙๒ กัป ได้มีพระราชาพระองค์ 28,0035,002,หนึ่งพระนามว่า มหินทะ ท้าวเธอมีพระเชฏฐโอรสพระนามว่า ปุสสะ. 28,0035,003,ปุสสะเชฏฐโอรสนั้นเปี่ยมด้วยบารมี เป็นสัตว์เกิดในภพสุดท้าย เมื่อญาณ 28,0035,004,แก่กล้า เสด็จขึ้นสู่โพธิมัณฑสถานแทงตลอดพระสัพพัญญุตญาณ. พระ- 28,0035,005,กนิฏฐโอรสเป็นอัครสาวกของพระองค์ บุตรปุโรหิตเป็นทุติยสาวก. พระ- 28,0035,006,ราชามีพระดำริว่า ลูกชายคนโตของเราออกบวชเป็นพระพุทธเจ้า ลูกคน 28,0035,007,เล็กเป็นอัครสาวก ลูกปุโรหิตเป็นทุติยสาวก. พระองค์ให้สร้างวิหารด้วย 28,0035,008,พระดำริว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ของพวกเราทั้งนั้น ทรงล้อม 28,0035,009,สองข้างทางด้วยไม้ไผ่ จากพระทวารตำหนักของพระองค์จนถึงซุ้มประตู 28,0035,010,วิหาร เบื้องบนรับสั่งให้ผูกพวงของหอมพวงมาลัยที่หอมฟุ้งเป็นเพดาน 28,0035,011,เสมือนประดับด้วยดาวทอง เบื้องล่างรับสั่งให้เกลี่ยทรายสีเหมือนเงินแล้ว 28,0035,012,โปรยดอกไม้ ให้พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาตามบรรดานั้น. 28,0035,013,พระศาสดาประทับยินในพระวิหารนั้นแล ทรงห่มจีวรเสด็จมายัง 28,0035,014,พระราชมณเฑียร พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ภายในม่านทีเดียว เสร็จภัตกิจแล้ว 28,0035,015,เสด็จกลับภายในม่านนั่นเอง. ไม่มีใครได้ถวายภัตตาหารสักทัพพี. ลำดับ 28,0035,016,นั้น ชาวพระนครพากันโพนทะนาว่า พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลก 28,0035,017,แต่พวกเราไม่ได้ทำบุญกันเลย ธรรมดาพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมเกิดขึ้น 28,0035,018,เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่คนทั้งหลายเหมือนพระจันทร์พระอาทิตย์ส่องแสง 28,0035,019,สว่างแก่คนทั้งปวง แต่พระราชาพระองค์นี้แย่งบุญของคนทั้งหมด.