Book,Page,LineNumber,Text 46,0037,001,บุรุษผู้มีตัณหาเป็นเพื่อน ท่องเที่ยว 46,0037,002,ไปอยู่ตลอดกาลนาน ย่อมไม่ข้ามพ้น 46,0037,003,สังสารวัฏ ซึ่งมีความเป็นอย่างนี้ และไม่มี 46,0037,004,ความเป็นอย่างอื่น 46,0037,005,"และว่า "" มหาบพิตร โลกพร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาส" 46,0037,006,"ของตัณหา "" ดังนี้ และด้วยคุณทั้งหลายมีศีลสังวรเป็นต้น มีประการดังที่" 46,0037,007,ข้าพเจ้ากล่าวแล้ว แล้วตัดตัณหาไม่ให้เหลือ ด้วยอรหัตมรรค ภิกษุนั้นชื่อว่า 46,0037,008,ย่อมละฝั่งในและฝั่งนอกได้ โดยประการทั้งปวง ในขณะนั้นนั่นเอง. ในที่สุด 46,0037,009,แห่งเทศนา พระภิกษุนั้นดำรงอยู่แล้วในพระอรหัต. 46,0037,010,มีคำถามว่า คาถาที่ว่า โย มานมูทพฺพธิ เป็นต้น มีเหตุบังเกิด 46,0037,011,ขึ้นเป็นอย่างไร ? 46,0037,012,ตอบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าประทัปอยู่ในเมืองสาวัตถี ภิกษุรูปหนึ่ง 46,0037,013,อยู่ที่ฝั่งแม่น้ำ คงเห็นสะพานไม้อ้อที่เขาทำไว้ที่กระแสน้ำอันมีน้ำน้อยในฤดูร้อน 46,0037,014,"ถูกห้วงน้ำใหญ่ไหลในภายหลังพัดแล้ว ก็เกิดความสังเวชขึ้นว่า "" สังขารทั้งหลาย" 46,0037,015,"ไม่เที่ยง "" ได้ยืนอยู่แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบอัธยาศัยของท่าน จึง" 46,0037,016,ได้ทรงเปล่งโอภาสคาถานี้. 46,0037,017,มานะคือความฟูขึ้นแห่งใจ ซึ่งมีชาติกำเนิดเป็นต้นเป็นวัตถุ ชื่อว่า 46,0037,018,มานะ ในคาถานั้น. มานะนั้นมี ๓ อย่าง คือ ๑. การถือว่าเราเป็นผู้เลิศกว่า 46,0037,019,เขา ๒. การถือว่าเราเป็นผู้เสมอเขา ๓. การถือว่าเราเป็นผู้เลวกว่าเขา. 46,0037,020,อีกอย่างหนึ่ง มานะมี ๙ อย่าง คือ