Book,Page,LineNumber,Text 39,0014,001,ถ้าผู้ทักท้วงกล่าวว่า ท่านประสงค์เอาความที่พระพุทธเจ้าและสรณะ 39,0014,002,เป็นตัวเหตุเท่า ๆ กัน เพราะบาลีว่า เอตํ โข สรณํ เขมํ เอตํ สรณมุตฺตมํ 39,0014,003,สรณะนั่นแลเกษม ปลอดภัย สรณะนั้นอุดมสูงสุด ไม่ประสงค์เช่นนั้น ดอก 39,0014,004,เพราะในบทคาถานั้น มีแต่พระพุทธเจ้าเป็นสรณะนั้น. ความจริง ในบทคาถา 39,0014,005,นั้นนั่นแลท่านประสงค์ถึงความที่พระพุทธเจ้าและสรณะเป็นตัวเหตุเท่า ๆ กัน 39,0014,006,อย่างนี้ว่า สรณะทั้งเกษมทั้งอุดม เพราะพิจารณาเป็นถึงพระรัตนตรัยมีพระ- 39,0014,007,พุทธเจ้าเป็นต้นนั้น ในความเป็นสรณะ ที่นับได้ว่า กำจัดภัยแก่ผู้ถึงสรณคมน์ 39,0014,008,ได้จริง ส่วนในบาลีประเทศอื่น เมื่อมีความสัมพันธ์ด้วยผู้ถึงสรณคมน์ 39,0014,009,ท่านก็ไม่ประสงค์ความที่พระพุทธเจ้าและสรณะเป็นตัวเหตุเท่า ๆ กัน เพราะ 39,0014,010,ไม่สำเร็จเป็นสรณคมน์ ดังนั้น คำนี้จึงสาธกไม่ได้. 39,0014,011,ถ้าผู้ทักท้วงกล่าวว่า น่าจะประสงค์เอาความที่พระพุทธเจ้าและสรณะ 39,0014,012,เป็นตัวเหตุเท่า ๆ กัน เพราะสำเร็จเป็นสรณคมน์ แม้เมื่อมีความสัมพันธ์ด้วย 39,0014,013,ผู้ถึงสรณคมน์ได้ในบาลีนี้ว่า เอตํ สรณนาคมฺม สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ 39,0014,014,บุคคลอาศัยสรณะนั้น ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงดังนี้ ไม่ใช่เช่นนั้นดอก 39,0014,015,เพราะขัดข้องด้วยโทษที่กล่าวมาก่อนแล้ว. ความจริง แม้ในข้อนั้น ก็จะพึง 39,0014,016,ขัดข้องด้วยโทษที่กล่าวมาก่อนว่า เมื่อมีความที่พระพุทธเจ้าและสรณะเป็นตัว 39,0014,017,เหตุเท่า ๆ กัน อยู่ บุคคลแม้มีจิตขุ่นเคืองอาศัยสรณะ. คือพระพุทธเจ้า พระ 39,0014,018,ธรรมและพระสงฆ์ ก็จะพึงหลุดพ้นจากทุกข์ได้หมดน่ะสิ แต่จะว่าไม่ขัดข้อง 39,0014,019,ด้วยโทษก็หามิได้ ดังนั้น คำนั้นจึงสาธกไม่ได้. พึงทราบอธิบายในข้อ 39,0014,020,นั้น อย่างนี้ว่า สัตว์ทั้งหลายเมื่อจะหลุดพ้น ด้วยอานุภาพของพระผู้มีพระ 39,0014,021,ภาคเจ้า ผู้เป็นกัลยาณมิตร ท่านก็กล่าวว่า อาศัยกัลยาณมิตรจึงหลุดพ้น ได้ 39,0014,022,ในบาลีนี้ว่า