Book,Page,LineNumber,Text
48,0030,001,บทว่า กิมกาสิ ปุญฺํ ความว่า ท่านใดทำสั่งสมก่อสร้างสุจริต
48,0030,002,กุศลกรรมอะไร คือเช่นไร ในกุศลกรรมทั้งหลาย ที่ต่างโดยทานศีลเป็น
48,0030,003,ต้น ซึ่งได้ชื่อว่าบุญ เพราะทำให้บังเกิดผลคือควานที่น่าบูชา และเพราะ
48,0030,004,ชำระชะล้างสันดานที่ตนเองเกิดให้หมดจด. บทว่า ชลิตานุภาวา ได้แก่
48,0030,005,โชติช่วงไปทั่ว คือมีบุญฤทธิ์.
48,0030,006,ถามว่า ในเรื่องนี้ เหตุไร พระเถระจึงกล่าวว่า ครั้งเกิดเป็นมนุษย์
48,0030,007,ท่านได้ทำบุญอะไร ในคติอื่น ๆไม่มีการทำบุญกันหรือ. ตอบว่า ไม่มี
48,0030,008,การทำบุญหามิได้. เพราะเหตุที่ความเกิดแห่งกุศลจิตฝ่ายกามาวจรยังได้
48,0030,009,[มี] ในบางคราว แม้แต่ในคตินรก ก็จะป่วยกล่าวไปไยในคติอื่น ๆ
48,0030,010,ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วมิใช่หรือว่า เป็นทิฏฐสังสันทนาปุจฉา ถามเทียบ
48,0030,011,ถึงสิ่งที่เห็น ๆ กันอยู่แล้ว ฉะนั้น พระมหาเถระเห็นเทวดาองค์นั้น ซึ่ง
48,0030,012,ครั้งดำรงอยู่ในอัตภาพเป็นมนุษย์กระทำบุญกรรมเกิดขึ้นแล้ว เมื่อจะถาม
48,0030,013,โดยเนื้อความที่เป็นอยู่แล้ว จึงกล่าวว่า ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญ
48,0030,014,อะไร.
48,0030,015,อีกอย่างหนึ่ง ในคติอื่น ๆ เพราะเป็นผู้มีสุขโดยส่วนเดียว เพราะ
48,0030,016,เป็นผู้มีทุกข์โดยส่วนเดียว และเพราะเป็นผู้มากไปด้วยทุกข์ โอกาสที่จะ
48,0030,017,ทำบุญ ไม่ใช่หาได้ง่าย ๆ เพราะความพรั่งพร้อมแห่งปัจจัยมีการพึ่งพาอาศัย
48,0030,018,สัตบุรุษเป็นต้น หาได้แสนยาก บางคราวแม้เกิดขึ้นมาก็มิใช่โอฬารไพบูลย์
48,0030,019,เพราะเหตุตามที่กล่าวมาแล้ว. ส่วนในคติแห่งมนุษย์ เพราะเป็นผู้มากไป
48,0030,020,ด้วยสุข โอกาสทำบุญ จึงหาได้ง่าย เพราะความพรั่งพร้อมแห่งปัจจัยมีการ
48,0030,021,พึ่งพาอาศัยสัตบุรุษเป็นต้นโดยมาก หาได้ง่าย. อนึ่งเล่า ทุกข์อันใดเกิด
48,0030,022,ขึ้นในคติแห่งมนุษย์นั้น ทุกข์แม้อันนั้น ก็เป็นอุปนิสัยเหตุแห่งการทำ