Book,Page,LineNumber,Text 46,0011,001,ครั้งนั้นแล เทวดานั้น มีความดำริดังนี้ว่า ไฉนหนอ เราพึงฆ่า 46,0011,002,ภิกษุนี้เสียในที่นี้ทีเดียว ครั้งนั้นแล เทวดานั้นได้มีความคิดอีกว่า ก็การที่ 46,0011,003,เราพึงฆ่าพระภิกษุรูปนี้เสียในที่นี้นั่นเองไม่ควรเลย ไฉนหนอเราพึงกราบทูล 46,0011,004,เรื่องนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า 46,0011,005,ครั้งนั้นแล เทวดานั้นเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับแล้ว 46,0011,006,ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้ทรงทราบ 46,0011,007,พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า สาธุ ๆ เทพดา เธอดีนักแล เทพดา 46,0011,008,ที่เธอไม่ปลงชีวิตภิกษุนั้นเสีย ดูก่อนเทพดา ถ้าหากว่า เธอจะพึงปลงชีวิต 46,0011,009,พระภิกษุนี้แล้วไซร้ เธอจะประสบบาปมาก จงไปเถิด เทพดา ต้นไม้ใน 46,0011,010,โอกาสโน้นว่างอยู่ เธอจงเข้าสิงสถิตอยู่ที่ต้นไม้นั้น 46,0011,011,ก็แล พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นตรัสอย่างนี้แล้ว เพื่อจะกำจัดความ 46,0011,012,โกรธที่บังเกิดขึ้นแล้วแก่เทวดานั้น จึงตรัสคาถานี้ว่า 46,0011,013,ผู้ใดแลพึงยับยั้งความโกรธที่บังเกิด- 46,0011,014,ขึ้นไว้ได้ ผู้นั้น ก็ดุจบุคคลหยุดรถที่ไปอย่าง 46,0011,015,รวดเร็วไว้ได้ ฉะนั้น*. 46,0011,016,ต่อแต่นั้น เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูล (พระผู้มีพระภาคเจ้า) เพราะ 46,0011,017,เหตุที่ได้ฟังพวกมนุษย์กล่าวโทษอย่างนี้ว่า อย่างไรกันนะ พวกสมณศากยบุตร 46,0011,018,จักตัดต้นไม้เองบ้าง จักให้บุคคลอื่นตัดบ้าง พวกสมณศากยบุตร ย่อมเบียด- 46,0011,019,เบียนสิ่งที่มีชีวิต ซึ่งมีอินทรีย์อันเดียว พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงบัญญัติ 46,0011,020,สิกขาบทนี้ว่า เป็นปาจิตตีย์ เพราะพรากภูตคาม ดังนี้แล้ว เพื่อจะทรง 46,0011,021,แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายที่มาในที่นั้นจึงได้ตรัสคาถานี้ว่า