Book,Page,LineNumber,Text
35,0024,001,เกิดขึ้นแล้วในขณะแห่งอรหัตผล. เทศนาญาณก็มี ๒ คือที่กำลังเป็นไป
35,0024,002,ที่เป็นไปแล้ว. ก็เทศนาญาณนั้น ชื่อว่ากำลังเป็นไปจนถึงโสดาปัตติมรรค
35,0024,003,ของท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ ชื่อว่าเป็นไปแล้วในขณะแห่งโสดาปัตติผล.
35,0024,004,บรรดาญาณทั้ง ๒ นั้น ปฏิเวธญาณ เป็นโลกุตระ เทศนาญาณเป็นโลกิยะ.
35,0024,005,ก็ญาณทั้งสองนั้น ไม่ทั่วไปกับสาวกเหล่าอื่นเป็นโอรสญาณทำให้เกิดโอรสคือ
35,0024,006,สาวก สำหรับพระพุทธเจ้าทั้งหลายเท่านั้น.
35,0024,007,บทว่า สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต ความว่า ท่าน
35,0024,008,ปฏิญญาอย่างนี้ว่า เราเป็นสัมมาสัมพุทธะ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเราได้ตรัสรู้
35,0024,009,แล้วดังนี้ . บทว่า อนภิสมฺพุทฺธา ความว่า ธรรมทั้งหลาย ชื่อเหล่านี้
35,0024,010,ท่านยังไม่รู้แล้ว. บทว่า ตตฺร วต คือในธรรมที่ท่านแสดงเหล่านั้นอย่างนี้ว่า
35,0024,011,อนภิสมฺพุทฺธา. บทว่า สหธมฺเมน ได้แก่ด้วยถ้อยคำพร้อมด้วยเหตุ
35,0024,012,ด้วยการณ์. บุคคลก็ดี ธรรมก็ดี ท่านประสงค์ว่านิมิตในบทว่า นิมิตฺตเมตํ นี้.
35,0024,013,ในข้อนี้มีใจความดังนี้ว่า บุคคลใดจะทักท้วงเรา เราก็ยังไม่เป็นบุคคลนั้น
35,0024,014,บุคคลแสดงธรรมใดแล้ว จักทักท้วงเราว่า ธรรมชื่อนี้ ท่านยังไม่รู้แล้วดังนี้
35,0024,015,เราก็ยังไม่เห็นธรรมนั้น . บทว่า เขมปฺปตฺโต ได้แก่ถึงความเกษม. สองบท
35,0024,016,ที่เหลือ ก็เป็นไวพจน์ของบทนี้นั้นเอง. คำนั้นทั้งหมดตรัสมุ่งถึงเวสารัชชญาณ
35,0024,017,อย่างเดียว. ด้วยว่าพระทศพลเมื่อไม่ทรงเห็นบุคคลที่ทักท้วง หรือธรรมที่ยัง
35,0024,018,ไม่รู้ ที่เป็นเหตุทักท้วงว่า ธรรมข้อนี้ ท่านยังไม่รู้แล้วดังนี้ พิจารณาเห็นว่า
35,0024,019,เราตรัสรู้ตามความเป็นจริงแล้ว จึงกล่าวว่าเราเป็นพุทธะดังนี้ จึงเกิดโสมนัส
35,0024,020,ที่มีกำลังกว่า ญาณที่ประกอบด้วยโสมนัสนั้นชื่อว่าเวสารัชชะ. ทรงหมายถึง
35,0024,021,เวสารัชชญาณนั้น จึงตรัสคำเป็นต้นว่า เขมปฺปตฺโต ดังนี้. ในบททุกบท
35,0024,022,พึงทราบเนื้อความอย่างนี้.