Book,Page,LineNumber,Text 30,0040,001,นัยเป็นต้นว่า เวทนาย่อมมีเพราะความเห็นผิดเป็นปัจจัยบ้างดังนี้. ในปฐม 30,0040,002,โพธิกาล ทรงอยู่ทำอายตนะ ๑๒ ให้หมดทุกส่วนอย่างนั้น. ก็ในกึ่งเดือนนี้ 30,0040,003,พระองค์ทรงพิจารณาอยู่ ซึ่งส่วนหนึ่งแห่งธัมมายตนะ ด้วยสามารถเวทนาซึ่ง 30,0040,004,เป็นส่วนแห่งอายตนะเหล่านั้น ซึ่งส่วนหนื่งแห่งธัมมธาตุด้วยสามารถเวทนา 30,0040,005,ซึ่งเป็นส่วนแห่งธาตุทั้งหลาย ซึ่งส่วนหนึ่งแห่งทุกขสัจด้วยสามารถเวทนาขันธ์ 30,0040,006,เท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนแห่งสัจจะทั้งหลาย ซึ่งส่วนหนึ่งแห่งปัจจัยด้วยสามารถ 30,0040,007,เวทนาเท่านั้น เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย ซึ่งเป็นส่วนแห่งปัจจัยทั้งหลาย ซึ่ง 30,0040,008,ส่วนหนึ่งแห่งองค์ฌานด้วยสามารถเวทนาเท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนแห่งฌานทั้ง 30,0040,009,หลาย ทรงพิจารณาอยู่ซึ่งส่วนอันหนึ่งแห่งนามด้วยสามารถเวทนาเท่านั้น ซึ่ง 30,0040,010,ส่วนอันหนึ่งแห่งนามด้วยสามารถเวทนาเท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนแห่งนามและรูป. 30,0040,011,ส่วนในปฐมสมโพธิ์ ทรงทำธรรมมีกุศลเป็นต้นให้หมดทุกส่วนใน 30,0040,012,ภายใน ๔๙ วัน เสร็จแล้วทรงพิจารณาอยู่ ซึ่งปกรณ์ ๗ อันเป็นอนันตรนัย. 30,0040,013,ก็ในกึ่งเดือนนี้ พระองค์ทรงพิจารณาอยู่ซึ่งหมวด ๓ แห่งเวทนาอย่างเดียว 30,0040,014,ซึ่งเป็นส่วนแห่งธรรมทั้งปวง. วิหารสมาบัตินั้น ๆ ในที่นั้น ๆ เกิดแล้ว ด้วย 30,0040,015,อานุภาพแห่งเวทนา. 30,0040,016,บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงอยู่แล้วโดยอาการใด เมื่อจะ 30,0040,017,ทรงแสดงอาการนั้น จึงตรัสคำว่า มิจฺฉาทิฏฺ€ิปจฺจยาปิ เป็นอาทิ. ในบท 30,0040,018,เหล่านั้น บทว่า มิจฺฉาทิฏฺ€ิปจฺจยาปิ ความว่า แม้เวทนาสัมปยุตด้วย 30,0040,019,ทิฏฐิ ย่อมควร. เวทนาที่เป็นกุศลและอกุศลบ้าง เวทนาที่เป็นวิบาก 30,0040,020,บ้าง เกิดขึ้นเพราะทำทิฏฐิให้เป็นอุปนิสัย ย่อมควร. ในบทนั้น เวทนา 30,0040,021,สัมปยุตด้วยมิจฉาทิฏฐิ ย่อมเป็นอกุศลอย่างเดียว. ส่วนเวทนาเป็นกุศลบ้าง 30,0040,022,อกุศลบ้าง ย่อมเกิดขึ้น เพราะอาศัยทิฏฐิ. เพราะพวกมิจฉาทิฏฐิ อาศัยทิฏฐิ 30,0040,023,แล้ว ย่อมให้ข้าวยาคูและภัตเป็นต้นในวันปักษ์ ย่อมตั้งข้อปฏิบัติสำหรับคน