Book,Page,LineNumber,Text
38,0012,001,เมื่อสัมมาสมาธิมีอยู่ ยภาภูตญาณทัสสนะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่
38,0012,002,บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสัมมาสมาธิ เมื่อยถาภูตญาณทัสสนะมีอยู่ นิพพิทา-
38,0012,003,วิราคะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยถาภูตญาณทัสสนะ
38,0012,004,เมื่อนิพพิทาวิราคะมีอยู่ วิมุตติญาณทัสสนะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่
38,0012,005,บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยนิพพิทาวิราคะ ดูก่อนท่านผู้มีอายุเปรียบเหมือนต้นไม้
38,0012,006,มีกิ่งและใบสมบูรณ์แล้ว แม้กะเทาะของต้นไม้ ย่อมถึงความบริบูรณ์
38,0012,007,แม้เปลือก แม้กระพี้ แม้แก่น ของต้นไม้นั้น ก็ย่อมถึงความบริบูรณ์
38,0012,008,แม้ฉันใด ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อวิปปฏิสารมีเหตุอันสมบูรณ์ ก็
38,0012,009,ย่อมมีแก่บุคคลผู้มีศีลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล เมื่ออวิปปฏิสารมีอยู่ ปราโมทย์
38,0012,010,ชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยอวิปปฏิสาร ฯลฯ
38,0012,011,เมื่อนิพพิทาวิราคะมีอยู่ วิมุตติญาณทัสสนะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่
38,0012,012,บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยนิพพิทาวิราคะ ฉันนั้นเหมือนกันแล.
38,0012,013,จบอานันทสูตรที่ ๕
38,0012,014,อรรถกถาอุปนิสาสูตร๑ที่ ๔ อานันทสูตรที่ ๕
38,0012,015,ในอุปนิสาสูตรที่ ๔ และอานันทสูตรที่ ๕ ต่างกันตรงที่ถ้อยคำ
38,0012,016,อันพระเถระทั้งสอง [คือพระสารีบุตรและพระอานนท์] กล่าวไว้.
38,0012,017, ๖. สมาธิสูตร๑
38,0012,018,ว่าด้วยไม่พึงสำคัญปฐวีธาตุว่าเป็นปฐวีธาตุเป็นต้น
38,0012,019,[๖] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึง
38,0012,020,ที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง