Book,Page,LineNumber,Text
29,0045,001,เวทนา ๑๘ มีเป็นอาทิว่า เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ย่อมไตร่ตรองซึ่งรูป อันเป็น
29,0045,002,ที่ตั้งแห่งโสมนัสด้วยสามารถการไตร่ตรอง พึงทราบ เวทนา ๓๖ อย่างนี้
29,0045,003,"คือ โสมนัสอาศัยเรือน ๖, อาศัยเนกขัมมะการออกจากกาม ๖, โทมนัส "
29,0045,004,"อาศัยเรือน ๖, อาศัยเนกขัมมะการออกจากกาม ๖, อุเบกขาอาศัยเรือน ๖,"
29,0045,005,"อาศัยเนกขัมมะการออกจากกาม ๖, พึงทราบ เวทนา ๑๐๘ อย่างนี้ คือ"
29,0045,006,เวทนาเหล่านั้น ในอดีตมี ๓๖. ในอนาคตมี ๓๖. ในปัจจุบันมี ๓๖.
29,0045,007,บทว่า ปญฺจิเม อานนฺท กามคุณา นี้ เป็นอนุสนธิเฉพาะอย่าง
29,0045,008,หนึ่ง. ที่จริง พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทำเวทนา ๒ ให้เป็นต้น ทรงบัญญัติ
29,0045,009,เวทนาอย่างเดียวเท่านั้น ก็หามิได้. โดยปริยาย ตรัสเวทนาอย่างเดียวก็มี
29,0045,010,เมื่อจะทรงแสดงเวทนานั้น จึงทรงเริ่มเทศนานี้เพื่อส่งเสริมวาทะของช่างไม้
29,0045,011,ชื่อปัญจกังคะ บทว่า อภิกฺกนฺตตรํ คือ ดีกว่า. บทว่า ปณีตตรํ คือ
29,0045,012,ยิ่งกว่า. ในข้อนี้อทุกขมสุขเวทนา ท่านกล่าวว่า สุขด้วยอรรถว่าสงบและ
29,0045,013,ประณีต. จำเดิมแต่จตุตถฌาน นิโรธ ชื่อว่าเป็นสุข ด้วยสามารถมิได้เสวย
29,0045,014,อารมณ์. ด้วยว่า ชื่อว่าสุขอันเสวยอารมณ์เกิดขึ้นแล้วด้วยสามารถกามคุณ
29,0045,015,๕ และด้วยสามารถสมาบัติ ๘. นิโรธ ชื่อว่าสุขอันมิได้เสวยอารมณ์แล้ว.
29,0045,016,สุขเสวยอารมณ์ก็ตาม มิได้เสวยอารมณ์ก็ตาม ก็ชื่อว่าสุขโดยส่วนเดียวแท้
29,0045,017,ด้วยอรรถว่าเป็นสุข กล่าวคือความไม่มีทุกข์.
29,0045,018,บทว่า ยตฺถ ยตฺถ คือในฐานะใด. บทว่า สุขํ อุปลพฺภติ ความว่า
29,0045,019,บุคคล ย่อมได้สุขอันเสวยอารมณ์หรือสุขอันมิได้เสวยอารมณ์ พระตถาคต
29,0045,020,ย่อมบัญญัติสุขนั้นๆ ลงในสุข. พระตถาคต ย่อมบัญญัติสุขนั้นทั้งหมด