Book,Page,LineNumber,Text 41,0034,001,ก็ทีฆการายนะนั้น เที่ยวแสวงหาโทษของพระราชาด้วยคิดอยู่ว่า 41,0034,002,""" ลุงของเรา ถูกพระราชาองค์นี้ ให้ตายแล้ว."" ข่าวว่า จำเดิมแต่การ " 41,0034,003,ที่พันธุละผู้ไม่มีความผิดถูกฆ่าแล้ว พระราชาทรงมีวิปฏิสาร ไม่ได้รับ 41,0034,004,ความสบายพระหฤทัย ไม่ได้เสวยความสุขในราชสมบัติเลย. 41,0034,005,

พระราชาสวรรคต

41,0034,006,ครั้งนั้น พระศาสดา ทรงอาศัยนิคมชื่อเมทฬุปะของพวกเจ้าศากยะ 41,0034,007,ประทับอยู่. พระราชาเสด็จไปที่นั้นแล้ว ทรงให้ตั้งค่ายในที่ไม่ไกลจาก 41,0034,008,พระอารามแล้ว เสด็จไปวิหาร ด้วยบริวารเป็นอันมาก ด้วยทรงดำริว่า 41,0034,009,""" จักถวายบังคมพระศาสดา"" พระราชที่เครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้ง ๕" 41,0034,010,แก่ทีฆการายนะแล้ว พระองค์เดียวเท่านั้น เสด็จเข้าสู่พระคันธกุฎี. พึง 41,0034,011,ทราบเรื่องทั้งหมดโดยทำนองแห่งธรรมเจติยสูตร. เมื่อพระองค์เสด็จเข้า 41,0034,012,สู่พระคันธกุฎีแล้ว ทีฆการายนะจึงถือเอาเครื่องราชกกุธภัณฑ์เหล่านั้น ทำ 41,0034,013,วิฑูฑภะให้เป็นพระราชา เหลือม้าไว้ตัวหนึ่ง และหญิงผู้เป็นพนักงาน 41,0034,014,อุปัฏฐากคนหนึ่ง แล้วได้กลับไปเมืองสาวัตถี. 41,0034,015,พระราชาตรัสปิยกถากับพระศาสดาแล้วเสด็จออก ไม่ทรงเห็นเสนา 41,0034,016,"จึงตรัสถามหญิงนั้น ทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว ทรงดำริว่า "" เราจักพา" 41,0034,017,"หลานไปจับวิฑูฑภะ"" ดังนี้แล้ว เสด็จไปกรุงราชคฤห์ เสด็จถึงพระนคร" 41,0034,018,เมื่อประตู (พระนคร) อันเขาปิดแล้วในเวลาวิกาล บรรทมแล้วในศาลา