Book,Page,LineNumber,Text 30,0017,001,องค์ ๘ นี้เท่านั้นแล. ก็อริยมรรคนี้ประเสริฐ เพราะปราศจากโทษทั้งปวง 30,0017,002,ด้วยว่า พระอริยะทั้งหลาย ย่อมไปสู่นิพพานด้วยอริยมรรคนี้ ดังนั้น จึงควร 30,0017,003,กล่าวว่า พรหมยานบ้าง ว่าธรรมยานบ้าง เพราะเป็นธรรมและเป็นยาน 30,0017,004,ว่ารถพิชัยสงครามอันยอดเยี่ยมบ้าง เพราะไม่มีสิ่งอันยิ่งกว่า และเพราะชนะ 30,0017,005,สงครามคือกิเลสแล้ว. 30,0017,006,บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงแสดงความที่อริยมรรคนั้นไม่มี 30,0017,007,โทษ และเป็นพิชัยสงคราม จึงตรัสคำเป็นอาทิว่า ราควินยปริโยสานา 30,0017,008,ดังนี้ . ในบทนั้น สัมมาทิฏฐิ เมื่อกำจัดราคะย่อมให้หมด คือย่อมถึงได้แก่ย่อม 30,0017,009,สำเร็จเป็นที่สุด เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า มีการกำจัดราคะเป็นที่สุด. ในบท 30,0017,010,ทั้งปวงก็นัยนี้แล. 30,0017,011,บทว่า ยสฺส สทฺธา จ ปญฺา จ ความว่า สำหรับยานคือ อริย- 30,0017,012,มรรค มีธรรม ๒ เหล่านี้คือศรัทธา ด้วยสามารถแห่งสัทธานุสารี และปัญญา 30,0017,013,ด้วยสามารถแห่งธัมมานุสารี เป็นแอกมีศรัทธาเป็นทูบ อธิบายว่า ประกอบ 30,0017,014,ในแอกมีตนเป็นท่ามกลางในอริยมรรคนั้น. บทว่า หิริ อีสา ความว่า หิริ 30,0017,015,อันเกิดขึ้นภายในพร้อมด้วยโอตตัปปะอันเกิดขึ้นในภายนอกประกอบกับด้วยตน 30,0017,016,เป็นงอนของรถคือ มรรค. บทว่า มโน โยตฺตํ ความว่า วิปัสสนาจิตและ 30,0017,017,มรรคจิตเป็นเชือกชัก. เหมือนเชือกที่ทำด้วยปอเป็นต้นของรถ ย่อมกระทำ 30,0017,018,โคทั้งหลายให้เนื่องเป็นอันเดียวกัน คือให้รวมกันได้ฉันใด วิปัสสนาจิตอัน 30,0017,019,เป็นโลกิยะของรถคือมรรคมี ๕๐ กว่า วิปัสสนาจิตอันเป็นโลกุตระ ย่อมทำ 30,0017,020,กุศลธรรม ๖๐ กว่า ให้เนื่องกันคือให้รวมกันได้ฉันนั้นเหมือนกันแล. 30,0017,021,เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า มโน โยตฺตํ ดังนี้. บทว่า 30,0017,022,สติ อารกฺขสารถิ ความว่า สติสัมปยุตด้วยมรรค ชื่อว่า สารถีผู้ควบคุม. 30,0017,023,ผู้ใดย่อมประกอบในการจัดทูบ หยอดเพลา ส่งรถไป ย่อมกระทำม้าเทียมรถ