Book,Page,LineNumber,Text 46,0015,001,เป็นภูมิไม่ได้ เพราะไม่เป็นที่ตั้งแห่งกิเลสอันมีวัฎฏะเป็นมูลเหล่านั้น ๆ ที่พระ- 46,0015,002,อริยบุคคลนั้น ๆ ละได้แล้ว. แต่ว่ากรรมที่ทำไว้อย่างใดอย่างหนึ่ง จะเป็น 46,0015,003,กุศลก็ตาม เป็นอกุศลก็ตาม ย่อมมีแก่ปุถุชนได้ เพราะกิเลสที่มีวัฏฏะเป็นมูล 46,0015,004,อันปุถุชนยังละไม่ได้โดยประการทั้งปวง เพราะเหตุนั้น วัฏฏะของปุถุชนนั้น 46,0015,005,จึงเป็นไปเพราะกิเลสเป็นปัจจัย. 46,0015,006,กิเลสชาตมีวัฏฏะเป็นมูลนั้น ของบุคคลนั้น ไม่ควรกล่าวว่ามีในรูป 46,0015,007,ขันธ์เท่านั้น ไม่มีในขันธ์ทั้งหลาย มีภาวนาขันธ์เป็นต้น ฯลฯ หรือไม่ควร 46,0015,008,กล่าวว่า มีในวิญญาณขันธ์เท่านั้น ไม่มีในขันธ์ทั้งหลายมีรูปขันธ์เป็นต้น. 46,0015,009,เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุที่ว่ากิเลสชาตนั้นนอนเนื่องอยู่ในขันธ์ทั้ง ๕ โดยไม่ 46,0015,010,พิเศษกว่ากัน (โดยไม่แปลกกัน) คืออย่างไร คือกิเลสชาตที่นอนเนื่องอยู่ใน 46,0015,011,ขันธ์ ๕ นั้น เปรียบเหมือนรสแห่งพื้นดินเป็นต้น ซึ่งติดอยู่ที่ต้นไม้ฉะนั้น 46,0015,012,เหมือนอย่างว่า เมื่อต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ที่พื้นดิน อาศัยรสแห่งดินและรสแห่งน้ำ 46,0015,013,เจริญงอกงามขึ้น ด้วยราก ลำต้น กิ่ง ใบอ่อน ใบแก่ ดอก และผล 46,0015,014,เพราะได้อาศัยรสแห่งดินและรสแห่งน้ำนั้นเป็นปัจจัย ทำท้องฟ้าให้เต็ม มีการ 46,0015,015,สืบต่อเชื้อสายของต้นไม้ไว้ ก็เพราะพืชที่สืบต่อกันมา ดำรงอยู่ได้จนถึงกัลปาว- 46,0015,016,สาน รสแห่งแผ่นดินเป็นต้นนั้น ไม่ควรจะกล่าวว่า มีอยู่ที่รากเท่านั้น หา 46,0015,017,ได้มีอยู่ที่ลำต้นเป็นต้นไม่ ฯลฯ หรือไม่ควรจะกล่าวว่า มีอยู่ที่ผลเท่านั้น หา 46,0015,018,ได้มีอยู่ที่รากเป็นต้นไม่ เพราะเหตุไร เพราะรสแห่งแผ่นดินเป็นต้นซ่านไป 46,0015,019,ในรากเป็นต้น (ของต้นไม้นั้น) ทั้งหมดทีเดียว โดยไม่พิเศษกว่ากันฉันใด 46,0015,020,กิเลสชาตก็ฉันนั้น.