Book,Page,LineNumber,Text 48,0011,001,สมัยต่อมาจากนั้น สตรีผู้นั้นเกิดโรคอย่างหนึ่งตาย ไปบังเกิดใน 48,0011,002,"วิมานทองขนาด ๑๒ โยชน์ ภพดาวดึงส์ นางมีเทพอัปสร ๑,๐๐๐" 48,0011,003,เป็นบริวาร. ก็ด้วยอำนาจที่นางถวายตั่งเป็นทาน จึงบังเกิดบัลลังก์ 48,0011,004,"[เตียง, ตั่ง แท่น ] ทอง ลอยไปในอากาศแล่นเร็ว ชั้นบนมีราชรถทรวด" 48,0011,005,ทรงดังเรือนยอด. ด้วยเหตุนั้น วิมานนี้จึงเรียกว่า ปีฐวิมาน. แท้จริง 48,0011,006,วิมานตั่งนั้น เป็นทองส่องให้เห็นความเหมาะสมกับกรรม เพราะนางลาด 48,0011,007,ผ้าสีทองถวาย ชื่อว่า แล่นไปเร็ว เพราะกำลังปีติแรง ชื่อว่า ไปได้ 48,0011,008,ตามชอบใจ เพราะนางถวายแก่ทักขิไณยบุคคลโดยจิตชอบ ได้ชื่อว่า 48,0011,009,ประกอบด้วยความงดงาม น่าเลื่อมใสพร้อมสรรพ เพราะสมบัติคือความ 48,0011,010,เลื่อมใสโอฬาร. 48,0011,011,ต่อมาวันมหรสพวันหนึ่ง เมื่อเทวดาทั้งหลาย พากันไปสวน 48,0011,012,นันทนวัน เพื่อเล่นกรีฑาในอุทยาน ด้วยอานุภาพอันเป็นทิพย์ของตน ๆ 48,0011,013,"เทวดาองค์นั้น ทรงนุ่งผ้าทิพย์ประดับด้วยทิพยาภรณ์ มีเทพอัปสร ๑,๐๐๐" 48,0011,014,เป็นบริวาร ก็ออกจากภพของตน ขึ้นสู่วิมานตั่งนั้น ส่องแสงสว่างดั่งดวง 48,0011,015,จันทร์ ดวงอาทิตย์โดยรอบ ด้วยเทวฤทธิ์ยิ่งใหญ่ด้วยสิริโสภาคย์ตระการ 48,0011,016,ไปยังอุทยาน. ก็สมัยนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะ เที่ยวเทวจาริกไป 48,0011,017,โดยนัยที่กล่าวแล้วในหนหลัง เข้าไปยังภพดาวดึงส์ แสดงองค์ไม่ไกล 48,0011,018,จากเทวดาองค์นั้น. เทวดาองค์นั้น เห็นท่านก็มีความเลื่อมใสมีความเคารพ 48,0011,019,มีกำลังพรั่งพร้อม จึงรีบลงจากบัลลังก์เข้าไปหาพระเถระ. กราบด้วย 48,0011,020,เบญจางคประดิษฐ์แล้วยืนนมัสการประคองอัญชลีอันรุ่งเรืองด้วยทศนัข 48,0011,021,สโมธาน [ชุมนุม ๑๐ นิ้ว]. พระเถระเห็นประจักษ์ถึงกุศลและอกุศล