txt
stringlengths
202
53.1k
# Twitter เตรียมปรับหน้าตาแอป ปัดซ้าย-ขวา เพื่อเปลี่ยนไทม์ไลน์ มีผลปีหน้า Elon Musk ซีอีโอ Twitter อัพเดตในทวีตเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของแอป Twitter โดยผู้ใช้งานสามารถปัดหน้าเพื่อเปลี่ยนเนื้อหาที่แสดงระหว่าง ทวีตบัญชีที่ติดตาม, เทรนด์, Topics และอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลในแอป Twitter ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป โดย Musk ไม่ได้บอกว่าวันใด การแสดงผลไทม์ไลน์ปัจจุบัน ผู้ใช้งานสามารถเลือกสลับได้โดยเลือกดาวมุมบนขวาของแอป ซึ่งมีตัวเลือกคือ For You เป็นการคัดทวีตที่แนะนำ กับ Latest ที่แสดงทวีตล่าสุดของบัญชีที่เราติดตาม ที่มา: The Verge
# [ลือ] Oppo กำลังพัฒนาชิปประมวลผลใช้กับมือถือของตัวเอง เปิดตัวปี 2024 @IceUniverse นักปล่อยข่าวหลุดสายมือถือชื่อดัง โพสต์ข้อมูลว่า Oppo กำลังพัฒนาชิปประมวลผลของตัวเอง โดยมีทีมขนาดใหญ่หลายพันคน และคาดว่าจะนำมาใช้จริงในปี 2024 ข่าวนี้อาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะ Oppo มีทำชิปของตัวเองมาก่อนแล้ว 2 รุ่นคือ MariSilicon X ชิปประมวลผลภาพ และ MariSilicon Y ชิปประมวลผลเสียง Bluetooth แสดงให้เห็นว่าบริษัทเอาจริงในเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับส่วนแบ่งตลาดของ Oppo ที่อยู่อันดับสี่ของโลก (ยังไม่นับรวม Vivo ที่อยู่ในเครือเดียวกัน) มีขนาดใหญ่พอสำหรับการออกแบบชิปใช้งานเอง ทิศทางการออกแบบชิปใช้เอง ดัดแปลงเพื่อให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะทาง เริ่มเด่นชัดเรื่อยๆ อย่างในวงการสมาร์ทโฟนเองก็มี Google Tensor ที่ดัดแปลงจากชิป Exynos แต่ปรับให้เหมาะกับงาน AI ที่กูเกิลต้องการ
# [ไม่ยืนยัน] Apple เตรียมปรับกลยุทธ์ราคา-สเป็ก iPhone 15 Plus หลัง iPhone 14 Plus ขายไม่ดี ข้อมูลนี้มาจากโพสต์ของผู้ใช้งานบน Naver ชื่อบัญชี yeux1122 ซึ่งมีประวัติให้ข้อมูลแอปเปิลตรงสลับกับไม่ตรง โดยบอกว่ายอดขายของ iPhone 14 Plus ที่ลดลงมาตลอด ทำให้แอปเปิลต้องการปรับกลยุทธ์ใหม่ทั้งหมดสำหรับ iPhone รุ่นนี้ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา แอปเปิลใช้กลยุทธ์ออก iPhone รุ่นใหม่แต่ละปี 4 รุ่นย่อย โดยปีล่าสุดของ iPhone 14 เปลี่ยนจากการออกรุ่น mini หน้าจอเล็ก 5.4 นิ้ว มาเป็นการออกรุ่นจอใหญ่ 6.7 นิ้ว คู่กับรุ่นปกติ 6.1 นิ้ว แล้วเติมคำว่า Plus แทน นั่นคือ iPhone 14 Plus ส่วนอีกสองรุ่นคือตระกูล Pro yeux1122 บอกว่าสิ่งที่แอปเปิลพิจารณาปรับแผนการตลาดของ iPhone รุ่น Plus ใหม่ โดยคาดว่ามีผลใน iPhone 15 ได้แก่ การลดความต่างระหว่างรุ่นธรรมดากับรุ่น Pro เช่นเพิ่ม Dynamic Island, ปรับราคา iPhone 15 Plus ให้ดึงดูดมากขึ้น ที่มา: MacRumors
# Telegram เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ส่งภาพแบบ Spoiler Alert ได้แล้ว Telegram ประกาศเพิ่มคุณสมบัติใหม่ ๆ ส่งท้ายปี 2022 มีรายละเอียดดังนี้ Hidden Media ซ่อนรูปภาพ-วิดีโอ เพื่อกันสปอยล์เนื้อหา โดยสามารถแตะเพื่อแสดงภาพขึ้นมา Zero Storage Usage กำหนดการใช้พื้นที่เก็บแคชรูปภาพ-ดาวน์โหลด ได้แบบแยกแชต เพิ่มเครื่องมือสำหรับวาดเส้น ตกแต่งในรูปภาพก่อนส่ง แก้ไขรูปโปรไฟล์ของเพื่อนที่ติดต่อได้ (เห็นเฉพาะเราคนเดียว) คุณสมบัติอื่น ได้แก่ ตั้งค่าระดับการมองเห็นรูปโปรไฟล์ผู้ใช้งานได้ (Everybody, My Contact, Only Me), สามารถซ่อนรายชื่อสมาชิกในกลุ่มแชตได้, อีโมจิแบบใหม่เพิ่มเติม, ขยายฟีเจอร์ Topics รองรับทุกกลุ่ม ไม่จำกัดจำนวนสมาชิกแล้ว ที่มา: Telegram
# Meta ซื้อกิจการ Luxexcel ผู้ผลิตเลนส์สำหรับแว่นตาอัจฉริยะ Meta ยืนยันการซื้อกิจการ Luxexcel บริษัทผู้ผลิตเลนส์แว่นตาจากเนเธอร์แลนด์ โดยดีลดังกล่าวไม่มีการเปิดเผยมูลค่าที่เข้าซื้อ Luxexcel เป็นบริษัทผลิตเลนส์แว่นตาตามสเป็กที่กำหนด โดยใช้เทคโนโลยี 3D Printing ซึ่งเลนส์ของ Luxexcel สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอื่นที่ใช้สำหรับแว่นตาอัจฉริยะ เช่น จอแสดงผล LCD หรือการแสดงภาพ 3D เสมือน คาดว่าเทคโนโลยีของ Luxexcel จะนำมาใช้พัฒนาร่วมกับโครงการแว่นตา AR ที่ Meta ให้ความสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่น โครงการแว่นตา Ray-Ban Stories ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ที่มา: TechCrunch
# Elon ลดค่าใช้จ่าย Twitter: ปิดศูนย์ข้อมูล ปลดภารโรง พนักงานต้องเอาทิชชู่มาจากบ้าน The New York Times รายงานข่าวถึงมาตรการลดค่าใช้จ่ายของ Twitter รอบล่าสุดช่วงส่งท้ายปี ตามคำสั่งของ Elon Musk ที่ต้องการประหยัดทุกอย่างให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ผู้ดำเนินการคือ Omead Afshar มือขวาของ Musk จาก Tesla และ SpaceX, Steve Davis หัวหน้าบริษัทอุโมงค์ The Boring Company, Jared Birchall หัวหน้าสำนักงานทรัพย์สินครอบครัวของ Musk สั่งปิดศูนย์ข้อมูลที่เมือง Sacaramento ซึ่งเป็นหนึ่งในสามศูนย์ข้อมูลหลักของบริษัท ท่ามกลางคำถามของพนักงานว่าอาจส่งผลกระทบต่อบริการ หยุดจ่ายค่าเช่าออฟฟิศที่เมือง Seattle และข้อมูลล่าสุดคือปิดออฟฟิศนี้ไปแล้ว ให้พนักงานที่สาขานี้ทำงานที่บ้านแทน หยุดหรือเลื่อนจ่ายเงินบริษัทเวนเดอร์ต่างๆ ที่มีสัญญากันมาก่อน เช่น บริษัทตรวจสอบบัญชี KPMG, บริษัททำภาษี Deloitte, บริษัทรับฝากไข่และสเปิร์ม Carrot ที่เคยเป็นสวัสดิการของพนักงาน Twitter มาก่อน ปลดจำนวนพนักงานทำความสะอาดและพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ออฟฟิศสาขานิวยอร์ก ซึ่งเป็นสัญญาณว่าจะหยุดเช่าตึกหนึ่งแห่งจากที่มีสองแห่งในนิวยอร์ก ยุบชั้นของออฟฟิศสาขาซานฟรานซิสโกเหลือแค่ 2 ชั้น คืนพื้นที่ 4 ชั้น ยกเลิกสัญญาพนักงานทำความสะอาดหลังพนักงานกลุ่มนี้ประท้วงขอขึ้นค่าจ้าง ทำให้พื้นที่สำนักงานสกปรก มีกลิ่นเศษอาหาร และพนักงานของบริษัทต้องนำกระดาษทิชชู่จากบ้านมาใช้ในห้องน้ำกันเอง เพราะไม่มีคนเปลี่ยนทิชชู่ให้แล้ว พนักงานที่รับเข้ามาใหม่ในช่วงหลังจากปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมาก จะถูกจับเทรนพนักงานใหม่สั้นลง จากของเดิม 3 วัน เหลือเพียง 90 นาที ทำให้พนักงานใหม่ขาดความเข้าใจกระบวนการทำงาน ที่มา - The New York Times ภาพจาก Pexels
# ผู้ว่าการรัฐ New York ลงนามกฎหมาย Right to Repair, กลุ่มเคลื่อนไหวบอก "ไร้ประโยชน์ในทางปฏิบัติ" หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งรัฐนิวยอร์กผ่านร่างกฎหมาย Digital Fair Repair Act (หรือที่มักจะเรียกกันว่า Right to Repair) มานานกว่า 6 เดือน เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา นาง Kathy Hochul ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กก็ลงนามให้กฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคย กฎหมายฉบับนี้มีสาระสำคัญให้ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้องจำหน่ายอะไหล่ รวมทั้งเปิดเผยคู่มือการซ่อมอุปกรณ์และซอพต์แวร์ที่เกี่ยวข้องให้กับผู้บริโภคและร้านซ่อมอิสระ ในระดับเดียวกับศูนย์บริการของผู้ผลิต ทำให้ผู้บริโภคมีอิสระในการเลือกร้านซ่อม ช่วยให้การซ่อมอุปกรณ์มีราคาจับต้องได้มากขึ้น ลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กได้แก้ไขกฎหมายนี้บางส่วนก่อนลงนาม การแก้ไขที่มีการถกเถียงกันอย่างมากคือการอนุญาตให้ผู้ผลิตขายอะไหล่ในลักษณะที่ประกอบมาแล้วโดยไม่แยกส่วน ในกรณีที่ "หากติดตั้งไม่ถูกต้องจะทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ" ("the risk of improper installation heightens the risk of injury") ซึ่ง Louis Rossmann หนึ่งในแกนนำกลุ่มส่งเสริม Right to Repair ถึงกับบอกว่ากฎหมายที่แก้ไขแล้วนี้ "ไร้ประโยชน์ในทางปฏิบัติ" ("functionally useless") เขายกตัวอย่างว่าผู้ผลิตอาจจะติดกาวแบตเตอรี่เข้ากับจอ ขายชิ้นส่วนดังกล่าวในราคาเกือบเท่ากับตัวเครื่อง แล้วอ้างว่าการพยายามแยกแบตเตอรี่ออกจากกันเสี่ยงต่อการระเบิด ซึ่งไม่ต่างอะไรกับในปัจจุบัน กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม ปีหน้า และมีผลกับอุปกรณ์ที่ผลิตหรือจำหน่ายใหม่เท่านััน ที่มา: iFixit, Twitter: Jon Campbell, YouTube: Louis Rossmann Image by Bruno /Germany from Pixabay
# HandBrake ออกเวอร์ชัน 1.6.0 รองรับการเข้ารหัสวิดีโอ AV1 แล้ว ข่าวดีส่งท้ายปี HandBrake โปรแกรมเข้ารหัสวิดีโอยอดนิยมอีกตัว รองรับการเข้ารหัสวิดีโอแบบ AV1 ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวอร์ชันล่าสุด Handbrake 1.6.0 ตอนนี้การเข้ารหัส AV1 ของ HandBrake ยังรองรับเฉพาะการเข้ารหัสด้วยซอฟต์แวร์ (SVT-AV1) และการเข้ารหัสด้วยฮาร์ดแวร์อินเทล (Intel QSV AV1 ที่ใช้ใน Intel Arc) ที่ผลักดันเรื่อง AV1 มาก่อนใคร ส่วนจีพียูของค่าย NVIDIA และ AMD ที่เริ่มรองรับ AV1 แล้วด้วยกัน ยังไม่รองรับในเวอร์ชันนี้ ของใหม่อีกอย่างที่น่าสนใจคือการเริ่มถอดการเข้ารหัสแบบ VP8 ที่ล้าสมัยแล้ว ปรับสถานะเป็น deprecated, รองรับการเข้ารหัสวิดีโอ VP9 แบบ 10-bit เป็นต้น ที่มา - HandBrake GitHub via Ars Technica
# Binance ประกาศรองรับการจ่ายเงินด้วย Apple Pay และ Google Pay ข่าวสั้นส่งท้ายปี โดย Binance ประกาศว่าผู้ใช้งานสามารถซื้อเงินคริปโตบนแพลตฟอร์มได้ โดยชำระเงินผ่าน Apple Pay หรือ Google Pay ได้แล้ว ทำให้แพลตฟอร์มรองรับช่องทางการชำระเงินที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากเพิ่มอีกช่องทาง Binance เองก็พูดถึงประเด็นนี้ในทวีตว่า การรองรับช่องทางชำระเงินเพิ่มเติมนี้ ช่วยให้การซื้อคริปโตง่ายมากขึ้น จำนวนผู้ใช้งาน Apple Pay มีอยู่มากกว่า 40 ล้านบัญชี ส่วน Google Pay มีมากกว่า 25 ล้านบัญชี ที่มา: Binance ผ่าน Watcher
# อินเทลเดินเครื่องยิงเลเซอร์ EUV สำหรับโรงงาน Intel 4 สำเร็จ อินเทลประกาศความสำเร็จในการเดินหน้าเลเซอร์เพื่อเตรียมผลิตชิปด้วยกระบวนการแบบ EUV หลังจากติดตั้งเครื่องจักรจาก ASML สำเร็จ ถ้าทุกอย่างยังเดินหน้าตามกำหนดก็จะเดินสายการผลิต Intel 4 ได้ในปี 2023 ที่โรงงาน Fab 34 ในไอร์แลนด์ ลำแสงเลเซอร์พลังงาน 25kW ยิงแสงจากห้องผลิตแสงใต้โรงงานผลิตชิปที่เป็นห้อง cleanroom ที่ความถี่ 50,000 รอบต่อวินาที จากนั้นแสงเลเซอร์จะส่งเข้าห้อง cleanroom แล้วยิงไปยังหยดละออง (droplet) ขนาด ของดีบุกสองครั้ง ครั้งแรกทำให้ละอองกลายเป็นแผ่นกลม ครั้งที่สองยิงด้วยพลังงานสูงให้ปล่อยพลาสมา EUV ออกมาแล้วสะท้อนลงแผ่นเวเฟอร์ในที่สุด อินเทลกำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต ตามแผนจะมีการเปิดสายการผลิตใหม่ 5 เทคโนโลยีภายใน 4 ปี มีกำหนดกลับมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตภายในปี 2025 ที่มา - Intel
# Epic Games แจกฟรี Dishonored, หลังปีใหม่แจก Kerbal Space Program Epic Games แจกเกมฟรีชุดสุดท้ายของปี 2022 จำนวน 2 เกม ได้แก่ Dishonored: Definitive Edition และ Eximius: Seize the Frontline เกมยิงแนวไฮบริดสองมุมมอง FPS/RTS ทั้งสองเกมมีเวลากดรับสิทธิจนถึงวันที่ 5 มกราคม 2023 Dishonored เป็นเกมแอคชั่นแนวพรางตัว (stealth) ของ Arkane Studios ในสังกัด Bethesda ออกขายในปี 2012 ที่ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และเสียงวิจารณ์ (คะแนนรีวิวเฉลี่ยสูงถึง 91/100) จนต้องมีภาคต่อตามมาอีก 2 ภาค รวมถึงเกมล่าสุด Deathloop ก็อยู่ในจักรวาลเดียวกับ Dishonored ด้วย หลังจากเกมชุดนี้แล้ว Epic ยังประกาศรายชื่อเกมฟรีชุดถัดไปคือเกมจำลองอวกาศ Kerbal Space Program และ Shadow Tactics - Aiko's Choice ภาคเสริมแยกของเกมวางแผนแนวพรางตัว แจกระหว่าง 5-12 มกราคม 2023
# ผู้ก่อตั้ง OpenSea บอก NFT ยังมีอนาคต ไม่จำเป็นต้องซื้อด้วยเงินคริปโต ใช้เงินจริงก็ซื้อได้ Devin Finzer ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง OpenSea ให้สัมภาษณ์กับ Financial Times ถึงอนาคตของวงการ NFT ที่ช่วงหลังซบเซาลงมากเพราะตลาดคริปโตขาลงในปี 2022 Finzer มองว่าแม้ตลาดคริปโตขาลง แต่ NFT ยังมีอนาคต เพราะลูกค้ายังสามารถซื้อ NFT ด้วยเงินจริง เพื่อนำไปเป็นของสะสม จัดแสดงทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ได้อยู่ดี เขาบอกว่าไม่จำเป็นที่ต้องซื้อ NFT ด้วยเงินคริปโตเสมอไป รูปแบบการใช้งานจะกว้างขวางขึ้นกว่าวงการคริปโต ก่อนหน้านี้มีบริษัทวิจัยบล็อกเชน ประเมินว่ามูลค่าธุรกรรมของ OpenSea ลดลงถึง 99% นับจากจุดสูงสุด และ OpenSea เองก็ต้องปลดพนักงานออก 20% เมื่อกลางปีนี้ ที่มา - Financial Times
# Alibaba ปรับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง - Wu Zeming เป็น CTO คนใหม่ Alibaba ประกาศปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง โดย Wu Zeming จะรับตำแหน่งซีทีโอ (CTO) คนใหม่ต่อจาก Li Cheng ที่รับตำแหน่งนี้เมื่อปี 2019 Daniel Zhang ซีอีโอกลุ่ม Alibaba จะรับตำแหน่งเพิ่มเป็นประธานส่วนธุรกิจคลาวด์ โดย Jeff Zhang ที่เคยอยู่ในตำแหน่งนี้ จะไปโฟกัสงานฝ่ายวิจัย Damo Academy เป็นหลัก รวมทั้งงานด้านการพัฒนาชิปและ IoT Alibaba บอกว่าการปรับตำแหน่งนี้เป็นการปรับตำแหน่งสำคัญประจำปี เพื่อให้มีความคล่องตัวและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม ที่มา: Alibaba ผ่าน ZDNet
# รัฐบาลอินเดียกำหนดบังคับใช้พอร์ตชาร์จ USB-C เดือนมีนาคม 2025 ตามหลัง EU เล็กน้อย หน่วยงานดูแลมาตรฐานของอินเดีย Bureau of Indian Standards (BIS) กำหนดมาตรฐานพอร์ตชาร์จของโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊กเป็น USB-C มีกำหนดบังคับใช้เดือนมีนาคม 2025 BIS เคยหารือเรื่องนี้มาก่อนแล้วในเดือนพฤศจิกายน รอบนี้คือได้กำหนดเวลาที่ชัดเจนแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับกำหนดเวลาของ EU ที่บังคับใช้ USB-C สิ้นปี 2024 (โน้ตบุ๊กให้ถึงปี 2026) ที่มา - Business Standard ภาพสาย USB-C ของแอปเปิล
# คนล้มอย่าข้าม 1Password ชี้ฐานข้อมูล LastPass ยิง master password ไม่ยาก หมื่นล้านรหัสใช้เงินเพียง 3,500 บาท หลังเหตุการณ์ LastPass ข้อมูลหลุด ตอนนี้คู่แข่งสำคัญอย่าง 1Password ก็ออกมาแสดงความเห็นว่าแม้รหัสผ่านของผู้ใช้จะถูกเข้ารหัสด้วย PBKDF2 และทาง LastPass จะระบุว่าการเดารหัสผ่านจะใช้เวลานานนับล้านปี หากผู้ใช้ตั้งรหัสผ่านโดยสุ่มมาดีพอและยาว 12 ตัวอักษรขึ้นไป แต่ทาง 1Password ก็ชี้ว่าโดยทั่วไปมนุษย์ไม่สามารถตั้งรหัสผ่านคุณภาพสูงได้อยู่แล้วยกเว้นว่าจะใช้ซอฟต์แวร์สุ่มรหัสผ่านมาให้ รหัสผ่านแบบสุ่มสมบูรณ์ 12 ตัวอักษรนั้นมีความเป็นไปได้ถึง 272 หรือ 4,700 ล้านล้านล้านรูปแบบ แต่ในความเป็นจริงรหัสผ่านที่มนุษย์ตั้งก็จะคาดเดาง่ายกว่านั้นมาก และการยิงแฮช PBKDF2-H256 ที่ประสิทธิภาพดีที่สุดนั้นใช้ต้นทุนเพียง 100 ดอลลาร์ต่อการยิงหมื่นล้านรหัสเท่านั้น และการยิงหมื่นล้านรหัสก็น่าจะเพียงพอที่จะเจาะฐานข้อมูลของคนที่ตั้ง master password เองจำนวนมาก 1Password ใช้กระบวนการเข้ารหัสต่างออกไป คือ ระบบ Secret Key ที่เป็นอักษรสุ่มอย่างสมบูรณ์ 34 ตัวทำให้ความเป็นไปได้มากกว่า 2128 รูปแบบ และ Secret Key นี้เก็บอยู่ในอุปกรณ์ที่ล็อกอิน 1Password ไว้ไม่ได้ส่งกลับเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่คนร้ายขโมยฐานข้อมูลของลูกค้าไปได้เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดกับ LastPass ตัวฐานข้อมูลก็ยังไม่มีความเสี่ยงที่จะถูกยิงรหัสผ่าน ที่มา - 1Password
# ผู้ก่อตั้ง Mastodon บอกปฏิเสธข้อเสนอจาก VC ไปหลายราย เพราะอยากรักษาสถานะไม่หวังผลกำไร Eugen Rochko ผู้ก่อตั้งและนักพัฒนาฟูลไทม์เพียงรายเดียวของ Mastodon ให้สัมภาษณ์กับ Financial Times ว่าเขาปฏิเสธข้อเสนอลงทุนหลักหลายแสนดอลลาร์จากนักลงทุน venture capital ไปมากกว่า 5 ราย เพราะต้องการรักษาสถานะโครงการที่ไม่หวังผลกำไร (non-profit) ต่อไป Rochko บอกว่าเขาจะไม่ยอมเปลี่ยน Mastodon ไปเป็นเหมือน Twitter เด็ดขาด และบอกว่าสถานะของ Mastodon ที่กระจายศูนย์ สร้างเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองได้ ทำให้ Mastodon ไม่ถูกควบคุมเหมือนกับ Twitter ที่ขายให้มหาเศรษฐีบางคนแล้วเปลี่ยนทิศทางไปเลย Rochko เพิ่งออกมาเปิดเผยว่า Mastodon มีจำนวนผู้ใช้เติบโตอย่างรวดเร็ว จาก 3 แสนเป็น 2.5 ล้านรายในช่วงเวลาแค่ 2 เดือน ที่มา - Financial Times
# [หลุด] Motorola จะออก ThinkPhone มือถือแบรนด์ Think แบบเดียวกับ ThinkPad มีข่าวและภาพหลุดของมือถือซีรีส์ใหม่ ThinkPhone จาก Motorola ที่พยายามใช้แบรนด์ Think จาก ThinkPad มาทำตลาดให้แตกต่าง แม้ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าต่างจากมือถือ Android อื่นในท้องตลาดอย่างไรบ้าง นอกจากปุ่ม Power ที่ใช้สีแดง สเปกที่หลุดมาคือหน้าจอ 6.6" POLED, ตัวสแกนนิ้วใต้จอ, กล้องหน้าเจาะรู 32MP, ชิป Snapdragon 8+ Gen 1, กล้องหลัง 50MP + อัลตร้าไวด์ 13MP + มาโคร 2MP, ชาร์จเร็ว 68W และมีชาร์จไร้สาย, กันน้ำ IP68, รัน Android 13 มาตั้งแต่แรก คาดว่า Lenovo/Motorola น่าจะเปิดตัว ThinkPhone อย่างเป็นทางการในงาน CES 2023 ต้นปีหน้า ที่มา - 9to5google
# แอป Find My ช่วยตามหาผู้ประสบอุบัติเหตุรถชนตกหน้าผาในสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่เข้าช่วยสำเร็จ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมืองซาน เบอร์นาร์ดิโนในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุรถชนจนตกลงหน้าผาริมทางที่ระยะราว 60 เมตร แต่ครั้งนี้ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากบริการ Emergency SOS ของ Apple เพราะไม่ได้ใช้ iPhone 14 ครอบครัวเลยใช้วิธีตามหาพิกัดด้วย Find My จาก iPhone ของผู้ประสบอุบัติเหตุแทนหลังจากพบว่ายังไม่กลับบ้านและไม่มีการตอบกลับ ในที่สุด ครอบครัวก็เจอพิกัดบนแอป Find My และติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ จนเจ้าหน้าที่กู้ภัยของเมืองเข้าช่วยเหลือสำเร็จโดยพบว่าผู้ประสบอุบัติเหตุมีอาการบาดเจ็บสาหัสก่อนที่จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะติดอยู่ในรถที่ประสบอุบัติเหตุหนึ่งคืน ในกรณีนี้ ที่สามารถใช้ Find my iPhone เพื่อเข้าช่วยเหลือได้เป็นเพราะผู้หญิงคนดังกล่าวเปิดฟีเจอร์ระบุพิกัดให้คนในครอบครัวไว้ ซึ่งจะไม่สามารถช่วยชีวิตได้หากไม่ได้เปิดใช้งานฟีเจอร์ไว้ ไม่เหมือนบริการ SOS ดาวเทียมที่ติดต่อเจ้าหน้าที่อัตโนมัติเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ ก็มีเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพราะการแจ้งเตือนจากบริการ SOS ดาวเทียมของ Apple ที่มา: MacRumors
# PlayStation Plus แจกเกมฟรี Fallout 76 ครั้งแรกที่แจกเกมจากไมโครซอฟท์ Sony ประกาศเกมแจกฟรีของ PlayStation Plus ประจำเดือนมกราคม 2023 มีเกมที่น่าสนใจคือ Fallout 76 ของค่าย Bethesda ซึ่งปัจจุบันคือเกมในสังกัดไมโครซอฟท์ และถือเป็นครั้งแรกที่มีเกมจากไมโครซอฟท์แจกบน PlayStation Plus ด้วย การแจกเกมจากไมโครซอฟท์ในช่วงนี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะทั้งสองบริษัทกำลังเปิดศึกกันเรื่องการควบรวม Activision Blizzard อย่างเต็มที่ และยังไม่มีข้อมูลเบื้องหลังจากทั้งสองฝั่งว่าการแจก Fallout 76 เกิดขึ้นได้อย่างไร (ในขณะที่ Starfield ที่เป็นของ Bethesda เหมือนกัน จะเป็นเอ็กซ์คลูซีฟของ Xbox) เกมอื่นที่แจกในรอบนี้มีเกมใหญ่อย่าง Star Wars Jedi: Fallen Order ที่แจกก่อนภาคใหม่ Star Wars Jedi: Survivor วางขายช่วงเดือนมีนาคม และเกม Axiom Verge 2 เกมตะลุยด่านแบบ 2D ด้านข้างที่ได้รับความนิยมอีกเกมหนึ่ง ที่มา - PlayStation Blog
# [ลือ] Amazon เตรียมโฟกัสคอนเทนต์ถ่ายทอดสดกีฬา - ออกแอปแยกโดยเฉพาะ มีรายงานว่า Amazon เตรียมออกแอปแยกสำหรับรับชมคอนเทนต์การแข่งขันกีฬาโดยเฉพาะ จากปัจจุบันเนื้อหาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งใน Prime Video ซึ่งรายงานนี้สะท้อนว่า Amazon อาจให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬามากขึ้น ก่อนหน้านี้ซีอีโอ Andy Jassy เคยบอกว่าการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬานั้นเป็นคอนเทนต์เฉพาะตัว และ Amazon จะลงทุนกับเนื้อหาประเภทนี้มากขึ้น โดยปัจจุบัน Amazon มีลิขสิทธิ์ถ่ายทอดดสดอาทิ Thursday Night Football ของ NFL, ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกบางนัด และการแข่งขันเบสบอลของสโมสร Yankees ในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่าแพลตฟอร์มวิดีโอรายใหญ่เริ่มสนใจลงทุนกับการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬามากขึ้น เนื่องจากเป็นคอนเทนต์เฉพาะตัวและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สัปดาห์ที่แล้ว YouTube ก็ปิดดีลชนะการประมูลสิทธิ์ถ่ายทอด Sunday Ticket ของ NFL ไป ที่มา: TechCrunch
# MicroStrategy ซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 2,500 BTC ที่มูลค่ารวมราว 45 ล้านดอลลาร์ MicroStrategy บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์องค์กร ที่ช่วงหลายปีมานี้ มีชื่อเสียงในฐานะบริษัทที่เน้นลงทุนบิตคอยน์จนเป็นสินทรัพย์หลักของบริษัท ล่าสุดบริษัทได้แจ้งต่อ SEC ว่าบริษัทซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก ในช่วงวันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 21 ธันวาคม 2022 รวม 2,395 BTC คิดเป็นมูลค่ารวม 42.8 ล้านดอลลาร์ ในรายงานยังแจ้งเพิ่มเติมว่าได้ขายบิตคอยน์ออกมา 704 BTC ในวันที่ 22 ธันวาคม คิดเป็นมูลค่า 11.8 ล้านดอลลาร์ จากนั้น 24 ธันวาคม ก็ซื้อเพิ่มอีก 810 BTC เป็นมูลค่า 13.6 ล้านดอลลาร์ ผลจากการซื้อและขายรอบนี้ ทำให้ MicroStrategy ถือครองบิตคอยน์รวม 135,000 BTC ซึ่งมีมูลค่าตามราคาบิตคอยน์ในตลาดปัจจุบันราว 2,200 ล้านดอลลาร์ ที่ผ่านมา MicroStrategy ซื้อบิตคอยน์เพียงฝั่งเดียวมาตลอดตั้งแต่ปี 2020 และเพิ่งขายออกมาเป็นครั้งแรกในรายงานนี้ ที่มา: CoinDesk
# [ลือ] Tesla ต้องหยุดพักไลน์ผลิตที่เซี่ยงไฮ้ คาดเป็นเพราะออเดอร์ลดลง, หุ้นตก 11% ในวันเดียว สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างเอกสารภายในของ Tesla ว่าโรงงาน Gigafactory ที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีพนักงานราว 20,000 คน และมีกำลังการผลิตประมาณ 50% ของทั้งบริษัท จะหยุดพักไลน์การผลิตชั่วคราว 2 ช่วง ได้แก่ 24 ธันวาคม-1 มกราคม และ 20-31 มกราคม ซึ่งตรงกับช่วงตรุษจีนปี 2023 แต่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ไลน์การผลิตในจีนต้องหยุดพักช่วงตรุษจีน ข่าวนี้ทำให้นักลงทุนคาดกันว่า Tesla จำเป็นต้องหยุดพักไลน์เพราะมีกำลังการผลิตล้นเกิน มีจำนวนรถยนต์เกินความต้องการ ซึ่งตรงกับข่าวก่อนหน้านี้ว่า Tesla เตรียมปลดพนักงานออกอีกจำนวนหนึ่งในไตรมาส 1/2023 เพราะยอดขายรถยนต์ลดลง ภาพโรงงาน Gigafactory ที่เซี่ยงไฮ้ จาก Tesla ข่าวลือเชิงลบเหล่านี้ (ไม่มีข่าวจริงมาคาน เพราะทุกบริษัทของ Elon Musk ไม่มีฝ่าย PR มานานแล้ว) บวกกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลงเพราะมองว่า Elon Musk ไปเสียสมาธิกับ Twitter ทำให้หุ้นของ Tesla ตกลงอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยล่าสุดลดลงราว 11.4% ในวันเดียว ที่มา - Reuters via Gizmodo
# ซัมซุงเปิดตัว Galaxy Book 2 Pro 360 เวอร์ชันซีพียู Arm แบตใช้ได้ 30 ชั่วโมง ซัมซุงเริ่มทยอยเปิดตัวสินค้าก่อนงาน CES 2023 โดยสินค้าที่ออกมาก่อนคือโน้ตบุ๊กจอพับได้ Galaxy Book 2 Pro 360 ที่เปิดตัวมาแล้วช่วงต้นปี 2022 แต่รอบนี้เปลี่ยนมาใช้ซีพียู Snapdragon 8cx Gen 3 แทนซีพียูอินเทลที่เป็น x86 ตัวบอดี้ยังเหมือนกับเวอร์ชันซีพียูอินเทลทุกประการ แต่การเปลี่ยนมาใช้ซีพียู Arm ที่ประหยัดพลังงานกว่า ซัมซุงบอกว่าแบตเตอรี่ใช้งานดูวิดีโอต่อเนื่องได้ 30 ชั่วโมง (แปลว่าใช้งานจริง ท่องเบราว์เซอร์ต่อเน็ตจะได้น้อยกว่านี้) สเปกอย่างอื่นคือหน้าจอ Super AMOLED 13.3" พร้อมปากกา S Pen, น้ำหนัก 1.04 กิโลกรัม, ราคาขายในเกาหลีใต้ 1.89 ล้านวอน หรือราว 5.2 หมื่นบาท ที่มา - Samsung Korea
# อัยการอัลบาเนียเอาผิดอาญาผู้ดูแลระบบ 5 คนฐานไม่อัพเดตแพตช์ SharePoint จนโดนแฮก เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาอัยการอัลบาเนียยื่นฟ้องผู้ดูแลระบบเว็บไซต์ของรัฐบาล 5 ราย ฐานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (abuse of post) จากการไม่อัพเดตแพตช์ระบบและอัพเดตตัวป้องกันไวรัส จนระบบของรัฐบาลถูกแฮก ผู้ดูแลระบบทั้ง 5 รับผิดชอบระบบ SharePoint ของรัฐบาล แต่สุดท้ายระบบถูกแฮกด้วยช่องโหว่ CVE-2019-0604 จากนั้นคนร้ายเข้าไปยังระบบอื่นๆ ผ่านทางโปรโตคอลต่างๆ ทั้ง RDP, SMB, และ FTP การแฮกขยายวงไปมากจนกระทบระบบของรัฐบาลเป็นวงกว้าง คนร้ายเข้าถึงระบบอีเมลและ VPN จากนั้นดึงข้อมูลออกไป 3-20GB แล้วเข้ารหัสข้อมูลเรียกค่าไถ่ หรือบางเครื่องก็ถูกลบข้อมูลออก คดีนี้ทำให้รัฐบาลอัลบาเนียไม่พอใจอิหร่านที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังอย่างมาก ถึงกับตัดความสัมพันธ์ทางการทูตแม้ว่าทางอิหร่านจะยืนยันว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลัง ข้อหาที่อัยการสั่งฟ้องผู้ดูแลระบบทั้ง 5 รายนั้นมีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี แต่คดีนี้อัยการยื่นฟ้องขอให้ศาลสั่งกักตัวในบ้าน (house arrest) โดยอัยการมองว่าหากทั้ง 5 คนดูแลระบบตามมาตรฐานก็จะไม่ถูกโจมตีเช่นนี้ Bruce Schneier นักวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้ความเห็นว่าหากยังใช้แนวทางเอาผิดกับผู้ดูแล ต่อไปนักพัฒนาก็อาจจะถูกเอาผิดอาญาฐานออกแพตช์ช้าหรือไม่ก็เอาผิดโปรแกรมเมอร์ที่เขียนซอฟต์แวร์มีช่องโหว่ ที่มา - Schneier on Security, Slate.com ภาพโดย Bru-nO
# Excel เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Formula by Example เดาสูตรที่ต้องการใช้ จากผลลัพธ์ที่กรอก manual ไมโครซอฟท์ประกาศฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Excel ประจำเดือนธันวาคม 2022 มีของใหม่ที่น่าสนใจสองอย่างคือ Formula Suggestions และ Formula by Example ซึ่งมีผลกับผู้ใช้งาน Excel เวอร์ชันบนเว็บ ฟีเจอร์แรก Formula Suggestions เป็นการแนะนำสูตรคำนวณ โดยเมื่อผู้ใช้งานพิมพ์ = ในเซลล์ Excel ก็จะแนะนำสูตรที่น่าจะต้องการใช้ขึ้นมา ในตอนนี้รองรับเฉพาะ SUM, AVERAGE, COUNT, COUNTA, MIN และ MAX รองรับเฉพาะเนื้อหาภาษาอังกฤษในตอนนี้ (ดูตัวอย่างท้ายข่าว) อีกฟีเจอร์คือ Formula by Example โดยเมื่อผู้ใช้งานเริ่มใส่ข้อมูลแบบ manual แต่มีแพทเทิร์น ติดต่อกันหลายเซลล์ Excel จะแนะนำผลลัพธ์ที่เหลือให้ พร้อมกับแนะนำสูตรที่ใช้งานมาให้เพื่อยืนยัน คล้ายกับฟีเจอร์ Flash Fill ทั้งนี้ไมโครซอฟท์ไม่ได้ระบุว่าฟีเจอร์ดังกล่าวจะมีผลกับผู้ใช้งาน Excel บนเว็บทั้งหมดเมื่อใด ที่มา: The Verge
# LG Innotek เปิดตัวชิ้นส่วนกล้องมือถือ เลนส์รองรับ True Optical Zoom LG Innotek บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนกล้องสำหรับสมาร์ทโฟนในเครือ LG เปิดตัวชิ้นส่วนกล้องแบบซูมออปติคอลในชื่อ Optical Telephoto Zoom Camera Module โดยระบุว่าเป็นการซูมออปติคอลที่แท้จริง อาศัยการทำงานของกล้องแบบ Telescopic ทำให้การซูมไม่ลดคุณภาพของรูปที่ได้แม้เป็นระยะไกล รองรับที่ระยะ 4x-9x ในการออกแบบนี้ LG Innotek ยังเพิ่มเทคโนโลยีใหม่เสริม อาทิ ระบบกันสั่นที่ลดการใช้พลังงานของสมาร์ทโฟน, ดีไซน์ที่ลดความหนาของกล้องหลัง ไปจนถึงการออกแบบที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสามารถเลือกถอดเลนส์ซูม 4x หรือ 9x ออกได้ Optical Telephoto Zoom Camera Module นี้ ผ่านการพัฒนาเพื่อรองรับการทำงานกับชิป Snapdragon 8 Gen 2 โดย LG Innotek จะนำเสนอในงาน CES 2023 ที่จะจัดขึ้นต้นปีหน้า ร่วมกับ Qulacomm ที่มา: LG Innotek ผ่าน The Verge
# [ลือ] iPad mini รุ่นใหม่ จะออกมาปลายปี 2023 - ยังไม่มีแผนออก iPad หน้าจอพับได้มาแทนที่ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สินค้าใหม่แอปเปิลขาประจำ ให้ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ iPad mini รุ่นใหม่ โดยบอกว่าจะเริ่มขายในช่วงปลายปี 2023 หรือช้าสุดคือต้นปี 2024 (รุ่นปัจจุบันเริ่มขายปลายปี 2021) ส่วนข้อมูลสเป็ก Kuo ไม่ได้ให้รายละเอียด แต่บอกว่าจุดขายหลักคือชิปรุ่นใหม่ ทั้งนี้ iPad mini รุ่นปัจจุบันใช้ชิป A15 Bionic ข้อมูลใหม่อีกอย่างที่ Kuo บอกคือ iPad จอพับได้ ซึ่งเขาบอกว่าแอปเปิลมีแผนจะออก iPad รุ่นจอพับได้ แต่ iPad รุ่นนี้ไม่ได้ออกมาแทนที่ iPad mini อย่างน้อยจนถึงปี 2025 และหากออกมา ก็จะวางตำแหน่งเป็น iPad ที่มีราคาแพงกว่า iPad mini ที่มา: MacRumors
# ผู้บริหาร Apple เล่าถึงการเติบโตและกลยุทธ์ต่อไปของ Apple Arcade CNET ได้สัมภาษณ์พิเศษ Matt Fischer รองประธานฝ่าย App Store ของแอปเปิล ในประเด็นบริการ subscription สำหรับการเล่นเกม Apple Arcade ซึ่งเปิดให้บริการมา 3 ปีแล้ว โดยแม้แอปเปิลไม่เคยพูดถึงจำนวนผู้สมัครใช้งาน แต่บริการเองก็มีการเติบโตของจำนวนเกม และจับตลาดเฉพาะกลุ่มได้ แอปเปิลเปิดตัว Apple Arcade ด้วยเกมชุดแรกมากกว่า 100 เกม (ตอนนี้มีมากกว่า 200) พร้อมจุดขาย 99 บาทต่อเดือน ทุกเกมไม่มี In-App Purchase เพิ่มเติม มีเกมให้เลือกหลากหลายหมวด และมีการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว เพิ่มเกมคลาสสิกยอดนิยม และเกมดังใน App Store มาให้เล่น ทำให้เกมมีความหลากหลายมากขึ้น กลยุทธ์ที่แอปเปิลวางไว้สำหรับ Apple Arcade คือการอยู่ตรงกลางระหว่างเกมฟรี กับเกมเสียเงิน รวมกับการสร้างความแตกต่างจากเกมแบบฟรีเมียม ที่ผู้เล่นต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อแลกกับไอเท็มต่าง ๆ ซึ่งผู้เล่นหลายคนน่าจะเบื่อหน่ายกับสิ่งนี้ หรือโมเดลแทรกโฆษณาเป็นระยะจนน่ารำคาญ ผู้เล่นกลุ่มนี้น่าจะมองหาเกมที่จ่ายครั้งเดียวแล้วจบ โดยเฉพาะกับลูกค้าพ่อแม่ที่ให้ลูกเล่นเกมมือถือ ประเด็นอื่นที่น่าสนใจจากบทสัมภาษณ์มีดังนี้ โมเดลเกม subscription ทำให้สตูดิโอเกมบางรายสนใจเข้าร่วม เพราะสามารถโฟกัสที่การพัฒนาความสร้างสรรค์ในเกม โดยไม่ต้องพะวงโมเดลหาเงิน ผู้เล่น Apple Arcade มีทั้งสายต้องการเกม casual เล่นเรื่อย ๆ จนถึงผู้เล่นที่ต้องการเกมกราฟิกสวยงาม แนวทางการคัดเกมมาลงคือ สนุก และมีไอเดียน่าสนใจ Apple Arcade ยังขาดเกมเรือธง (เทียบกับ Xbox มี Halo หรือ Nintendo มี Mario) ซึ่งแอปเปิลเข้าใจถึงความสำคัญ แต่ยังไม่โฟกัสที่จะต้องมีเกมแบบนั้น ตอนนี้เกมที่เข้าใกล้ที่สุดอาจเป็น Sneaky Sasquatch จุดแข็งของ Apple Arcade คือร่วมมือกับนักพัฒนา ให้เกมรีดประสิทธิภาพจากฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ได้ดีด้วย ยังไม่มีแผนสร้างคอนโซลสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ ที่มา: CNET
# MKBHD รีวิวผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียง แชมป์คือ Google Assistant ส่วน Alexa แย่ที่สุด Marques Brownlee หรือ MKBHD ยูทูบเบอร์คนดัง รีวิวแอพผู้ช่วยส่วนตัวผ่านการสั่งงานด้วยเสียง (voice assistant) บนสมาร์ทโฟน 4 ตัวคือ Google Assistant, Siri, Bixby, Alexa เปรียบเทียบกันอีกครั้งในเวอร์ชันปลายปี 2022 ผลคือ Google Assistant ยังเป็นอันดับหนึ่งเช่นเดิม แอพทั้ง 4 ตัวทำงานพื้นฐาน เช่น ตั้งเวลา รายงานสภาพอากาศ ตอบคำถามข้อมูลทั่วไปได้ค่อนข้างดี (ยกเว้น Siri ตั้งเวลาได้ทีละอัน) ความเด่นในด้านอื่นคือ Google Assistant และ Bixby ควบคุมการทำงานของมือถือด้วยเสียงได้ดีที่สุด สามารถสั่งถ่ายภาพได้ และเปิดซีรีส์ตอนที่ระบุจากแอพ Netflix แล้วเล่นได้ทันที (Siri ทำได้แค่เปิดแอพ Netflix เท่านั้น) คุณภาพของการสนทนา Google Assistant ทำได้ดีที่สุด สามารถตอบคำถามอย่างต่อเนื่องได้อย่างถูกต้องต่อกัน ซึ่งแอพตัวอื่นไม่สามารถทำได้เลย อีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือการค้นหารูปสัตว์ หากสั่งว่า show me the pictures of dogs จะค้นหารูปใน Google Image Search แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคำว่า my dogs จะค้นหารูปหมาจากใน Google Photos ของเราแทน ส่วน Alexa ทำงานได้แย่ที่สุดบนสมาร์ทโฟน เหตุผลเป็นเพราะการที่ไม่ได้ผูกกับแพลตฟอร์มอย่างแนบแน่น อีกทั้งยังแอบมีโฆษณาของ Amazon แทรกมาเรื่อยๆ ด้วย
# ปีนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในอินเดียหลอกเงินชาวสหรัฐฯ ได้เงินไปกว่า 350,000 ล้านบาท เหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) เปิดเผยข้อมูลว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในอินเดียหลอกเงินพลเมืองสหรัฐอเมริกา เฉพาะช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาความเสียหาย 1.02 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 350,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% จากปีที่แล้วที่อยู่ที่ราว 6,900 ล้านเหรียญ ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและหลงเชื่อได้ง่าย โดยได้เงินจากผู้สูงอายุไปแล้วกว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้มีวิธีหลอกลวงทั้งในรูปแบบของการมาหลอกคุยสร้างความสัมพันธ์และหลอกให้โอนเงินให้และในรูปแบบหลอกว่าเป็นผู้ให้บริการช่วยเหลือไอที FBI เผยข้อมูลว่าการหลอกลวงในรูปแบบป็อปอัพเสนอความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีทำให้มีผู้เสียหายเสียเงินไปแล้วราว 347 ล้านเหรียญในปีที่แล้วและราว 718 ล้านเหรียญในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนในปีนี้ โดยการใช้วิธีนี้เพิ่มขึ้นถึง 137% ในปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 128% ในปีนี้ FBI พยายามแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตัวแทนของ FBI ในสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเดลี ประเทศอินเดีย เพื่อทำงานร่วมกับกองบัญชาการสอบสวนกลางของอินเดีย (CBI), องค์การตำรวจสากล (Interpol) และตำรวจของอินเดีย เพื่อจัดการกับกลุ่มดังกล่าวและป้องกันการโอนเงินเข้าสู่องค์กรในอินเดีย ที่มา: Time of India
# ขอเชิญชวนเข้าร่วม Barcamp Songkhla ครั้งที่ 7 ขอเชิญเข้าร่วมงาน Barcamp Songkhla 7 กิจกรรมจะจัดขึ้นในวันที่ 28 มกราคม 2566 ที่ตึก Learning Resources Center (LRC) ชั้น 8 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อเป็นสปอนเซอร์ผ่านทางเพจ Facebook ตามลิ้งก์ด้านล่างได้เลยครับ Facebook: Barcamp Songkhla เว็บไซต์: https://barcampsongkhla.org/ เว็บไซต์ลงทะเบียน: https://barcampsongkhla.org/register/
# Ruby ออกเวอร์ชั่น 3.2.0 เริ่มรองรับ WebAssembly และ YJIT บน production เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2565 กลุ่มผู้พัฒนาได้ประกาศปล่อยภาษา Ruby เวอร์ชั่น 3.2.0 ตามธรรมเนียมของชุมชนผู้พัฒนาที่จะออกอัพเดตใหญ่ทุกวันคริสต์มาส ไฮไลท์ของการอัพเดตครั้งนี้อยู่ที่การเริ่มรองรับการพอร์ตไป WebAssembly ผ่าน WebAssembly System Interface (WASI) ซึ่งจะทำให้โค้ดของ CRuby (ภาษา Ruby ที่ใช้ C เป็น interpreter) สามารถเรียกใช้งานได้บนเว็บเบราเซอร์หรือบนแพลตฟอร์มที่รองรับ WebAssembly และประกาศให้ YJIT ที่เป็น JIT(Just-In-Time) compiler ใหม่ให้อยู่ในสถานะพร้อมใช้บน production จากเดิมที่อยู่ในสถานะ experimental โครงการ YJIT ถูกริเริ่มที่ Shopify เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของ process ของ Ruby on Rails โดยภายในมีการใช้ Rust มาปรับปรุงประสิทธิภาพทำให้จำเป็นต้องมี compiler ของภาษา Rust ควบคู่กับ Ruby ในเครื่องเดียวกัน ที่มา: Ruby 3.2.0 release, YJIT
# เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เกือบ 900 รายถูกแฮกเกอร์เกาหลีเหนือหลอกเอาข้อมูลล็อกอิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้หลอกเอาข้อมูลล็อกอินจากผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศของเกาหลีใต้อย่างน้อย 892 รายมาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน โดยโจมตีด้วยการส่งอีเมลปลอมเป็นบุคคลสำคัญเพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะข้อมูลล็อกอินที่คนร้ายส่งเว็บปลอมเพื่อทำฟิชชิ่ง (phishing) ในจำนวนนี้มีเหยื่อ 49 คนล็อกอินเข้าเว็บปลอมจนคนร้ายได้ข้อมูลไปจริงๆ มีการส่งอีเมลปลอมเป็นบุคคลสำคัญอย่างเช่น เลขาของสำนักงานพรรคพลังประชาชน (PPP) และเจ้าหน้าที่จากสถาบันการทูตแห่งชาติ และหลอกให้ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ปลอมหรือให้เปิดไฟล์แนบที่มีไวรัสทำให้กลุ่มแฮกเกอร์สามารถเข้าควบคุมบัญชีอีเมลและดาวน์โหลดข้อมูลออกไปได้ ทางสำนักงานตำรวจระบุว่าแฮกเกอร์ที่การเปลี่ยนแปลงเลข IP Address และใช้เซิร์ฟเวอร์ถึง 326 แห่งใน 26 ประเทศเพื่อให้ยากต่อการสืบหาตัว ตำรวจเชื่อว่าเป็นแฮกเกอร์กลุ่มเดียวกับที่เจาะระบบของบริษัท Korea Hydro & Nuclear Power ในปี 2014 โดยสันนิษฐานจากวิธีการและกลุ่มเป้าหมายของการโจมตี นอกจากการส่งอีเมลปลอมแล้ว ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่ทางตำรวจเกาหลีใต้พบว่าแฮกเกอร์ของเกาหลีเหนือใช้แรนซัมแวร์เพื่อเข้ารหัสไฟล์บนอุปกรณ์และเรียกค่าไถ่เพื่อปลดล็อก กรณีนี้เกิดขึ้นกับห้างสรรพสินค้า โดยเซิร์ฟเวอร์ 19 ตัวของ 13 บริษัทถูกโจมตี มี 2 บริษัทตัดสินใจจ่ายค่าไถ่รวม 2.5 ล้านวอนหรือประมาณ 7 หมื่นบาท หน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้ (NIS) ประมาณการแฮกเกอร์เกาหลีเหนือขโมยสินทรัพย์ดิจิทัลไปแล้วรวม 1.5 ล้านล้านวอน หรือกว่า 4 หมื่นล้านบาทนับจากปี 2017 เฉพาะปีนี้ยอดเสียหายรวมประมาณ 80 ล้านวอนหรือกว่า 2 ล้านบาท โดยเป็นเหยื่อชาวเกาหลีใต้ 10 ล้านวอนหรือ 270,000 บาท คาดว่าการโจมตีทางไซเบอร์จะดำเนินต่อไปในปีหน้า และกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือและจีนจะยังโจมตีเพื่อขโมยข้อมูลด้านเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ทั้งเซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีด้านความมั่นคง และนิวเคลียร์ ที่มา: South China Morning Post
# Huawei ยังคงเติบโตได้ดีแม้ถูกแบนจากสหรัฐฯ มาแล้วหลายปี Huawei นับเป็นบริษัทขนาดใหญ่รายแรกๆ ที่ถูกสหรัฐฯ ใส่รายชื่อเข้า Entity List ทำให้การซื้อเทคโนโลยีจากบริษัทสหรัฐฯ ต้องได้รับอนุญาตเป็นครั้งๆ ไป แต่ในปีนี้บริษัทก็ยังดูจะเติบโตได้ดี ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ที่ fork มาจากแอนดรอยด์เวอร์ชั่นโอเพนซอร์ส พัฒนาเป็นเวอร์ชั่น 3.0 ยังถูกใช้ในสมาร์ทโฟนตระกูล Mate 50 ที่ปล่อยออกมาในปีนี้ จนทำให้ HarmonyOS กลายเป็นเป็นระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้มากเป็นอันดับ 3 รองจาก Android และ iOS และถูกใช้ในสมาร์ทโฟนกว่า 320 ล้านเครื่อง ระบบนี้ยังมีการเติบโตต่อปีสูง 113% ตัวระบบปฎิบัติการสำหรับอุปกรณ์ IoT ที่ Huawei ใช้ชื่อ HarmonyOS เหมือนกัน (แต่จริงๆ เป็น OS คนละตัว) มีการใช้งานมากขึ้นในผลิตภัณฑ์กว่า 250 ล้านหน่วย อย่างในโทรทัศน์ หลอดไฟ และตู้เย็น ซึ่งนับว่าการติดตั้งซอฟต์แวร์นี้เพิ่มขึ้นในอัตรา 212% ปีต่อปี AppGallery ยังคงเติบโตจนเป็นสโตร์อันดับ 3 รองจาก Google Play และ App Store ผู้ใช้แต่ละเดือนกว่า 580 ล้านคน แม้ว่าจะยังมีจำนวนแอปปพลิเคชันแค่ 220,000 แอปหากเทียบกับ Google Play ที่มีราว 2.5 ล้านแอป นอกจากระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟนแล้ว สหรัฐอเมริกากำลังดำเนินการเพื่อแบนไม่ให้จีนนำเข้า เครื่องจักร Extreme Ultraviolet (EUV) lithography ซึ่งจำเป็นต่อการผลิตชิปขั้นสูงด้วย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดHuawei ได้ยื่นจดสิทธิบัตรที่ครอบคลุมชิ้นส่วน EUV และกระบวนการ EUV ไป ขณะนี้สิทธิบัตรดังกล่าวยังไม่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานสิทธิบัตรของจีนและการยื่นสิทธิบัตรก็ไม่ได้รับประกันว่า Huawei จะสามารถผลิตเครื่อง EUV ได้ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าบริษัทกำลังพยายามพัฒนาเทคโนโลยีให้เทียบเท่าโลกตะวันตก ที่มา: PhoneArena
# Lenovo เปิดตัวโคมไฟมี docking station ในตัว มาพร้อมเว็บแคม 4K และแท่นชาร์จไร้สาย Lenovo เปิดตัวอุปกรณ์เสริมใหม่ก่อนงาน CES 2023 จะเริ่ม เป็นโคมไฟทรงโมเดิร์นที่ใช้งานเป็น docking station ได้ในตัว แถมยังมาพร้อมเว็บแคม 4K และแท่นชาร์จไร้สายสำหรับมือถือและหูฟัง ตัวโคมไฟใช้ชื่อว่า Lenovo Go Desk Station ปรับระดับสูงต่ำและหมุนได้ เลือกอุณหภูมิสีได้ 3 ระดับคือ 3,000K (เหลืองนวล), 4,500K (cool white) และ 6,500K (daylight) ความสว่างสูงสุด 1,600 lux ที่ระยะครึ่งเมตร ส่วนฟีเจอร์ hub มีพอร์ต USB-C 3.1 สองพอร์ตจ่ายไฟ 20 และ 65 วัตต์, USB-A 3.1 สองพอร์ต และ HDMI 2.0 รองรับความละเอียด 4K 60Hz และ HDR นอกจากนี้ยังมีแท่นชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi ที่พับซ่อนอยู่ในฐานโคมไฟ จ่ายไฟ 15 วัตต์ โดยทั้งตัวโคมรับไฟเข้า 135 วัตต์ผ่านพอร์ต USB-C อีกพอร์ตที่อยู่ด้านหลัง สุดท้ายยังมีเว็บแคมความละเอียด 4K 30 fps รองรับออโต้โฟกัสและ HDR ปรับความกว้างของภาพได้มากสุด 90 องศา มีชัตเตอร์ปิดหน้าเลนส์ให้ด้วย Lenovo Go Desk Station จะเริ่มวางขายในเดือนมีนาคม 2023 ในราคา 329 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 11,400 บาท หรือถ้าอยากได้เว็บแคมอย่างเดียวก็มีขายแยกที่ราคา 150 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5,200 บาท ที่มา - Engadget, สเปกเต็ม (PDF)
# รัฐแคลิฟอร์เนียผ่านกฎหมาย ห้ามบริษัทรถยนต์ใช้คำว่า Full Self-Driving โฆษณาเกินจริง รัฐแคลิฟอร์เนียผ่านกฎหมายระดับรัฐ (Senate Bill 1398) แบนการโฆษณาฟีเจอร์ขับขี่อัตโนมัติแบบเกินจริง เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ในกฎหมายใช้คำว่ารถยนต์ที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติบางส่วน (partial driving automation feature) ที่เทียบเท่ากับขับ Level 2 ตามนิยามของ Society of Automotive Engineers (SAE) จะต้องทำความเข้าใจกับผู้ซื้อว่ามีข้อจำกัดอย่างไร และห้ามตั้งชื่อหรือโฆษณาชวนให้เข้าใจผิดว่าเป็นการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ กฎหมายนี้ออกมาเพื่อแบนฟีเจอร์ Autopilot และ Full Self-Driving (FSD) ของ Tesla ที่เคยถูกหน่วยงานของรัฐแคลิฟอร์เนียออกมาตรวจสอบก่อนหน้านี้ กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในปี 2023 ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า Tesla จะปรับตัวตามอย่างไร ที่มา - Teslarati
# OnePlus โชว์ภาพ OnePlus 11 ก่อนเปิดตัวทางการ ยังใช้สีดำ-เขียว OnePlus โชว์ภาพอย่างเป็นทางการของ OnePlus 11 ผ่าน Weibo ก่อนงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในจีน 4 มกราคม 2023 โทนสีของเครื่องยังเป็นสีดำและสีเขียว ที่ใช้มาตั้งแต่ OnePlus 10 และ OnePlus 10T ข้อมูลสเปกของ OnePlus 11 เท่าที่เปิดเผยคือใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 2, แรม LPDDR5X 12/16GB, สตอเรจ 512GB, ข้อมูลกล้องยังไม่เปิดเผย แต่จากภาพเราเห็นกล้องหลัง 3 ตัว ตามปกติของเรือธงยุคนี้ พร้อมแบรนด์กล้อง Hasselblad แปะมาด้วย OnePlus 11 จะมีกำหนดเปิดตัวนอกจีนในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2023 ที่มา - Engadget
# Apple Store ญี่ปุ่น จัดโปรโมชันแถม AirTag ลายอีโมจิกระต่าย Limited 30,000 ชิ้น เมื่อซื้อ iPhone รุ่นเก่า เพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ แอปเปิลประเทศญี่ปุ่น ออกโปรโมชันพิเศษระยะเวลา 2 วันเท่านั้น ระหว่างวันที่ 2-3 มกราคม 2023 โดยจะให้บัตรของขวัญ (Gift Card) มูลค่าตั้งแต่ 4,000 เยน สำหรับการซื้อ AirPods 2nd Gen ไปจนถึงสูงสุดที่ 32,000 เยน สำหรับการซื้อ MacBook Pro นอกจากนี้แอปเปิลยังออกโปรโมชันเพิ่ม สำหรับลูกค้าที่ซื้อ iPhone 13, iPhone 13 mini, iPhone 12 หรือ iPhone SE เครื่องใหม่ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว จะได้รับ AirTag รุ่นพิเศษ ผลิตจำนวนจำกัด 30,000 ชิ้น สลักลายอีโมจิกระต่าย เพื่อต้อนรับปีนักษัตรกระต่ายของ 2023 ที่กำลังมาถึง โปรโมชันนี้รองรับทั้งการซื้อออนไลน์ในญี่ปุ่น และหน้าร้าน Apple Store ที่ญี่ปุ่น ผู้อ่านท่านใดไปเคาท์ดาวน์ที่นั่นอาจลองแวะไปดูกันได้ ที่มา: MacRumors
# เด็กฝึกงานอีกแล้ว Epic Games แจกเกมผิดเวอร์ชั่น เมื่อคืนวันที่ 25 ที่ผ่านมา Epic Games ได้มีการแจกเกม Death Stranding เกมดังของฮิเดโอะ โคจิม่า (ขณะนี้หมดเวลารับไปแล้ว) มีคนพบว่าช่วงแรกที่แจกนั้นใครที่กดรับทันจะได้มาเป็นเวอร์ชั่น Director's cut ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสมบูรณ์ของตัวเกม หลังจากนั้นทาง Epic ก็ได้เปลี่ยนเป็นตัวเกมหลักเพียงอย่างเดียวแทน ทาง Epic ประเทศจีนได้ออกมาแจ้งว่าได้ทำการแจกเกมผิดเวอร์ชั่นไปเพราะเด็กฝึกงานเตรียมเกมที่จะแจกผิดพลาด และได้ขอโทษผู้ที่กดรับเกมเวอร์ชั่น Director's cut ไม่ทัน ตามสัญญากับผู้จัดจำหน่ายเกมที่แจกจะเป็นเวอร์ชั่นปกติ ไม่มีการแจกเวอร์ชั่น Director's cut และตอนนี้กำลังพูดคุยกับผู้จัดจำหน่ายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น สำหรับผู้ที่กดเวอร์ชั่น Director's cut ไม่ทัน สามารถซื้อ DLC เพิ่มได้ในราคาลดแล้วเหลือ 203.40 บาท ที่มา - EpicGamesStore
# TSMC เตรียมทำพิธีฉลองเริ่มเดินสายการผลิตชิป 3nm วันที่ 29 ธันวาคมนี้ มีรายงานจาก DigiTimes ระบุว่า TSMC จะเริ่มการผลิตชิปที่ระดับ 3 นาโนเมตร ในระดับโปรดักชันแล้วที่โรงงาน Fab 18 ซึ่งลูกค้ารายสำคัญกลุ่มแรก ๆ มีแอปเปิลรวมอยู่ด้วย จึงคาดว่าแอปเปิลจะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ชิป M2 Pro ทั้งนี้ทาง TSMC จะทำพิธีสำหรับการเริ่มสายการผลิตชิป 3 นาโนเมตร ในวันที่ 29 ธันวาคม รวมทั้งอาจให้ข้อมูลการขยายการผลิตไปยังโรงงานอื่นเพิ่มเติมด้วย ตามรายงานก่อนหน้านี้ สินค้าของแอปเปิลที่คาดว่าจะใช้ชิปเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร ได้แก่ MacBook 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว ตัวใหม่, Mac Studio และ Mac mini ชิปที่จะใช้ได้แก่ M2 Pro, A17 Bionic และ M3 ที่มา: GSM Arena
# เกิดเหตุรถชน 8 คันรวดบนทางหลวงสหรัฐฯ ผู้ขับ Tesla ต้นเหตุระบุเกิดจาก Full Self-Driving เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเกิดเหตุรถชนกัน 8 คันซ้อนบนทางหลวง I-80 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้ขับ Tesla Model S ต้นเหตุระบุว่าเกิดจาก Full Self-Driving (FSD) ขัดข้อง เหตุการณ์ครั้งนี้รถ Tesla Model S กำลังวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นเปลี่ยนเลนข้ามไปหลายเลน แล้วรถความเร็วลงเหลือ 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างรวดเร็วจนรถที่ตามมาลดความเร็วไม่ทันและชนกันเป็นลูกโซ่ ทางตำรวจแคลิฟอร์เนียระบุว่าไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า FSD ทำงานอยู่ขณะเกิดเหตุจริงหรือไม่ แต่ก่อนหน้านี้ Tesla เคยต้องเรียกรถกลับไปแก้ไขซอฟต์แวร์หลังเบรกฉุกเฉินทำงานผิดพลาด และ FSD เองเพิ่งอัพเดตเป็น V11 ที่ใช้งานบทางหลวงได้ และโดยระดับความอัตโนมัติแล้ว FSD ยังเป็นเพียงระดับ 2 ที่ผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบควบคุมรถตลอดเวลา สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องสนใจควบคุมรถอีกแล้วจะต้องเป็นระบบอัตโนมัติระดับ 4 ขึ้นไป ที่ตอนนี้เริ่มมีรถบางยี่ห้อได้รับอนุญาตในพื้นที่จำกัด เช่น ทางหลวงบางสายในสหรัฐฯ ที่มา - ArsTechnica
# โซนี่เผย PSVR2 ถูกพัฒนาพร้อม PS5 ตั้งใจใส่พอร์ต USB-C ด้านหน้าเครื่องมาเพื่อสิ่งนี้ Hideaki Nishino ผู้บริหารฝ่ายวางแผนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Sony Interactive Entertainment (SIE) ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารเกม Famitsu ของญี่ปุ่น มีรายละเอียดของแว่น PSVR2 เพิ่มเติมดังนี้ PSVR2 ถูกพัฒนาขึ้นพร้อมกับ PS5 เลย แม้แยกทีมฮาร์ดแวร์กัน แต่วางแผนพร้อมกันมาตั้งแต่แรก ต่างจาก PSVR รุ่นแรกที่โซนี่พัฒนาขึ้นมาภายหลัง ทำให้การต่อเชื่อมกับ PS4 ยุ่งยากซับซ้อนกว่า PSVR2 ที่มีสายเคเบิลสายเดียวต่อเข้า PS5 ได้ทันที หลักฐานคือพอร์ต USB-C ด้านหน้าเครื่อง PS5 นั้นเตรียมมาเพื่อ PSVR2 ตั้งแต่แรก แต่ก่อนหน้า PSVR2 เปิดตัว Nishino ไม่สามารถบอกได้ว่าพอร์ตนี้ใส่เข้ามาทำไม Nishino บอกว่าโซนี่เคยคิดเรื่องการทำแว่น VR แบบไร้สายเหมือนกัน แต่สุดท้ายไม่ตอบโจทย์เรื่องประสิทธิภาพ ยังไงก็ต้องมีสาย ราคาของ PSVR2 ที่ตั้งมา 549.99 ดอลลาร์ หรือ 74,980 เยน (ประมาณ 2 หมื่นบาท) ตั้งมาอยู่ในระดับกลางๆ คนที่เข้าใจเรื่อง VR บอกว่าราคาเหมาะสมกับประสิทธิภาพแล้ว แต่ก็ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เหตุผลที่เกม PSVR1 ใช้กับ PSVR2 ไม่ได้ มาจากวิธีการทำงานของฮาร์ดแวร์แตกต่างกันมาก เพราะ PSVR1 มีกล้องแทร็คกิงภายนอก ส่วน PSVR2 รวมทุกอย่างมาในแว่นแล้ว, วิธีการเรนเดอร์ภาพของ PSVR2 ยังมีระบบเน้นความละเอียดภาพตรงที่สายตาโฟกัส (foveated rendering) การพอร์ตเกมเก่ามาก็ไม่ง่ายเช่นกัน ที่มา - Famitsu
# Firefox แก้บั๊ก CSS ตัวอักษรขึ้นต้นย่อหน้า หลังเปิดบั๊กมา 18 ปี Firefox แก้บั๊กหมายเลข 290125 ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2005 เป็นบั๊ก CSS เรนเดอร์โดยไม่สนใจค่า line-height ในตัวอักษรตัวแรก :first-letter โดยไม่ว่าจะกำหนดความสูงของบรรทัดเป็นอย่างไรขนาด box ของ CSS รอบตัวอักษรแรกก็จะใหญ่เท่าเดิม แต่เบราว์เซอร์อื่นๆ เช่น Opera 7.5 และ Safari 1 ในยุคนั้นแสดงผลตามค่า line-height แม้จะเปิดเป็นบั๊ก แต่การเรนเดอร์ตามรูปแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดจากมาตรฐาน CSS ที่ระบุว่าในกรณี :first-letter นี้ให้เบราว์เซอร์กำหนดความสูงบรรทัดได้เองจากรูปร่างตัวอักษร ไม่ใช่ความสูงบรรทัดปกติ เพียงแต่พฤติกรรมไม่ตรงกับเบราว์เซอร์อื่นทำให้บางเว็บเรนเดอร์ผิดพลาดเว็บดูไม่ดีบน Firefox แพตช์แก้ปัญหานี้ด้วยการทำให้ Firefox ปรับพฤติกรรมไปเหมือนเบราว์เซอร์อื่นๆ หาก CSS กำหนด line-height เอาไว้ต่ำกว่า 1em และกรณีอื่นจะมีพฤติกรรมเหมือนเดิมต่อไป ที่มา - Bugzilla
# โบรกเกอร์ไม่พอใจตลาดหุ้นออสเตรเลียทิ้งระบบบล็อกเชน หลังสัญญาหลายรอบว่าใกล้เสร็จ หลังจากตลาดหุ้นออสเตรเลีย ASX ประกาศล้มโครงการพัฒนาระบบเทรดที่ตั้งใจใช้บล็อคเชนหลังพัฒนามา 7 ปี องค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น โบรกเกอร์ต่างๆ ก็แสดงความไม่พอใจเพราะต้องลงทุนกับการเตรียมการอัพเกรดระบบไปมาก และก่อนหน้านี้ ASX ก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าใช้ระบบใหม่ ASX ลงทุนในโครงการ CHESS Replacement ไปแล้วประมาณ 250 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย แต่แหล่งข่าวก็ระบุกับรอยเตอร์สว่าโบรกเกอร์ก็เสียค่าใช้จ่ายรวมๆ กันเท่ากับตัวตลาดหลักทรัพย์เอง เพราะโบรกเกอร์แต่ละแห่งต้องอัพเกรดซอฟต์แวร์ของตัวเอง ส่งพนักงานไปอบรมตามโอกาสต่างๆ และจ้างที่ปรึกษามาเตรียมความพร้อม CHESS Replacement เริ่มต้นในปี 2015 โดย ASX เข้าซื้อหุ้น ​5% ของบริษัท Digital Asset ที่ไม่เคยมีประวัติพัฒนาระบบตลาดหลักทรัพย์มาก่อน แต่หลังจากนั้นโครงการก็ขยายสโคปออกไปใหญ่มาก จากเดิมเชื่อมต่อข้อมูล 12 ชุดต่อการซื้อขาย กลายเป็นการย้ายการเชื่อมต่อ 400 รายการไปยังระบบใหม่ทั้งหมด เฉพาะคนของ ASX เองทำงานกับโครงการนี้ 300 คน รายงานของ ASX เมื่อปี 2021 เคยระบุว่าระบบใหม่นี้ก้าวจากช่วงพัฒนาไปยังช่วงทดสอบและเตรียมการใช้งานแล้ว แต่ Damian Roche ประธาน ASX ก็แก้ตัวว่ารายงานนี้นับเฉพาะส่วน functional เท่านั้น แต่ส่วน non-functional เช่นความปลอดภัยและความสามารถในการรับโหลดของระบบนั้นไม่ได้นับไว้ด้วย และปัญหาหลายอย่างมาเห็นชัดตอนหลังแล้ว ที่มา - IT News
# ซีอีโอ Raspberry Pi บอกยังไม่ออก Pi 5 ในปี 2023 ขอแก้ปัญหาซัพพลายเชนให้จบก่อน Eben Upton ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท Raspberry Pi ให้สัมภาษณ์กับช่อง ExplainingComputers เล่าถึงปัญหาซัพพลายเชนที่ทำให้สินค้า Raspberry Pi ขาดตลาดอย่างหนักมาตั้งแต่กลางปี 2021 ปัญหาซัพพลายเชนทำให้บริษัทต้องทำงานหนักเพื่อหาสินค้ามาส่งมอบให้ลูกค้า โดยเฉพาะรายย่อย สถานการณ์ตอนนี้แม้ดีขึ้น แต่ก็ต้องใช้เวลาค่อยๆ ฟื้นฟู สินค้าที่จะเน้นคือ Pi 3A+ และ Pi Zero 2 W ส่วน Pi 4 คงต้องขึ้นกับโชคด้วยว่าช่วงนั้นมีของหรือไม่ Upton ยังบอกว่าไม่ต้องพูดถึงการออก Rapsberry Pi 5 ในปี 2023 เลย ขอให้สถานการณ์ผ่านพ้นไปได้ก่อนแล้วค่อยมาคิดกันอีกทีในปี 2024 ส่วนปี 2023 ถือเป็นปีแห่งการฟื้นฟูซัพพลายเชน (recovery year) ไปก่อน ที่มา - Ars Technica
# Meta ยอมจ่าย 725 ล้านเหรียญเพื่อยุติคดีข้อมูลหลุดไปยังบริษัท Cambridge Analytica Meta ได้ยินยอมจ่ายเงิน 725 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อยุติคดีที่บริษัทถูกฟ้องร้องมาตั้งแต่ปี 2018 จากเหตุข้อมูลผู้ใช้หลุดไปยังบริษัทวิจัยสัญชาติอังกฤษ Cambridge Analytica คดีนี้เกิดจากการที่กลุ่มผู้ใช้ Facebook ได้ยื่นฟ้องร้องแบบกลุ่มต่อศาลรัฐบาลกลางของเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย หลังจากมีการเปิดเผยว่า Meta ได้ให้ข้อมูลผู้ใช้มากถึง 87 ล้านบัญชีกับ Cambridge Analytica ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยที่ให้บริการพรรคการเมืองทั่วโลกเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลคะแนนเสียงและความนิยมในแง่มุมต่างๆ ฝั่งโจทก์เผยรายละเอียดข้อตกลงยุติคดีต่อศาลว่า นับตั้งแต่มีการฟ้องร้อง Meta ได้ยกเลิกการอนุญาตให้บุคคลที่สามเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ผ่านคนรู้จักที่สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ของบริษัทได้ นอกจากนี้ ยังควบคุมและดูแลข้อมูลอย่างเข้มงวดมากขึ้นและปรับปรุงวิธีการแจ้งผู้ใช้ว่าข้อมูลใดจะถูกจัดเก็บและส่งต่อบ้าง นอกจากนี้ ฝ่ายโจทก์กล่าวว่า กรณีนี้ถือว่าเป็นการชดเชยความเสียหายครั้งใหญ่ที่สุดในการฟ้องร้องแบบกลุ่มในเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและเป็นจำนวนเงินมากที่สุดที่ Facebook เคยจ่ายเพื่อยุติคดีฟ้องร้องแบบกลุ่ม ทั้งนี้ แม้ว่าจำนวนเงินจะดูเป็นจำนวนที่สูงมาก แต่กลุ่มผู้เสียหายรวมก็เป็นกลุ่มผู้ใช้ Facebook ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2007-2022 รวมหลายร้อยล้านคน ทำให้ค่าเสียหายที่ได้รับจริงก็น่าจะคนละไม่มากนัก ที่มา: Bloomberg
# ผู้บริหาร Lenovo สัญญา ตุ่มแดง TrackPoint จะอยู่คู่โน้ตบุ๊ก ThinkPad ตลอดไป Jerry Paradise ผู้บริหารของ Lenovo ให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่น PCWatch เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีแบรนด์ ThinkPad มีประเด็นที่น่าสนใจคือคำมั่นสัญญาว่าอุปกรณ์ควบคุม TrackPoint ตุ่มแดงที่เป็นสัญลักษณ์ จะคงอยู่ตลอดไปตราบเท่าที่แบรนด์ ThinkPad ยังอยู่ อุปกรณ์ pointing stick ถูกใช้มาก่อนในโน้ตบุ๊กหลายแบรนด์ เช่น HP และ Dell แต่ภายหลังแบรนด์เหล่านี้ก็ตัด pointing stick ออกไปเพราะไม่ได้รับความนิยม ในขณะที่ ThinkPad ยังคงใช้งานอยู่ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา อาจมีข้อยกเว้นบาง เช่น คีย์บอร์ดของโน้ตบุ๊กจอพับ ThinkPad X1 Fold รุ่นแรกที่ขายปี 2020 แต่ก็ถูกนำกลับมาใน ThinkPad X1 Fold 2nd Gen รุ่นที่ขายปี 2022 เพราะลูกค้าเรียกร้อง ภาพจาก Lenovo บทความต้นทางยังให้ข้อมูลว่า ทีมพัฒนาสินค้าแบรนด์ ThinkPad ตั้งแต่ยุค IBM มีทั้งฝั่งอเมริกา (สำนักงานที่เมือง Raleigh รัฐ North Carolina) รับงานฝั่งวางแผนกับการตลาด และศูนย์วิจัย Yamato Research Center ที่เมือง Yokohama ในญี่ปุ่น (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Daiwa Research Laboratory และย้ายมาอยู่ Minato Mirai) ซึ่งรับงานฝั่งพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ ประเด็นเรื่องสีดำที่ยังเป็นเอกลักษณ์ ทีมผู้บริหาร Lenovo ให้ความเห็นว่าสีดำจะยังถูกใช้งานต่อไปเช่นเดิม แต่ก็จะเปิดทางเลือกสำหรับสีอื่นๆ เช่น เงิน หรือ น้ำตาล ตามความเหมาะสมด้วย ตัวอย่างคือ ThinkPad Z13 ที่ฝาหลังเป็นหนังเทียม ส่วนเรื่องการเปลี่ยนคีย์บอร์ดจาก 7 แถวเป็น 6 แถวในปี 2012 ซึ่งมีเสียงวิจารณ์จำนวนมาก ทางทีมผู้บริหารบอกว่าตัดสินใจจากปัจจัยหลายข้อ ทั้งการทดลองใช้เองกันภายใน แล้วพบว่าการตัดแถวคีย์บอร์ดออก 1 แถวไม่ได้กระทบประสบการณ์ใช้งานมากนัก และช่วยให้เกิดอิสระในการออกแบบผลิตภัณฑ์มากขึ้น ทางทีมจึงลองนำไอเดียใหม่ๆ มาใส่ในไลน์สินค้าตัวใหม่คือ ThinkPad Edge ในปี 2010 ดูก่อน เมื่อได้รับเสียงตอบรับดีแล้วจึงค่อยๆ เปลี่ยนแปลงในไลน์ ThinkPad X1 ตอนปี 2011 และ ThinkPad Classic ในปี 2012 ที่มา - PCWatch (ภาษาญี่ปุ่น) via Notebookcheck
# [ลือ] NVIDIA จะออก GeForce Titan รุ่นใหม่ แรงขึ้นจาก 4090, หนา 4 สล็อต ช่องฮาร์ดแวร์ Moore's Law is Dead รายงานข่าวที่ยังไม่ยืนยันว่า NVIDIA เตรียมนำการ์ดจอแบรนด์ Titan ที่เป็นรุ่นท็อปสุดกลับมาอีกครั้ง (รุ่นสุดท้ายที่ออกคือ Titan RTX เมื่อปี 2018) หลังจากเว้นไปในรอบซีรีส์ GeForce 30 ที่มี 3090/3090 Ti มาแทน ตามข่าวบอกว่า Titan รอบซีรีส์ 40 ใช้ชิปจีพียู AD102 (สถาปัตยกรรม Ada Lovelace) ตัวเดียวกับใน GeForce RTX 4090 แต่เป็นเวอร์ชันที่เปิดใช้คอร์เต็ม 100% ของชิป (4090 เปิดใช้ 90%) และเพิ่มคล็อคให้เยอะขึ้นอีก ผลคือกินไฟเพิ่มขึ้น ต้องใช้พัดลมระบายความร้อนเยอะขึ้น และคาดว่ามันจะมีความหนาเพิ่มเป็น 4 สล็อตด้วย (4090 หนา 3 สล็อต) ในแง่การจ่ายพลังงาน ตามข่าวบอกว่า Titan ตัวใหม่จะยังใช้สายคอนเนคเตอร์ 16-pin (อันเดียวกับที่มีข่าวสายไหม้เพราะเสียบไม่แน่น) เพียงสายเดียวเหมือนเดิม เพราะสายรองรับการจ่ายไฟ 600 วัตต์อยู่แล้ว จึงไม่ต้องใช้สายเส้นที่สองเพิ่ม หากข่าวนี้เป็นจริง ก็เป็นไปได้สูงที่ NVIDIA จะเปิดตัวในงาน CES 2023 ช่วงหลังปีใหม่ ซึ่งบริษัทมีคิวแถลง keynote วันที่ 3 มกราคม 2023 ภาพความหนาของการ์ด GeForce RTX 4090 ที่มา - XDA
# Epic Games แจก Death Stranding ฟรี มีเวลากดรับสิทธิถึง 5 ทุ่ม Epic Games แจกเกมใหญ่ฟรีรอบปลายปีคือ Death Stranding มูลค่า 409 บาท สามารถกดรับสิทธิได้ฟรีกันถึงคืนนี้ 26 ธันวาคม เวลา 23.00 น. เกมที่แจกเป็นภาคหลัก (base game) ยังไม่ใช่ภาค Director's Cut ที่พอร์ตมาจาก PS5 และเพิ่งวางขายบนพีซีเมื่อต้นปีนี้ แต่ก็สามารถอัพเกรดโดยเพิ่มเงินได้อี ก 203 บาทในภายหลัง
# Home Assistant จะสร้างระบบสั่งงานด้วยเสียงของตัวเอง ประมวลผลแบบโลคัล Home Assistant โครงการโอเพนซอร์สระบบสั่งงานบ้านอัตโนมัติชื่อดัง ประกาศเริ่มทำฟีเจอร์สั่งงานด้วยเสียงของตัวเองในปี 2023 โครงการ Home Assistant บอกว่าที่ผ่านมาระบบสั่งงานด้วยเสียงมักต้องพึ่งพาเทคโนโลยีของบริษัทใหญ่ๆ เช่น Google Assistant หรือ Amazon Alexa ซึ่งข้อมูลต้องวิ่งผ่านคลาวด์ของบริษัทเหล่านี้ ในขณะที่ผู้ใช้เองมักใช้แค่สั่งงานเปิดไฟในบ้านเท่านั้น งานเหล่านี้สามารถประมวลผลได้ในบ้าน โดยไม่ต้องเสียความเป็นส่วนตัวไป Home Assistant สนใจทำระบบสั่งงานด้วยเสียงมานาน แต่โครงการที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จหรือเล็กเกินไป คราวนี้ Home Assistant จริงจังมากขึ้น โดยดึงเอา Mike Hansen ผู้สร้างซอฟต์แวร์สั่งงานด้วยเสียง Rhasspy เข้ามาทำงานด้วยเลย จุดเด่นของ Rhasspy คือรองรับภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษด้วย ตอนนี้รองรับแล้ว 16 ภาษา (ยังไม่มีไทย) และตั้งเป้าจะขยายให้มากขึ้นเทียบเท่ากับ Home Assistant ที่รองรับ 62 ภาษา ซึ่งโครงการก็เชิญชวนให้ผู้ใช้เข้ามาร่วมพัฒนาภาษาใหม่ๆ ให้รองรับมากขึ้น ที่มา - Home Assistant
# อดีตวิศวกร LastPass เตือนบัญชีเก่าถูกยิง master password ง่าย, คนร้ายเห็น URL Evan J Johnson อดีตวิศวกรซอฟต์แวร์ของ LastPass ที่ทำงานมาตั้งแต่ช่วงปี 2013-2015 แสดงความเห็นต่อ เหตุการณ์ข้อมูลหลุดครั้งล่าสุดว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดที่บริษัทเคยเจอ เพราะปกติฐานข้อมูลรหัสผ่านของลูกค้าถูกแยกฐานข้อมูลเอาไว้แล้ว Johnson ยังเตือนว่ามีข้อมูลหลายอย่างที่คนร้ายเห็นแม้ตัวรหัสผ่านจะเข้ารหัสไว้ด้วยตัว master password ก็ตามที่ ประเด็นหลักๆ ได้แก่ URL ไม่เข้ารหัสทำให้คนร้ายเห็นว่าผู้ใช้เก็บรหัสผ่านของเว็บอะไรบ้าง รหัสผ่านและข้อมูลบางฟิลด์เข้ารหัสแบบ ECB ทำให้คนร้ายเห็นว่าผู้ใช้ ใช้รหัสผ่านซ้ำกันในบริการใดบ้าง (แต่ไม่เห็นว่าใช้รหัสซ้ำกับคนอื่นหรือไม่) โดย Johnson พัฒนากระบวนการเข้ารหัสให้เป็น CBC แต่ฟิลด์ที่ผู้ใช้ตั้งรหัสมานานแล้วก็น่าจะเป็น ECB ต่อไป กระบวนการแฮชรหัสผ่าน PBKDF2 มีการเพิ่มจำนวนรอบแฮชมาเรื่อยๆ แต่ผู้ใช้เก่าๆ ก็จะใช้แฮชแบบ 5,000-10,000 รอบแต่ทุกวันนี้ใช้ 100,100 รอบทำให้บัญชีเก่ายิงรหัสผ่านแบบ brute force ง่ายกว่ามาก ข่าวดีคือฟิลด์ Notes นั้นเข้ารหัสไว้ด้วย โดยรวมแล้วเหตุการณ์ข้อมูลหลุดจาก LastPass ครั้งนี้มีความร้ายแรงสูงมาก แต่ก็นับว่ายังดีที่ผู้ใช้มี master password ปกป้องข้อมูลไว้ แม้ว่า LastPass จะไม่ได้เข้ารหัสทุกฟิลด์ก็ตาม ที่มา - @ejcx_
# แอคหลุมระวัง แฮกเกอร์ขายข้อมูลผู้ใช้ทวิตเตอร์ 400 ล้านบัญชี เปิดเผยอีเมลและเบอร์โทร แฮกเกอร์ที่ใช้ชื่อบัญชี Ryushi เผยแพร่ข้อมูลบัญชีทวิตเตอร์ 1,000 คนแรกที่ได้รับการยืนยันบัญชี พร้อมกับประกาศขายข้อมูลบัญชีทั้งหมดกว่า 400 ล้านบัญชี โดยข้อมูลสำคัญคือ อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ นอกจากนี้ยังมีจำนวนผู้ติดตามและวันที่สร้างบัญชี Ryushi ไม่ได้เปิดเผยว่าได้ข้อมูลทางช่องทางใด แต่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาทวิตเตอร์เพิ่งเปิดเผยว่ามีช่องโหว่ของระบบทำให้คนร้ายสามารถดูดข้อมูลโทรศัพท์และอีเมลได้จริง แต่ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่มีคนร้ายออกมาเปิดเผยว่าดูดข้อมูลตามช่องโหว่นี้ ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์และอีเมลคงไม่ได้ทำให้คนร้ายเข้าแฮกบัญชีเหยื่อได้โดยตรง แต่ในกรณีที่เป็นบัญชีปกปิดตัวตนก็อาจจะทำให้คนรู้ตัวตนที่แท้จริง หรือโทรศัพท์ไปก่อกวนได้ ที่มา - เว็บ Breached (งดลิงก์ตรงไปยังเว็บขายข้อมูลส่วนบุคคล)
# กูเกิลโอเพนซอร์สโมเดลปัญญาประดิษฐ์เบลอข้อมูลส่วนบุคคลออกจากวิดีโอ กูเกิลประกาศพัฒนาเทคโนโลยีปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล (privacy-enhancing technologies - PET) ให้เข้าถึงกันได้ง่ายขึ้น โดยรอบนี้ประกาศไลบรารี Magritte ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยให้เบลอใบหน้าหรือข้อมูลระบุตัวตนอื่นๆ เช่น ทะเบียนรถออกจากวิดีโอได้โดยยังใช้พลังประมวลผลไม่มากนัก กูเกิลระบุว่า Magritte จะช่วยในงานหลายอย่าง เช่น นักข่าวต้องการเบลอใบหน้าของคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากวิดีโอโดยไม่ต้องให้ช่างภาพมาเบลอด้วยตนเอง ตัวไลบรารีสร้างบนเฟรมเวิร์ค Media Pipe จึงน่าจะทำให้พัฒนาแอปแอนดรอยด์หรือ iOS ได้โดยง่าย ที่มา - Google Developers Blog ภาพโดย Andrea Piacquodio
# [Counterpoint] ไทยครองส่วนแบ่งยอดขายรถ EV สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไตรมาส 3/2022 บริษัทวิจัยตลาด Counterpoint รายงานข้อมูลยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล (EV) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ภาพรวมยอดขายเติบโต 35% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2021 และพบว่าประเทศไทยมีจำนวนรถยนต์ขายได้มากที่สุดในภูมิภาค คิดเป็นส่วนแบ่ง 60% ตามด้วยอินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ในการสำรวจตลาดนี้ Counterpoint นับรถสองประเภทเป็น EV คือ Battery EV มียอดขายคิดเป็น 61% ของทั้งหมด ที่เหลือเป็นแบบ Plug-in Hybrid EV แบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดอันดับ 1 คือ Wuling ตามด้วย Volvo, BMW, ORA และ Mercedes-Benz ในอันดับ 2-5 Abhilash Gupta นักวิเคราะห์ของ Counterpoint กล่าวว่าแม้ยอดขายรถ EV ในภูมิภาคนี้ยังเล็กมากเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น แต่ความต้องการก็เพิ่มขึ้นสูง ปัจจุบันรถ EV มีส่วนแบ่ง 2% ของรถยนต์ทั้งหมด แต่นโยบายและการสนับสนุนต่าง ๆ ทำให้มีการลงทุนเพิ่มการผลิตรถยนต์ประเภทดังกล่าวมากขึ้น คาดว่ายอดขายในปี 2030 จะอยู่ที่ 3.5 ล้านคัน ที่มา: Counterpoint
# Google Calendar พบปัญหา สร้าง Event อัตโนมัติจาก Gmail ไม่ถูกต้อง เป็นอีเมลการตลาด-ขายของ มีรายงานจากผู้ใช้ Google Calendar บางส่วน พบว่ามีการสร้างเหตุการณ์นัดหมายอัตโนมัติขึ้นมาจำนวนมาก โดยอ้างอิงข้อมูลจากเนื้อหา Gmail ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานไม่ต้องการ เช่นอีเมลการตลาด และเหตุการณ์นัดหมายล้วนเป็นแบบ แบบ All-Day ทั้งนี้ Google Calendar มีคุณสมบัติสร้างเหตุการณ์นัดหมายอัตโนมัติจาก Gmail อยู่แล้ว แต่เป็นการจองเที่ยวบิน, การเดินทาง, โรงแรมที่พัก รายงานปัญหาดังกล่าวเริ่มมีตั้งแต่วันพฤหัสบดีมาจนถึงตอนนี้ ด้านกูเกิลเองก็ยังไม่ได้ชี้แจงสาเหตุ มีเพียงบัญชีทวิตเตอร์ @googlecalendar ที่แนะนำผู้ใช้ซึ่งพบปัญหา ให้รายงานเป็นกรณีไป ทั้งนี้หากผู้ใช้งานไม่ต้องการให้มีการสร้างเหตุการณ์นัดหมายอัตโนมัติในวิธีดังกล่าว สามารถปิดได้โดยไปที่ Settings > Events from Gmail แต่การปิดก็จะกระทบการสร้างนัดหมายจากการจองต่าง ๆ ด้วย ที่มา: Android Police
# เอกสารหลุด พบ Windows 11 เตรียมอัพเดต Notepad จะมีแท็บแล้ว เว็บ Windows Central พบเอกสารภายในของไมโครซอฟท์ ที่หลุดโพสต์ออนไลน์ ระบุถึงฟีเจอร์ใหม่ใน Notepad บน Windows 11 ว่าเตรียมเพิ่มแท็บเข้ามา ทั้งนี้เอกสารดังกล่าวระบุว่าเป็นความลับห้ามเผยแพร่ (แต่ก็หลุดออกมาแล้ว?) ผู้อ่าน Blognone ที่ใช้ Text Editor อื่นน่าจะคุ้นชินกับระบบแท็บอยู่แล้ว ก็น่าสนใจว่าจะทำให้ Notepad ดึงดูดสำหรับกลุ่ม Power User มากขึ้นหรือไม่ ก่อนหน้านี้ Windows 11 เพิ่งเพิ่มแท็บให้กับ File Explorer ในส่วนของ Notepad ก็ทำงานคล้ายกันคือสามารถเปิดหลายไฟล์ได้ในหน้าต่างเดียว คาดว่าฟีเจอร์ใหม่น่าจะประกาศใน Windows Insiders รอบถัดไป ที่มา: Windows Central
# เผย iPhone 14 Pro เกิดข้อผิดพลาดตอนออกแบบส่วนชิปกราฟิก แก้ไขไม่ทัน ทำให้ไม่มีฟีเจอร์เด่นนัก iPhone 14 Pro ในตอนเปิดตัวนั้น แอปเปิลบอกว่าอัพเดตชิปเป็น A16 Bionic แต่ในรายละเอียดส่วนของการพัฒนาด้านกราฟิก กลับไม่ได้พูดถึงมากนัก ซึ่งก็มีเบื้องหลังว่าทำไม มีรายงานจาก The Information อ้างข้อมูลที่ทราบมา ว่าในตอนทีมฮาร์ดแวร์ที่พัฒนาชิปส่วนจีพียูกราฟิกสำหรับ iPhone 14 Pro นั้น มั่นใจกับการใส่ฟีเจอร์ต่าง ๆ เข้าไปมาก รวมทั้งฟีเจอร์ Ray Tracing สำหรับการแสดงผลกราฟิกเกม ซึ่งตอนนี้ชิปของสมาร์ทโฟนระดับบนฝั่ง Android เริ่มรองรับบ้างแล้ว แต่ผลการทดสอบ กลับพบปัญหาคาดไม่ถึงมากมาย ทั้งกินไฟมากกว่าปกติ แบตเตอรี่ลดเร็ว จนถึงปัญหาการระบายความร้อนของเครื่อง จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้แอปเปิลตัดสินใจถอดฟีเจอร์ส่วนจีพียูออกไปทั้งหมด แล้วใช้การออกแบบจีพียูตัวเดิมของ A15 Bionic ใน iPhone 13 ใส่เข้ามาแทน จึงทำให้ไม่มีคุณสมบัติใหม่ที่โดดเด่นส่วนของกราฟิกนั่นเอง ผลจากความผิดพลาดดังกล่าว ทำให้แอปเปิลต้องปรับโครงสร้างฝ่ายฮาร์ดแวร์โดยเฉพาะส่วนพัฒนาชิปครั้งใหญ่ และมีทีมงานจำนวนหนึ่งที่เป็นคนสำคัญลาออกจากแอปเปิล ที่มา: MacRumors
# Pixel 6a ชนะการทดสอบกล้อง Blind Test ของ MKBHD, Xperia 1 IV ได้อันดับสุดท้าย Marques Brownlee หรือ MKBHD ยูทูบเบอร์สายรีวิวมือถือชื่อดัง ลองทดสอบ blind test รูปถ่ายจากกล้องมือถือที่ออกขายในปี 2022 จำนวน 16 รุ่น โดยมีแฟนๆ ร่วมโหวตมากถึง 21 ล้านเสียง (หน้าเว็บโหวต) ผลปรากฏว่าแชมป์กล้องของ MKBHD คือ Google Pixel 6a มือถือรุ่นราคาถูกของกูเกิล ที่สามารถเอาชนะมือถือรุ่นพี่ Pixel 7 Pro ที่ได้อันดับสองด้วย ส่วนอันดับสามก็เซอร์ไพร์สไม่น้อยเพราะเป็น ASUS Zenfone 9 มือถือที่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไรนัก ส่วนมือถือที่ได้รับคะแนนน้อยที่สุดคือ Sony Xperia 1 IV มือถือจากบริษัทที่ผลิตเซ็นเซอร์กล้องให้มือถือจำนวนมากใช้งาน แต่มือถือของตัวเองได้อันดับบ๊วยในเรื่องกล้องนั่นเอง
# Hideo Kojima บอกทำเกมร่วมกับไมโครซอฟท์ เพราะมีแค่ไมโครซอฟท์ที่เข้าใจเขาเรื่องเทคโนโลยี อีกประเด็นที่น่าสนใจในบทสัมภาษณ์ Hideo Kojima กับ IGN คือโปรเจคต์เกมใหม่อีกเกมของ Kojima ร่วมกับ Xbox ที่ประกาศเมื่อเดือนมิถุนายน Kojima ให้รายละเอียดเพิ่มเติม (อีกนิด) ว่าเมื่อเขาเปิดบริษัทเกม Kojima Productions ทุกคนก็คาดหวังว่าเขาจะทำเกม ซึ่งผลงานเกมแรกคือ Death Stranding ที่เขาเปรียบเป็นจรวดขับเคลื่อนชิ้นแรกของบริษัท แต่เมื่อยิงจรวดขึ้นไปสูงถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็ได้เวลาใช้พลังขับเคลื่อนจากจรวดท่อนที่สอง ตัวเขาเองเป็นคนเบื่อง่าย เหตุที่ยังทำเกมมาได้นาน 30 ปีเป็นเพราะวงการเกมมีเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงสนใจนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้กับเกมใหม่ตลอดเวลา โปรเจคต์ที่ทำร่วมกับไมโครซอฟท์นั้นเขาคิดมา 5-6 ปีก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งจำเป็นต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เขาเคยเสนอไอเดียกับบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่ง แต่ทุกคนคิดว่าเขาบ้า มีเพียงไมโครซอฟท์ที่ฟังแล้วเข้าใจว่าเขาอยากทำอะไร จึงเป็นเหตุผลที่เขามาทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์ ลงลึกไปถึงระดับเทคโนโลยีด้วย Kojima ยังเล่าถึง Death Stranding 2 ว่าจำเป็นต้องเขียนบทเกมใหม่หมดหลังการระบาดของ COVID-19 เพราะถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่เปลี่ยนโลกไปอย่างสิ้นเชิง (เขาเทียบว่าเหมือนกับ 9/11) ถึงแม้เนื้อหาในเกมเป็นเรื่องแต่ง แต่คนเล่นเกมที่อยู่ในโลกจริงๆ มีมุมมองที่เปลี่ยนไปจากเดิมอยู่ดี ดังนั้นเกมจะทำตัวเหมือนว่าไม่เคยมี COVID-19 เกิดขึ้นเลยไม่ได้ เนื้อเรื่องของเกมจึงต้องถูกแก้ไขใหม่ให้เข้าถึงจิตใจของผู้เล่นยุคหลัง COVID-19 ที่มา - IGN
# Sea ยังรัดเข็มขัดต่อเนื่อง ประกาศไม่ขึ้นเงินเดือนพนักงานส่วนใหญ่-จ่ายโบนัสน้อยลง Bloomberg รายงานข่าวว่า Sea Group บริษัทแม่ของ Shopee และ Garena ยังมีมาตรการรัดเข็มขัดอย่างต่อเนื่อง โดยซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Forrest Li ส่งบันทึกภายในถึงพนักงานว่าจะไม่ขึ้นเงินเดือนให้พนักงานส่วนใหญ่ของบริษัท และจะจ่ายโบนัสน้อยลง ด้วยเหตุผลว่าต้องการเตรียมบริษัทให้พร้อมสำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจของปี 2023 ปี 2022 ไม่ใช่ปีที่ดีเท่าไรของ Sea ที่ปลดพนักงานทั่วโลกไปแล้วกว่า 7,000 คน และก่อนหน้านี้ Forrest กับผู้บริหารระดับสูงก็ประกาศไม่รับเงินเดือน จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม บันทึกของ Forrest ระบุว่ามาตรการตัดค่าใช้จ่ายใหญ่ๆ ที่ต้องทำนั้นทำไปเกือบหมดแล้ว ดังนั้นสถานการณ์ของบริษัทในปี 2023 น่าจะเสถียรกว่าในปี 2022 (แปลว่าโอกาสปลดคนอีกรอบย่อมมีน้อยลง) ที่มา - Bloomberg
# Hideo Kojima บอกหนัง Death Stranding จะใช้แนวทางหนังอาร์ท ไม่ใช่หนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์ Hideo Kojima ให้สัมภาษณ์กับ IGN Japan เนื่องในโอกาสสตูดิโอ Kojima Productions มีอายุครบ 7 ปีพอดี ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือรายละเอียดเพิ่มเติมของโปรเจคต์ภาพยนตร์ Death Stranding ที่เพิ่งประกาศเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Kojima บอกว่าเขาได้รับข้อเสนอจำนวนมากจากบรรดาสตูดิโอในฮอลลีวู้ด ที่อยากดัดแปลง Death Stranding เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แต่ความตั้งใจของเขาตั้งแต่แรกไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เพราะเขาอยากใช้แนวทางหนังอาร์ท (arthouse) มากกว่า และมีเพียง Alex Lebovici โปรดิวเซอร์ชาวแคนาดาเพียงคนเดียวที่ส่งข้อเสนอสร้างหนังแบบนี้เข้ามา เขาจึงเลือกทำงานกับ Lebovici Kojima ให้เหตุผลว่าความล้มเหลวของหนังที่ดัดแปลงจากเกม ทำให้ฮอลลีวู้ดหันมาสร้างหนังที่ดูเหมือนเกม จับตลาดเกมเมอร์แทน ซึ่งมันดูคล้ายๆ กันไปหมด เขาไม่อยากให้หนัง Death Stranding ซ้ำรอยนั้น เพราะพล็อตของเกม Death Stranding ถูกคิดขึ้นมาเพื่อสร้างเป็นเกมตั้งแต่แรก แนวทางของเขากับหนัง Death Stranding จะเลือกทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในการดัดแปลงเกมเป็นหนัง เป้าหมายของเขาไม่ใช่เงิน แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับครีเอเตอร์ยุคหน้า สถานะของหนังตอนนี้ยังเพิ่งเริ่มต้น ไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำตัวละครใดจากเกมเข้ามาอยู่ในหนังบ้าง ที่มา - IGN
# รู้จัก AWS for Games โซลูชันพัฒนาเกมในยุคคลาวด์ จากทีมงานผู้อยู่ในวงการเกมกว่า 20 ปี หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าผู้ให้บริการคลาวด์อย่าง AWS นั้นมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเกมอยู่ด้วย โดยใช้ชื่อตรงไปตรงมาว่า AWS for Games ซึ่งให้บริการโซลูชันตั้งแต่การพัฒนาเกม ไปจนถึงการรันเกมบนคลาวด์เลย ที่งาน AWS re:Invent 2022 เราได้มีโอกาสเข้าฟังทีมงานที่มาจากทีม AWS for Games โดยเฉพาะ นับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้รู้จักธุรกิจส่วนนี้มากขึ้น ผู้ที่มาพูดคือ Rob Schoeppe ตำแหน่ง General Manager – Game Tech Solutions และ Business Development ของ AWS โดยเขาอยู่กับ AWS ในฝั่งที่เกี่ยวข้องกับเกมมานาน 7 ปีแล้ว และก่อนหน้านั้นก็ทำงานด้านเกมมาตลอด เช่นที่ Namco, Bandai Namco และ Sony Mobile รวมแล้วกว่า 20 ปี ซึ่งเขาก็เคลมว่าตนเองเป็นคนที่เล่นเกม, ทำเกม และหายใจเป็นเกม Rob บอกว่าการทำเกมมักแบ่งเป็น 3 เฟส คือสร้างเกม, ให้บริการเกม และทำให้เกมเติบโต ซึ่ง AWS ได้แบ่งโซลูชันสำหรับเกมออกเป็น 5 ด้านคือ เซิฟเวอร์เกม, การวิเคราะห์เกม, การให้บริการเกม, AI/ML และความปลอดภัยของเกม โดยลูกค้าของ AWS มักบอกว่าสิ่งที่ยากคือแม้ AWS จะมีโซลูชันและบริการมากมาย แต่บางทีพวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงไหน (อย่าลืมว่าลูกค้ามีตั้งแต่สตูดิโอเกมอินดี้เล็กๆ ที่อาจไม่เชี่ยวชาญด้านคลาวด์มากนัก ไปจนถึงบริษัทเกมใหญ่ๆ) ทำให้ AWS เช้ามาช่วยให้คำแนะนำได้ว่าลูกค้าอยากได้ผลลัพธ์เป็นแบบไหนและต้องทำอะไรบ้าง เมื่อกลางปี 2021 AWS ได้เปิดตัว Amazon GameSparks เป็นบริการสำหรับรัน backend ของเกมที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย มีความยืนหยุ่นสูง ให้บริการด้านการเก็บโปรไฟล์ผู้เล่น, การล็อกอินเข้าเกม, เก็บข้อมูลและความคืบหน้าของผู้เล่น รวมถึงสามารถทำงานร่วมกับ AWS Lambda และ DynamoDB ได้ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้มีขึ้นเพื่อให้สตูดิโอพัฒนาเกมที่ไม่เชี่ยวชาญด้านคลาวด์มากนักสามารถใช้งานได้ง่ายๆ เพราะระบบล็อกอินหรืออื่นๆ เป็นสิ่งสำคัญของเกมแต่มักน่าเบื่อและกินเวลาเยอะหากต้องทำขึ้นเอง การใช้ GameSparks จึงง่ายกว่าและผู้พัฒนาเกมสามารถเอาเวลาไปโฟกัสกับสิ่งหลักๆ ในการทำเกมได้เยอะขึ้น โดยขณะนี้ GameSparks อยู่ในสถานะ Public Preview เปิดให้ใช้งานได้ฟรี และเมื่อเดือนที่แล้วก็เพิ่งเปิดให้บริการในรีเจี้ยนโตเกียวเพิ่มเติม ของใหม่อีกอย่างที่เพิ่งเปิดตัวคือ Community Health เป็นบริการดูแลผู้เล่นและป้องกันการกระทำไม่เหมาะสมในชุมชนผู้เล่นของเกม เช่น hate speech และการโกงเกม โดย Rob ระบุว่าชุมชนผู้เล่นนั้นสำคัญมาก เกมจะอยู่หรือดับก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่น หากเกมไหนมีการด่าหรือการกระทำด้านลบหนักๆ ก็จะทำให้ผู้เล่นเอือมระอาและเลิกเล่นเกมนั้นๆ ไปในที่สุด ซึ่ง Community Health ใช้ AI ที่สามารถตรวจจับ hate speech รวมถึงพฤติกรรมน่าสงสัยว่าจะโกงเกมได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นผู้ให้บริการเกมก็มีหน้าที่จัดการกับผู้เล่นที่ระบบชี้ตัวให้ ซึ่งหวังว่าจะช่วยให้บรรยากาศโดยรวมในเกมดีขึ้น ต่อมาเป็นของใหม่ด้าน infrastructure ชื่อ Amazon GameLift Anywhere เป็นบริการที่เปิดให้ลูกค้ายกเกมไปรันบนเซิฟเวอร์ใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น AWS แต่ยังจัดการผ่าน AWS ได้อยู่ ประโยชน์คือสามารถเอาเกมไปรันในที่ที่ใกล้กับผู้เล่นได้มากขึ้นหากเรามีเซิฟเวอร์อยู่แล้วหรือแม้กระทั่งเป็นคลาวด์เจ้าอื่น ไม่จำเป็นต้องมากังวลกับการจัดการเซิฟเวอร์มากนัก และนำเกมออกให้บริการได้เร็วขึ้น อีกอย่างที่ AWS เปิดตัวใหม่ชื่อ RealityScan เป็นผลงานร่วมกับ Epic Games คือแอพมือถือสำหรับถ่ายรูปวัตถุใดๆ ในโลกจริงแล้วแอพจะสร้างเป็นโมเดลสามมิติให้อัตโนมัติ พร้อมนำเข้าไปเป็นวัตถุในเกมได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาวาดวัตถุขึ้นมาจากความว่างเปล่า โดยเบื้องหลังทำงานบน Unreal Engine และรันบน AWS ซึ่ง Rob ยกตัวอย่างการทำเกมแข่งรถ ก็ไม่ต้องเสียเวลาสร้างโมเดลสามมิติขึ้นมาเอง แต่ออกไปถ่ายรูปรถก็ได้โมเดลพร้อมใช้งานเลย ขณะนี้แอพ RealityScan มีให้บริการบน iOS อย่างเดียวเท่านั้น อย่างสุดท้ายที่ Rob พูดถึงของใหม่คือ AWS SimSpace Weaver เป็นบริการสร้างโลกจำลองเพื่อดูว่าการออกแบบของเรานั้นดีหรือไม่ เช่นผู้พัฒนาเกมอาจจำลองเมือง Las Vegas ขึ้นมาแล้วใส่คนเดินถนนเข้าไปจำนวนมาก มีรถแล่นไปมา มีไฟจราจร จากนั้นก็อาจเพิ่มวัตถุบางอย่างเข้าไปแล้วดูว่าพฤติกรรมของคนเดินถนนจะเป็นอย่างไร และปรับการออกแบบกันต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าบริการนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เฉพาะด้านเกมเท่านั้น แต่ใครก็ตามที่ทำงานด้านการออกแบบก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน โดย SimSpace Weaver นั้นทำงานร่วมกับ Unreal Engine และ Unity ผู้พัฒนาเกมอาจใช้การสร้างโลกจำลองมาปรับเข้ากับเกมที่ออกแบบอยู่ก็ได้ ในช่วงถามตอบ Rob ได้พูดถึงความปลอดภัยที่ AWS มอบให้ โดย AWS มีบริการหลากหลายเช่น Shield และ Shield Advanced สำหรับป้องกันการถูกโจมตีแบบ DDoS Rob ยังได้กล่าวถึง cloud gaming หรือบริการเล่นเกมผ่านคลาวด์ที่ผู้เล่นไม่ต้องลงทุนซื้อคอนโซลหรือพีซีราคาแพงสำหรับเล่นเกม เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์ทั่วไปกับอินเทอร์เน็ตที่แรงพอแล้วสตรีมเกมเข้ามาแทน เช่น Stadia, Xbox Cloud Gaming (ชื่อเดิม xCloud) และ Nvidia GeForce Now โดยเขาบอกว่าคลาวด์เกมมิ่งนั้นมีอนาคตที่สดใสอย่างมาก เพราะปัจจุบันผู้ผลิตเกมต้องตัดสินใจว่าจะทำเกมลงแพลตฟอร์มใดบ้าง (พีซี, PlayStation, Xbox, มือถือ) และต้องจัดลำดับความสำคัญ แต่หากทำเกมลงคลาวด์เกมมิ่งเลยก็ไม่ต้องเลือก เพราะสตรีมเกมไปหาผู้เล่นทั่วโลกได้ทันที ไม่ต้องพัฒนาหลายแพลตฟอร์ม แถมยังเข้าถึงผู้เล่นได้เยอะกว่ามาก เพราะที่ผ่านมาผู้เล่นบางคนก็อดเล่นเกมใหม่ๆ เพราะไม่มีอุปกรณ์ที่แรงพอ อย่างไรก็ตาม Rob ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุที่ Google Stadia ล้มเหลวและต้องปิดบริการไปในที่สุด เขาเพียงแต่บอกว่ากุญแจสำคัญที่จะทำให้คลาวด์เกมมิ่งสำเร็จคือการที่มี infrastructure ใกล้กับผู้เล่นให้มากที่สุด รวมถึงมีพลังการประมวลผลกราฟิกที่สูงและใกล้ผู้เล่นมากพอ เพื่อให้ประสบการณ์ของผู้เล่นดีที่สุด ซึ่ง AWS พร้อมอยู่แล้วเพราะมีรีเจี้ยนทั่วโลกและ edge location ที่มาในรูปแบบ Local Zones Rob ให้ความเห็นเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกมในอาเซียนว่าแข็งแกร่งมาก มีเกมดีๆ ออกมาจากภูมิภาคนี้มากมายที่ผู้เล่นฝั่งตะวันตกนิยม เขาสังเกตเห็นว่ามีนวัตกรรมใหม่ๆ เยอะ รวมถึงมีกลไกของเกม (game mechanics) และวิธีการเล่นที่แปลกใหม่ออกมามากมาย สุดท้าย Rob บอกว่าเกมที่เขาชอบมากที่สุดคือ Horizon Forbidden West เกม RPG แบบ open world ที่เพิ่งออกมาเมื่อต้นปี 2022 บนแพลตฟอร์ม PS4 และ PS5 ขึ้นชื่อเรื่องกราฟิกที่สวยงาม กระแสตอบรับรวมถึงรีวิวดีมาก แต่หากเป็นเกมที่รันอยู่บน AWS เขาบอกว่าชอบ League of Legends มากที่สุด รวมถึง PUBG และ Fortnite เช่นกัน
# Steam เริ่มเทศกาล Winter Sale 2022 บางเกมลดเพิ่มจากตอน Autumn Sale Steam เริ่มเทศกาลลดราคาเกมส่งท้ายปี Winter Sale 2022 แล้ว ซึ่งเว้นช่วงจาก Autumn Sale เพียงเดือนเดียว หลายเกมจึงอาจลดราคาอีกรอบเท่าเดิม หลายเกมลดเพิ่มจากเดิม และบางเกมที่เพิ่งวางขายก็เข้าร่วมลดราคาเป็นครั้งแรก (ตรวจสอบสถิติการลดราคาแบบละเอียดได้จาก SteamDB) ตัวอย่างเกมดังที่น่าสนใจมีดังนี้ FIFA 23 ลด 60% เหลือ 759.60 บาท (รอบที่แล้วลด 40%) God of War ลด 40% เหลือ 774 บาท (รอบที่แล้วลด 25%) Metro Exodus ลด 75% เหลือ 198.75 บาท Modern Warfare 2 ลด 15% เหลือ 1,973.70 บาท Elden Ring ลด 30% เหลือ 1,043 บาท Vampire Survivors เกมอินดี้ยอดฮิตของปีนี้ ลด 20% เหลือ 95.20 บาท Two Point Campus ลด 20% เหลือ 1,032 บาท Triangle Strategy ลด 40% เหลือ 1,194 บาท ตัวอย่างเกมดังที่ลดราคาเท่าเดิม ได้แก่ Monster Hunter Rise ลด 50%, Cyberpunk 2077 ลด 50%, Stray ลด 20% เป็นต้น ที่มา - Steam
# ไมโครซอฟท์ยืนยันเอง FF7 Remake และ FF16 เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ PlayStation ถาวร ไม่ลง Xbox ไมโครซอฟท์ยื่นเอกสารต่อ FTC ในประเด็นการควบรวม Activision Blizzard มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ไมโครซอฟท์ยืนยันว่าโซนี่มีข้อตกลงกับค่ายเกมเรื่องเอ็กซ์คลูซีฟแบบถาวร (ไม่ใช่ time exclusive ที่มีระยะเวลาชัดเจน) ให้ลงแต่คอนโซล PlayStation เท่านั้น ห้ามลง Xbox เกมที่ไมโครซอฟท์ระบุชื่อเป็นตัวอย่างได้แก่ Final Fantasy VII Remake (Square Enix), Bloodborne (From Software), Final Fantasy XVI (Square Enix), Silent Hill 2 Remastered (Bloober team) ซึ่งหลายเกม เช่น FF7 Remake ก็ถูกแฟนๆ คาดเดากันมาสักพักแล้วว่าน่าจะไม่มีโอกาสมาลง Xbox เลย แม้ได้ลงพีซีก็ตาม การที่ไมโครซอฟท์ออกมายืนยันเรื่องเอ็กซ์คลูซีฟถาวรออกมาชัดๆ น่าจะต้องการนำมาใช้ต่อสู้คดีที่ถูก FTC สกัดไม่ให้ควบรวม Activision Blizzard ในประเด็นว่าโซนี่เองก็มีข้อตกลงเอ็กซ์คลูซีฟที่กีดกันการแข่งขันเช่นกัน ที่มา - Windows Central
# ByteDance บริษัทแม่ TikTok ยอมรับ แอบตามรอยนักข่าวหลายราย ไล่ทีมตรวจสอบออกแล้ว ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ยอมรับว่ามีพนักงานของตัวเองตามรอยนักข่าวหลายคนจากหลายสำนักจริงๆ ตามที่ Forbes เคยรายงานเรื่องนี้เมื่อเดือนตุลาคม แต่คราวนั้น ByteDance ปฏิเสธ จากข้อมูลของ Forbes ระบุว่า ByteDance ตามรอยนักข่าวของ Forbes เพื่อตรวจหาว่าข้อมูลภายในของบริษัทรั่วไปยังนักข่าวได้อย่างไร โดยทีมตามรอยของ ByteDance ใช้วิธีตามดูหมายเลข IP และข้อมูลการใช้งานของนักข่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจาก Forbes แล้ว ยังมีนักข่าวของ Financial Times และ BuzzFeed ที่ถูกสะกดรอยด้วย ซึ่งตัวแทนฝ่ายกฎหมายของ ByteDance ยอมรับว่าเกิดขึ้นจริง การสอบสวนภายในของ ByteDance ระบุว่าหัวหน้าทีมคือ Chris Lepitak หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบภายใน ซึ่งเขาและทีมรวม 4 คนโดนไล่ออกแล้ว และหัวหน้าของ Lepitak คือผู้บริหารคนจีน Song Ye ก็ลาออกเช่นกัน อีเมลภายในของ ByteDance ที่เขียนโดยซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Rubo Liang ส่งหาพนักงานทุกคน บอกว่าเขาผิดหวังที่พบว่าพนักงานของบริษัททำแบบนี้ เพราะบริษัททุ่มทรัพยากรอย่างมากให้คนนอกเชื่อใจและเชื่อมั่นต่อบริษัท แต่ถูกทำลายลงไปโดยพนักงานเพียงไม่กี่คน คำแถลงของ ByteDance เมื่อเดือนตุลาคม ว่าไม่ได้ตามรอยนักข่าว (สุดท้ายก็กลายเป็นความจริง) ที่มา - Forbes
# หลุดแผนออก Pixel ปี 2023-2024 รุ่น Fold มาปี 2023, ปี 2024 จะมี Pixel 9 ทั้งหมดสามรุ่น เว็บไซต์​ Android Authority อ้างว่าได้แผน roadmap ของอุปกรณ์ตระกูล Pixel ที่จะออกในช่วงปี 2023-2025 เป็นเวลา 3 ปีล่วงหน้า มีรายละเอียดดังนี้ (อิงตามชื่อโค้ดเนมเป็นหลัก) 2023 งาน Google I/O มีสินค้า 2 ตัวคือ lynx (Pixel 7a) และ felix (Pixel Fold) งาน Pixel ปลายปี มีสินค้า 2 ตัวคือ shiba (Pixel 8) และ husky (Pixel 8 Pro) ที่ไม่ต่างจาก Pixel 7 มากนัก จะใช้ชิปตัวใหม่โค้ดเนม zuma (Tensor G3) 2024 งาน Google I/O มีสินค้า 1 ตัวคือ akita (Pixel 8a) ซึ่งอาจยกเลิกได้หาก Pixel 7a ยอดขายไม่ดี หรืออาจขยับรุ่น a เป็นออกทุก 2 ปีแทน แบบเดียวกับ iPhone SE งาน Pixel ปลายปี มีสินค้า 3 ตัวคือ Pixel 9, caiman (Pixel 9 Pro ตัวรอง) และ komodo (Pixel 9 Pro ตัวท็อป แบบเดียวกับ iPhone Pro Max) ใช้ชิปโค้ดเนม redondo (Tensor G4) ปี 2024 ยังอาจมี Pixel Fold รุ่นที่สอง ที่ยังไม่ระบุชื่อโค้ดเนม ขึ้นกับยอดขายรุ่นแรกว่าขายดีแค่ไหน 2025 ยังเป็นแผนแบบคร่าวๆ โดยอาจอยู่ในรูป Pixel 10, 10 Pro ตัวรอง, 10 Pro ตัวท็อป (เหมือนปี 2024) อาจมี 10 Flip แนวตั้งแบบ Galaxy Z Flip เพิ่มเข้ามา แต่ถ้าแนวคิดนี้ไม่เวิร์ค อาจเปลี่ยนเป็น Pixel ทรงปกติตัวที่สี่ เหมือนกับ iPhone ที่มีทั้งไลน์ 4 รุ่นย่อย ที่มา - Android Authority
# ผู้ใช้ Twitter Blue สามารถโพสต์วิดีโอยาว 1 ชั่วโมงได้แล้ว เฉพาะผ่านทางหน้าเว็บ Twitter ประกาศว่าผู้ใช้ Twitter Blue สามารถโพสต์วิดิโอยาว 60 นาทีได้แล้ว วิดีโอที่อัปโหลดจะมีความคมชัด 1080p โดยจำกัดขนาดไฟล์สูงสุดไม่เกิน 512MB ทั้งนี้ ผู้ใช้สามารถโพสต์วิดีโอขนาดยาวเฉพาะผ่านทางหน้าเบราว์เซอร์เท่านั้น ส่วนผู้ใช้บนอุปกรณ์ Android และ iOS ยังโพสต์วิดีโอยาวสูงสุดได้แค่ 10 นาทีเท่าเดิม นอกจากนี้ Twitter ยังประกาศว่าจะคิดเรื่องปรับปรุงคุณภาพของวิดีโอด้วย การที่ผู้ใช้บางส่วนสามารถโพสต์วิดีโอความยาว 1 ชั่วโมงได้ ทำให้ Twitter อาจจะเผชิญกับปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์อย่างการโพสต์ภาพยนตร์ลงบนแพลตฟอร์ม ก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งมีกรณีที่ระบบตรวจสอบลิขสิทธิ์ผลงานของ Twitter ใช้งานไม่ได้ จนมีผู้โพสต์ภาพยนตร์ชื่อดังเต็มเรื่อง นอกจากการโพสต์วิดีโอแล้ว การตอบกลับของผู้ใช้ Twitter Blue จะขึ้นมาอยู่ด้านบนทวิตของผู้ใช้อื่น ๆ เท่ากับว่าผู้ใช้จะเห็นเมนชันจาก Twitter Blue ก่อนผู้ใช้คนอื่น ๆ ที่มา: TechCrunch
# แบนได้งอกใหม่ได้ แอคเคาท์ @ElonJet กลับมาใหม่ แต่ลงข้อมูลช้าไป 1 วัน หลังจากแอคเคาท์ @ElonJet โดนแบนไปเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ล่าสุดกลับมาอีกครั้งแล้วในชื่อใหม่ ElonJet but Delayed ที่ยังคงลงข้อมูลเครื่องบินส่วนตัวของ Musk เหมือนเดิม แต่จะลงหลังจากไฟล์ทจริงราว 24 ชม. Business Insider ได้สัมภาษณ์ Jack Sweener เจ้าของบัญชีวัย 20 ปี เขาบอกว่าตัวเองเป็นแฟนของ Musk เลยทำแอคเคาท์นี้ขึ้นมาเมื่อ 2020 ขณะที่แอคเคาท์ใหม่นี้เขาจะโพสต์มือไปก่อน จนกว่าระบบโพสต์อัตโนมัติจะพร้อม จริงๆ นอกจาก Musk แล้ว Sweener ยังมีบัญชีที่ติดตามเครื่องบินส่วนตัวคนดังอื่นๆ อีกเช่น Trump, Mark Zuckerberg หรือ Jeff Bezos อีกกว่า 30 บัญชี ที่มา - @ElonJetNextDay
# Tencent จะเดินหน้าแผนลดต้นทุนในปี 2023 เน้นทำรายได้ส่วนวิดีโอสั้น Pony Ma Huateng ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของ Tencent เผยในการประชุมเป็นการภายในบริษัทว่า บริษัทจะให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักในปี 2023 แทนที่จะขยายธุกิจออกไปในส่วนอื่นและในสเกลที่ใหญ่กว่านี้ รวมถึงจะเน้นไปที่ฝั่งวิดีโอสั้นที่ Ma มองว่าเป็น “ความหวังของบริษัท” โดยจะเพิ่มอีคอมเมิร์ซลงไปด้วย และจะให้ความสำคัญกับฟินเทคและการให้บริการด้านซอฟต์แวร์ (Saas) ร่วมด้วย นอกจากนี้ ยังตำหนิพนักงานที่ไม่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างเร่งด่วยตามแผนการลดต้นทุนของบริษัท และยังบอกอีกว่าถ้าธุรกิจด้านใดก็ตามที่มีผลประกอบการต่ำกว่ามาตรฐานก็อาจจะถูกตัดออกได้รวมถึงหน่วยข่าวที่ก่อตั้งมายาวนานด้วย ส่วนทางฝั่งเกม Ma ยังเตือนถึงเรื่องกฎของรัฐบาลที่เข้มงวดในการให้ใบอนุญาตผลิตเกม ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ รายได้ฝั่งเกมภายในประเทศของ Tencent ก็ลดลง 7% จากกฎของรัฐบาลประกอบกับเศรษฐกิจที่ซบเซา ด้าน Cloud Computing Ma สนับสนุนให้เน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์แทนที่จะพยายามเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดที่ส่งผลกระทบต่อกำไร และเตือนไม่ให้ทำตามคู่แข่งธุรกิจในเรื่องที่ไม่จำเป็นรวมถึงการพยายามหาลูกค้าใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูง ที่มา: South China Morning Post
# ไมโครซอฟท์ส่งโซลูชั่น Azure และ Microsoft 365 ช่วยองค์กรประหยัด จ่ายน้อยกว่าแต่ได้มากกว่า ปี 2022กำลังผ่านไปพร้อมกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหลายอย่างที่สร้างความผันผวนให้กับธุรกิจอย่างหนัก ทำให้องค์กรจำนวนมากมองหาหนทางประหยัดค่าใช้จ่ายในปี 2023 ที่จะถึงนี้ การนำพาธุรกิจให้เดินต่อ สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ก็หนีไม่พ้นเรื่องของโดยการนำเทคโนโลยีมาช่วยขับเคลื่อน แล้วจะทำอย่างไรให้การลงทุนนั้นคุ้มค่า ไม่ต้องจ่ายซ้ำซ้อน ในขณะเดียวกันก็ต้องคงความปลอดภัยให้ได้มาตรฐานสูงสุดไปพร้อมกัน การมองหาโซลูชั่นที่ปกป้ององค์กรตั้งแต่เซิร์ฟเวอร์ภายในไปจนถึงอุปกรณ์ต่างๆ ของพนักงานจำนวนมากที่ต้องได้รับการปกป้องอย่างครบถ้วน ตามแนวทาง จ่ายน้อยกว่าแต่ได้มากกว่า (do more with less) จึงเป็นเทรนด์สำคัญสำหรับปี 2023 นี้ Azure SQL ทางเลือกที่ประหยัดกว่าไม่ว่าจะใช้ฐานข้อมูลรูปแบบใด ระบบฐานข้อมูลคือหัวใจธุรกิจ บริการ Azure SQL เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวมได้มากกว่า เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น โดยเฉพาะ SQL Server ที่สามารถรันบน Azure โดยมีค่าใช้จ่ายรวมต่ำกว่าคลาวด์อื่นๆ ถึง 80% และ Enterprise Strategy Group (ESG) ยังสำรวจองค์กรต่างๆ พบว่าการใช้งานฐานข้อมูลโอเพนซอร์สอย่าง PostgreSQL หรือ MySQL บน Azure เองก็ยังมีความคุ้มค่าสูงกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน ค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าของ Azure SQL มาพร้อมกับความปลอดภัยสูงสุด โดย Microsoft SQL มีช่องโหว่ต่ำสุดในบรรดาระบบฐานข้อมูลในช่วงสิบปีที่ผ่านมา และผู้ใช้ Azure SQL ก็ได้รับการดูแลความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องตลอดการใช้งานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม กระบวนการย้ายแอปพลิเคชั่นไปยัง Azure ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่หลายองค์กรกลัว Forrestor Consulting รายงานถึงความคุ้มค่าของการย้ายแอปพลิเคชั่นไปยัง Azure SQL ว่าสามารถคืนทุนในการย้ายได้ในช่วงเวลาเพียงไม่ถึงสามเดือนเท่านั้น แต่ในระยะยาวกลับสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มาก ทั้งค่าใช้จ่ายที่เกิดจากภาระของทีมงานไอทีที่ต้องดูแลระบบ, ค่าใช้จ่ายสำหรับการบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์, เน็ตเวิร์ค, และสตอเรจที่สร้างภาระโดยไม่รู้ตัว ตัวบริการ Azure SQL Managed Instance ยังเข้ากันได้กับ SQL Server 2008 ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าต้องแก้ไขแอปพลิเคชั่นเพื่อใช้งาน โครงสร้างพื้นฐานบน Azure ประหยัดกว่า เชื่อถือได้มากกว่า สำหรับองค์กรที่ต้องการย้ายโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดขึ้นมายัง Azure ไมโครซอฟท์เปิดทางให้ประหยัดได้มากกว่า ด้วยสิทธิประโยชน์การรับแพตช์ระยะยยาว Azure Hybrid Benefit ที่ใช้งานได้กับ Azure VMware ด้วย ทำให้เซิร์ฟเวอร์ต่างๆ ทั้ง Windows Server และ SQL Server ยังคงได้รับแพตช์ระยะยาวต่อไป ขณะที่องค์กรสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายลงอีกด้วยการใช้ Reserved Instance เมื่อคาดเดาโหลดที่ต้องการใช้งานได้ แม้แต่แอปพลิเคชั่นที่รันบนลินุกซ์ก็ยังสามารถนำไลเซนส์มาใช้งานต่อเนื่องบน Azure ได้ทั้ง Red Hat และ SUSE Microsoft Azure มาพร้อมกับเครื่องมือช่วยจัดการค่าใช้จ่ายอย่าง Microsoft Cost Management ที่แนะนำวิธีการลดค่าใช้จ่ายได้ 20-34% พร้อมกับคำแนะนำเพิ่มเติมจาก Azure Advisor การใช้งานโครงสร้างพื้นฐานบน Azure ยังเปิดโอกาสให้องค์กรสามารถใช้งานเครื่องมือเพิ่มเสถียรภาพและความปลอดภัยของระบบได้ เช่น Azure Site Recovery และ Azure Backup ที่ช่วยลดการเกิด downtime ที่ไม่คาดคิดได้ถึง 93% ขณะที่ Microsoft Defender for Cloud ก็ช่วยดูแลความปลอดภัยเซิร์ฟเวอร์และระบบฐานข้อมูลโดยประหยัดกว่าการใช้โซลูชั่นอื่น Microsoft 365 Business Premium คุ้มครองทุกคนในองค์กร องค์กรส่วนใหญ่คงใช้งาน Microsoft 365 กันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะชุดซอฟต์แวร์ Microsoft Office กลายเป็นหัวใจสำหรับการทำงานในองค์กรจำนวนมาก แต่ที่หลายองค์กรยังคงเลือกใช้โซลูชั่นความปลอดภัยเพิ่มเติมจากผู้ผลิตต่างๆ ไปพร้อมกัน Microsoft 365 Business Premium เป็นชุดเพิ่มเติมที่ใส่โซลูชั่นความปลอดภัยมาอย่างครบถ้วน เปิดทางให้องค์กรสามารถควบคุมความปลอดภัยได้อย่างเต็มรูปแบบ ตัวป้องกันไวรัสระดับองค์กรอย่าง Microsoft Defender for Business ทำให้องค์กรมองเห็นช่องโหว่ต่างๆ ว่าเครื่องของพนักงานคนใดถูกโจมตี และ Microsoft Intune ทำให้ควบคุมได้ว่าอุปกรณ์แต่ละชิ้นที่เชื่อมต่อเข้าระบบขององค์กรมีความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ สามารถจัดการเครื่องระยะไกล โดยไม่ต้องให้พนักงานนำเครื่องมาหาฝ่ายไอทีเพื่อติดตั้งซอฟต์แวร์ต่างๆ โดยโซลูชั่นทั้งหมดเชื่อมต่อเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ต้องเสียเวลาเซ็ตอัพที่ยุ่งยากและอาจจะเกิดปัญหาตามมาภายหลัง การเลือกใช้ Microsoft 365 Business Premium ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการไลเซนส์ได้อย่างง่ายดายเพราะนับตามการใช้งานของผู้ใช้ Microsoft 365 ปกติ ช่วยประหยัดต้นทุนการดูแลไลเซนส์ซอฟต์แวร์ที่อาจจะทับซ้อนกันไปมาและต้องเสียเวลาอินทิเกรตกันเป็นเวลานานไปได้ถึง 60% ขณะที่เจ้าหน้าที่ไอทีขององค์กรสามารถให้บริการได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นจากระบบที่เชื่อมกันและเปิดให้สามารถให้บริการได้โดยอัตโนมัติ เปิดทางให้พนักงานทั้งองค์กรสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้โดยยังมีความปลอดภัยเต็มรูปแบบ Microsoft Power Platform พัฒนาแอปพลิเคชั่นได้มากกว่าในเวลาที่สั้นลง ต้นทุนก้อนใหญ่ของการดูแลระบบไอทีในองค์กรคือการพัฒนาแอปพลิเคชั่นภายในที่ช่วงหลังมีต้นทุนที่สูงขึ้น ปัญหาเช่นนี้ทำให้องค์กรจำนวนมากหันมาพิจารณาแพลตฟอร์ม Low Code / No Code ที่ช่วยสร้างแอปพลิเคชั่นได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับความสามารถในการปรับเปลี่ยนการทำงานตามความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจได้ตลอดเวลา และ Microsoft Power Platform ก็นับเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำไม่ต่างจากโซลูชั่นเฉพาะทาง Power Apps นับเป็นแพลตฟอร์ม Low Code No Code ชั้นนำที่ความสามารถครบถ้วน เปิดทางให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชั่นที่ตรงความต้องการได้ในเวลาอันสั้น หรือแม้แต่ผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถสร้างแอปพลิเคชั่นด้วยตัวเองได้ Power Automate เปิดทางให้องค์กรสามารถปรับกระบวนการทำงานที่เคยต้องใช้พนักงานมาทำขั้นตอนต่างๆ เช่น การส่งต่อเอกสาร รวบรวมข้อมูลประจำวัน หรืองานซ้ำๆ ที่เคยต้องใช้คน มาเป็นระบบอัตโนมัติที่เพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างชัดเจน บริการทั้งสองตัวยังเชื่อมต่อกับบริการอื่นๆ ของไมโครซอฟท์ได้อย่างแนบแน่น หรือบริการอื่นๆ นอกเหนือจากบริการของไมโครซอฟท์ก็ยังมี connector รองรับการทำงานมากกว่า 400 รายการ ทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชั่นทำได้ในเวลาอันรวดเร็วโดยไม่ต้องลงทุนก้อนใหญ่กับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบเดิมๆ ติดต่อตัวแทนของไมโครซอฟท์วันนี้เพื่อพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการปรับปรุงระบบในองค์กร เพื่อให้การลดค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น วันนี้ Microsoft เราโปรแกรมมากมายที่จะช่วยในเรื่องของการนำ Microsoft SQL Server และ VMware License มาสู่ Azure Cloud ซึ่ง Microsoft จะมีบริการ migrate ฟรี รวมถึงมี credit ให้ทดลองใช้งาน และช่วย optimize ให้แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายในกรณีที่ท่านใช้ Microsoft Azure อยู่แล้วตามเงื่อนไขที่กำหนด ท่านสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เกี่ยวกับ Microsoft SQL Server และ VMware License ได้ที่ aka.ms/AZTHContact หรือแชทผ่าน Facebook ที่ Aka.ms/ContactMSFTTH หรือโทรมาหาเรา 1800-012-821 ได้ตั้งแต่วันนี้
# LastPass ทำข้อมูลรั่วคนร้ายได้ฐานข้อมูลไปทั้งหมด เหลือ Master Password ป้องกันรหัสผ่านของลูกค้าเท่านั้น LastPass รายงานถึงเหตุข้อมูลรั่วจากระบบคลาวด์สตอเรจ ทำให้คนร้ายเข้าถึงข้อมูลสำรองทั้งระบบ โดยเหตุการณ์นี้เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพราะคนร้ายใช้ข้อมูลที่ได้ไปครั้งนั้นเอาไปเข้าระบบสตอเรจอีกที ข้อมูลสำรองที่ได้ไป ทำให้คนร้ายข้อมูลไปจำนวนมาก โดยเฉพาะข้อมูลลูกค้า เช่น ชื่อบริษัท, ชื่อผู้ใช้, ที่อยู่เรียกเก็บเงิน, อีเมล, หมายเลขโทรศัพท์, และหมายเลขไอพีที่เข้าใช้งาน รวมถึงตัวฐานข้อมูลรหัสผ่านของลูกค้าเอง ยกเว้นข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิตที่ไม่ได้สำรองไว้ในระบบนี้ ตัวฐานข้อมูลรหัสผ่านที่เก็บไว้กับ LastPass นั้นเข้ารหัสด้วย master password ที่ถูกแปลงเป็นกุญแจ AES-256 อีกชั้น ดังนั้นตอนนี้จึงต้องถือว่าคนร้ายได้ไฟล์ฐานข้อมูลไปแล้ว และถ้าตั้ง master password เอาไว้ไม่ดีก็อาจจะถูกคนร้ายไล่เดารหัสผ่านจนหลุดได้ หรือคนร้ายอาจจะพยายามหลอกล่อเหยื่อด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้เหยื่อยอมบอกรหัสผ่านนี้ ทาง LastPass ระบุว่าผู้ใช้ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมาถูกบังคับให้ตั้งรหัสผ่านยาวถึง 12 ตัวอักษร และกุญแจยังสร้างจากฟังก์ชั่น PBKDF2 รันแฮช 100,100 รอบ ทำให้การยิงรหัสผ่านทำได้ยากมาก แต่หากผู้ใช้เป็นบัญชีเดิมที่ตั้งรหัสไว้สั้น หรือใช้ master password ซ้ำกับบริการอื่นๆ ก็ควรเปลี่ยนรหัสผ่านทั้งหมด ที่มา - LastPass
# ผู้ใช้ K PLUS บางส่วนเข้าแอพไม่ได้ ธนาคารกสิกรแจ้งให้อัพเดตแอพเป็นเวอร์ชันล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้แอพ K PLUS บางส่วนได้แจ้งปัญหาไปยังเพจของธนาคารกสิกรไทยว่าเข้าใช้งานแอพไม่ได้ ต่อเนื่องมาจนถึงเมื่อวาน (22 ธันวาคม) โดยเมื่อเวลา 19:24 น. ของเมื่อวาน เพจกสิกรไทยได้โพสต์แจ้งลูกค้าที่ใช้ Android ว่าให้อัพเดตแอพเป็นเวอร์ชัน 5.16.6 เพื่อให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ลูกค้าที่ใช้โทรศัพท์ Huawei ก็ให้รอรับอัพเดตทาง AppGallery เช่นกัน อย่างไรก็ตามลูกค้าบางส่วนอัพเดตแล้วก็ยังแจ้งว่าใช้งานไม่ได้ ซึ่งทางเพจก็ได้ตอบกลับว่าให้ทดลองลบแอพและติดตั้งใหม่ ทางผู้เขียนพบปัญหานี้เช่นกันบน Google Pixel 7 Pro โดยได้อัพเดตแอพแล้ว รวมถึงลบและติดตั้งใหม่ก็ยังเข้าใช้งานไม่ได้ โดยหน้าจอแอพขึ้นข้อความว่ามีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เข้าใช้งานไม่ได้ในบางช่วงเวลา อัพเดต หากผู้อ่านเจอปัญหาแบบเดียวกัน และมีการใช้งาน DNS server อื่นๆ เช่น AdGuard, Pi-Hole, Cloudflare Private DNS ฯลฯ ให้ลองปิดแล้วเข้าใช้งานอีกรอบ ผมลองแล้วใช้งานได้ ขอบคุณผู้อ่านที่แจ้งเข้ามาในคอมเมนต์ด้านล่างด้วยครับ ที่มา - เพจ KBank Live
# [ลือ] Tesla หยุดจ้างพนักงาน เตรียมปลดคนรอบใหม่, ทำโปรลดราคารถ 7,500 ดอลลาร์ เว็บไซต์ข่าวยานยนต์ไฟฟ้า Elektrek อ้างแหล่งข้อมูลใกล้ชิด Tesla ว่าตอนนี้บริษัทหยุดจ้างพนักงานเพิ่มแล้ว และจะต้องปลดพนักงานออกจำนวนหนึ่งในไตรมาสหน้า Tesla เพิ่งปลดพนักงานมารอบหนึ่งในเดือนมิถุนายน คิดเป็นราว 10% ของพนักงานทั้งหมด แต่หลังจากนั้นก็กลับมาจ้างพนักงานใหม่อีกรอบในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ล่าสุดคือจะวนลูปกลับมาใหม่ หยุดจ้างพนักงานใหม่และปลดพนักงานออกอีกครั้งในไตรมาส 1/2023 วันนี้ Tesla ยังเริ่มทำโปรโมชั่นรถยนต์บางรุ่นคือ Model 3 และ Model Y บนหน้าเว็บไซต์ โดยอยู่ในรูปการคืนเครดิตสถานีชาร์จ Supercharger มูลค่า 7,500 ดอลลาร์ (2.6 แสนบาท) ให้กับผู้ซื้อรถใหม่ระหว่างวันที่ 21-31 ธันวาคมนี้ ถือเป็นโปรโมชั่นที่เยอะที่สุดเท่าที่ Tesla เคยทำมาในช่วงหลัง (ก่อนหน้านี้เพิ่งออกโปรลดราคา 3,750 ดอลลาร์ แล้วมาลดเพิ่มให้อีกเท่าตัว) การลดราคารอบนี้ยิ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่ายอดขายรถยนต์ของบริษัทเริ่มลดลง เพราะที่ผ่านมา Tesla ขายดีมาตลอด รถยนต์ไม่พอขาย แทบไม่ต้องลดราคาเลย การลดราคาแปลว่าสต๊อกรถยนต์เริ่มมากเกินกว่ายอดสั่งซื้อแล้วนั่นเอง ที่มา - Elektrek, Quartz
# ศาลให้ประกันตัว SBF ผู้ก่อตั้ง FTX ต้องวางหลักประกัน 250 ล้านดอลลาร์ สูงเป็นประวัติการณ์ Sam Bankman-Fried ผู้ก่อตั้ง FTX ที่ถูกนำตัวจากบาฮามาสมาขึ้นศาลในสหรัฐอเมริกา ได้รับอนุญาตจากศาลนิวยอร์กให้ประกันตัว โดยต้องวางหลักประกันมูลค่าสูงถึง 250 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นสถิติใหม่ของการวางหลักประกันคดีก่อนเริ่มไต่สวน (the largest-ever pretrial bond) นอกจากหลักประกันแล้ว SBF ยังจะต้องสวมกำไลอิเล็กทรอนิกส์ ถูกกักบริเวณในบ้านพ่อแม่ของเขา (ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด) ที่แคลิฟอร์เนีย และได้รับอนุญาตให้เดินทางเฉพาะไปขึ้นศาลแคลิฟอร์เนียและศาลนิวยอร์กเท่านั้น เขาจะต้องมาขึ้นศาลนัดหน้าในวันที่ 3 มกราคม 2023 ภายใต้ข้อตกลงระหว่างทนายของ SBF กับอัยการ หลักประกันนี้ไม่ต้องจ่ายเต็มจำนวน (คาดว่าประมาณ 10% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใช้กันตามปกติ) ประกอบด้วยมูลค่าบ้านของพ่อแม่ที่นำมาวางค้ำประกัน ร่วมกับสินทรัพย์อื่นของบุคคลภายนอกอีก 2 ราย (ยังไม่ระบุตัวว่าเป็นใคร) ที่มาช่วยจ่ายเงินค้ำประกันให้ SBF ได้ประกันตัวด้วย ที่มา - CNBC, Bloomberg
# Tesla ขายแท่นชาร์จอุปกรณ์ไร้สายมาตรฐาน Qi รองรับสูงสุด 3 อุปกรณ์ Tesla เริ่มขายแท่นชาร์จอุปกรณ์ไร้สาย โดยสามารถชาร์จอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน Qi พร้อมกันสูงสุด 3 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน กำลังไฟแต่ละอุปกรณ์สูงสุดที่ 15 วัตต์ ซึ่งรูปแบบดังกล่าวคล้ายกับแท่นชาร์จ AirPower สินค้าเปิดตัวแต่ไม่มีออกมาขายของแอปเปิล รูปแบบของแท่นชาร์จมีเหลี่ยมมุมที่แปลกตา ซึ่ง Tesla บอกว่า การออกแบบนั้นได้แรงบันดาลใจจากรถบรรทุก Cybertruck สามารถยกแท่นให้เอียงขึ้นมาเพื่อดูอุปกรณ์ได้ง่ายอีกด้วย แท่นชาร์จของ Tesla จะเริ่มส่งมอบสินค้าตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2023 เป็นต้นไป ราคาขาย 300 ดอลลาร์ ทั้งนี้อุปกรณ์แอปเปิลที่รองรับได้แก่ iPhone และ AirPods แต่ไม่รองรับการทำงานกับ Apple Watch ที่มา: MacRumors
# Netflix เผย เตรียมใช้ระบบป้องกันหารบัญชีเต็มรูปแบบ มีผลต้นปีหน้า 2023 The Wall Street Journal รายงานว่า Netflix เตรียมเปิดการใช้งานระบบป้องกันการหารบัญชี จากก่อนหน้านี้ทดสอบในบางประเทศ จะมีผลตั้งแต่ต้นช่วงต้นปี 2023 เป็นต้นไป เริ่มที่อเมริกาและขยายไปทั่วโลก ซึ่งเป็นไปตามรายงานก่อนหน้านี้ รายงานบอกว่า Netflix ได้ประเมินจำนวนบัญชีที่มีการหารใช้งาน ที่ราว 100 ล้านบัญชี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวหากบังคับให้สร้างบัญชีแยก จ่ายเงินเพิ่มเติมเล็กน้อย ซึ่งเป็นโมเดลที่ใช้ในประเทศกลุ่มลาตินอเมริกาแล้ว ก็จะช่วยให้ Netflix มีโอกาสทำเงินเพิ่มมากขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม Netflix ยังไมได้เปิดเผยว่าในการป้องกันการหารบัญชีที่จะใช้ทั่วโลกนั้น จะใช้วิธีการใดเป็นข้อเสนอ ปัจจุบันวิธีที่ Netflix ใช้ตรวจสอบว่าบัญชีนั้นถูกหารใช้งานหรือไม่ เช่น ดู IP, เลขรหัสอุปกรณ์ ไปจนถึงความเคลื่อนไหวของบัญชี อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา Netflix ทดสอบการป้องกันดังกล่าวแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้บังคับในทันที ที่มา: The Wall Street Journal
# Twitter เตรียมเพิ่มราคาและกราฟ ทั้งหุ้นและคริปโต ในผลการค้นหา Twitter ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับทวีตที่เกี่ยวกับหุ้นและคริปโต โดยเมื่อผู้ใช้เสิร์ชชื่อหุ้นหรือคริปโตด้วย Cashtag (นำหน้าด้วย $ ) ผลการค้นหานอกจากแสดงทวีตที่เกี่ยวข้อง ยังแสดงราคาหุ้นพร้อมกราฟราคาล่าสุดด้วย โดยข้อมูลราคาและกราฟนั้น Twitter จะนำมาจาก TradingView แพลตฟอร์มแสดงกราฟราคาหุ้นยอดนิยม นอกจากนี้ยังเพิ่มลิงก์เพื่อไปยัง Robinhood แอปเทรดหุ้นยอดนิยมในอเมริกาด้วย ที่ผ่านมา Twitter มีฟีเจอร์เพื่อรองรับด้านคริปโตหลายอย่าง เช่น การให้ทิปด้วยคริปโต และรองรับการทำงานร่วมกับคริปโตหลายอย่าง ฟีเจอร์แสดงผลค้นหาดังกล่าวจะเริ่มมีผลในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ที่มา: CoinDesk
# YouTube ชนะการประมูลสิทธิ์ถ่ายทอด Sunday Ticket NFL ประกาศว่าแพ็คเกจรับชมการแข่งขัน Sunday Ticket มีผู้ชนะการประมูลรายใหม่คือ YouTube ที่มูลค่าดีล 2,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี เป็นระยะเวลา 7 ปี ชนะผู้ถือสิทธิ์รายเดิม DirecTV ที่เคยเสนอราคา 1,500 ล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่ฤดูการแข่งขัน 2023-2024 YouTube บอกว่าแพ็คเกจ Sunday Ticket นี้ จะให้บริการผ่านสองช่องทางคือเป็นส่วนเสริมของบริการ YouTube TV หรือซื้อแยกเฉพาะผ่าน YouTube Primetime Channel แต่ยังไม่ได้ประกาศราคา ซึ่งมีผลเฉพาะผู้ชมในอเมริกา ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าทั้งแอปเปิลและ Amazon ต่างสนใจร่วมประมูลสิทธิ์ถ่ายทอดสดในแพ็คเกจดังกล่าวด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่สู้ราคาที่ YouTube เสนอ ที่มา: CNBC
# Twitter เริ่มแสดง "ยอดวิว" ของแต่ละทวีต เป็นค่าสาธารณะ หลังจากเห็นการปรับสลับตำแหน่งตัวเลขไปมาตลอดวัน ล่าสุด Elon Musk ซีอีโอ Twitter ก็ประกาศว่าได้ทยอยปล่อยฟีเจอร์ใหม่ แสดงจำนวนที่ทวีตนั้น ๆ ถูกดู เรียกว่า View Count มีผลกับผู้ใช้งานทุกคน Musk ให้เหตุผลของการเพิ่มฟีเจอร์นี้ว่า การแสดงยอดวิวเป็นเรื่องปกติสำหรับคอนเทนต์วิดีโอ กรณีของ Twitter ก็ช่วยสะท้อนการมีอยู่ของทวีตนั้น อีกทั้งผู้ใช้งาน Twitter 90% เป็นสายอ่านอย่างเดียว ไม่ทวีต ตอบข้อความ หรือกด Like ซึ่งเป็นกิจกรรมสาธารณะ ฟีเจอร์ดังกล่าวก็เหมือนกับตัวเลข Impression ใน Tweet Analytics แต่ที่ต่างกันคือตัวเลขยอดวิวจะแสดงประกอบกับตัวเลขอื่นเป็นสาธารณะ ทั้งจำนวน Retweet, Mention, Like จากเดิมที่ Tweet Analytics จะดูได้เฉพาะเจ้าของทวีตนั่นเอง ตอนนี้ผู้ใช้งานบางส่วนเริ่มได้ฟีเจอร์ดังกล่าวแล้ว คาดว่าจะทยอยปล่อยให้กับผู้ใช้งานทุกคนต่อไป ที่มา: TechCrunch
# Tencent เข้าเป็นสมาชิก RISC-V, ระดับพรีเมียร์เป็นบริษัทจีนเกินครึ่งแล้ว Tencent บริษัทเทคโนโลยีจีนรายใหญ่ประกาศเข้าสมาชิกระดับพรีเมียร์ของ RISC-V International ผู้ออกมาตรฐานชุดคำสั่งสำหรับซีพียูแบบโอเพนซอร์ส ทำให้ตอนนี้องค์กรสมาชิกระดับเดียวกันกลายเป็นองค์กรจากจีนแล้ว 13 องค์กรจาก 25 องค์กร บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีนล้วนเป็นสมาชิกระดับนี้ เช่น Huawei, Alibaba Cloud, ZTE ค่าสมาชิกระดับพรีเมียร์อยู่ที่ปีละ 250,000 ดอลลาร์ต่อปี บริษัทจะได้ที่นั่งในบอร์ดและกรรมการควบคุมด้านเทคนิค (technical steering committee) แต่ตอนนี้บนเว็บไซต์ RISC-V ยังไม่มีชื่อบอร์ดจาก Tencent แต่อย่างใด ตัว RISC-V International ก่อตั้งจากบริษัทสหรัฐฯ เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็จดทะเบียนในสวิสเซอร์แลนด์ และบริษัทนอกสหรัฐฯ ก็ให้ความสนใจอย่างมากโดยเฉพาะบริษัทจีนหลังจากเริ่มสงครามการค้ากับสหรัฐฯ รัฐบาลที่เป็นสมาชิกระดับพรีเมียร์ของ RISC-V อีกประเทศคืออินเดีย ที่แสดงความสนใจมาตั้งแต่ปี 2020 ชิปประสิทธิภาพสูงที่บริษัทจีนออกแบบส่วนมากมักใช้สถาปัตยกรรม Arm แต่ก็มีข่าวว่า Arm เริ่มไม่ยอมขายสถาปัตยกรรมใหม่ๆ ให้บริษัทจีนไปพัฒนาต่อ การลงทุนใน RISC-V จึงเป็นช่องทางลดความเสี่ยง แต่กระนั้นบริษัทเทคโนโลยีจีนก็ยังต้องพึ่งซอฟต์แวร์ออกแบบชิป, โรงงานผลิตชิป, และเครื่องจักรผลิตชิปจากผู้ผลิตที่อยู่ในเป็นมิตรกับสหรัฐฯ อยู่ ที่มา - South China Morning Post
# Cloudflare เตรียมเปิดบริการเชื่อมต่อผู้ใช้แอป WARP เข้าด้วยกัน Cloudflare เตรียมทดสอบบริการเชื่อมต่อระหว่างไคลเอนต์ Cloudflare WARP เข้าด้วยกัน ในชื่อ WARP-to-WARP Connectivity ทำให้เครื่องที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย Cloudflare Zero Trust สามารถเชื่อมถึงกันได้ ก่อนหน้านี้ผู้ใช้ Cloudflare Zero Trust เปิดให้แอปจากเครือข่ายภายในเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตผ่านทาง cloudflared ได้อยู่แล้ว แต่กระบวนการคอนฟิกก็ต้องการโดเมนสำหรับแต่ละบริการ บริการ WARP-to-WARP ทำให้เครื่องที่เปิด Cloudflare WARP สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้โดยตรงเหมือนอยู่บนเครือข่ายเดียวกันผ่านทางไอพีเสมือน ผู้ดูแลระบบสามารถเลือกคอนฟิกกฎการเชื่อมต่อเพิ่มเติม หรือจะปล่อยให้ทุกเครื่องสามารถส่งข้อมูลถึงกันโดยตรงก็ได้ ซึ่งอาจจะคล้ายกับการใช้ VPN ทุกวันนี้ที่หลายค่าย เช่น OpenVPN สามารถคอนฟิกให้ทุกเครื่องในเครือข่าย VPN เชื่อมต่อถึงกันหมด ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในจขั้นทดสอบเท่านั้นและต้องลงทะเบียนขอร่วมทดสอบกับทีมงานก่อน ที่มา - Cloudflare
# Netflix เริ่มทำคอนเทนต์แนวฟิตเนส จับคอร์ส Nike Training Club มาลงสตรีมมิ่ง Netflix เริ่มขยับขยายคอนเทนต์ของตัวเองไปสู่ตลาดฟิตเนส โดยจับมือกับ Nike นำคอร์สออกกำลังกาย Nike Training Club มาให้ดูบนระบบสตรีมมิ่งของ Netflix โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คอร์สของ Nike มีความยาวทั้งหมด 30 ชั่วโมง สอนโดยเทรนเนอร์ชื่อดัง มีเนื้อหาครอบคลุมการออกกำลังกายหลายด้าน โดยเนื้อหาชุดแรกจะเริ่มลง Netflix วันที่ 30 ธันวาคม 2022 (ออกกำลังกายรับปีใหม่!) ส่วนเนื้อหาชุดที่สองจะตามมาในปี 2023 Kickstart Fitness with the Basics (13 episodes) Two Weeks to a Stronger Core (7 episodes) Fall in Love with Vinyasa Yoga (6 episodes) HIT & Strength with Tara (14 episodes) Feel-Good Fitness (6 episodes) ช่วงหลังๆ Netflix พยายามทดลองคอนเทนต์ชนิดใหม่ๆ หลายอย่าง เช่น คอนเทนต์ไลฟ์การแสดงเดี่ยวไมโครโฟนของดารา Chris Rock, คอนเทนต์ถ่ายทอดสดกีฬา รวมถึงการทำเกมมือถือที่ดำเนินมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ที่มา - Netflix ตัวอย่างคอร์ส Nike Training Club บน YouTube
# ไปไม่รอดตามคาด บริษัท Atari หยุดผลิตคอนโซล Atari VCS แล้ว บริษัทเกม Atari ชี้แจงผู้ถือหุ้นว่าหยุดผลิตฮาร์ดแวร์คอนโซลย้อนยุค Atari VCS ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 และวางขายจริงในปี 2021 เหตุผลเป็นเพราะธุรกิจฮาร์ดแวร์มีรายได้ลดลงถึง 92% จากเดิมมีรายได้ 2.3 ล้านยูโรต่อครึ่งปี (ยังอุตส่าห์มีคนซื้อ!) ลดลงมาเหลือเพียง 0.2 ล้านยูโร ทำให้บริษัทจะปรับยุทธศาสตร์เป็นการไลเซนส์แบรนด์ Atari ให้พาร์ทเนอร์แทน บริษัท Atari ในปัจจุบัน เป็นร่างที่สี่ของบริษัทชื่อ Atari โดยร่างแรกคือ Atari ต้นฉบับ (ล้มละลายปี 1984), ร่างที่สอง Atari Games ภายใต้ Warner Communication (ปิดตัวปี 2003), ร่างที่สามคือ Infogrames ซื้อทรัพย์สินมาแล้วเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น Atari (ล้มละลายปี 2013) หลังจากนั้น อดีตผู้บริหาร Frederic Chesnais ซื้อกิจการร่างสามมาฟื้นฟู แล้วบริหารงานต่อ ธุรกิจในปัจจุบันของ Atari คือการหากินกับเกมเก่าๆ โดยเกมเด่นที่ทำเงินสูงสุดคือซีรีส์ RollerCoaster Tycoon ที่ยังได้รับความนิยมมาถึงทุกวันนี้ ส่วนธุรกิจอื่นๆ คือขายไลเซนส์แบรนด์ และช่วงหลังหันมาขายคริปโต บล็อกเชน NFT ตามสมัยนิยม ผลประกอบการล่าสุดของบริษัทยังขาดทุน 5.4 ล้านยูโร ที่มา - Atari, Liluputing
# Chrome เพิ่มกลุ่มทดสอบ Early Stable ปล่อยให้ผู้ใช้กลุ่มเล็ก ก่อน Stable หนึ่งสัปดาห์ ผู้ใช้ Chrome น่าจะคุ้นเคยกับระดับความเสถียรแยกตาม channel เช่น Canary, Dev, Beta, Stable แต่ล่าสุดกูเกิลจะเพิ่มระดับ Early Stable เข้ามาอีกอัน Chrome Early Stable จะไม่แยกเป็น Channel ต่างหาก แต่จะเป็นการทยอยปล่อย Chrome Stable ให้กับผู้ใช้กลุ่มเล็กๆ ก่อนประมาณ 1 สัปดาห์ เมื่อทดสอบว่าไม่มีปัญหาแล้วจะปล่อยอัพเดตให้ผู้ใช้ในวงกว้างขึ้นต่อไป นโยบาย Early Stable จะเริ่มใช้ใน Chrome 110 ช่วงต้นปีหน้า โดยปล่อยกลุ่ม Early Stable วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2023 และปล่อย Stable ในวงกว้าง 7 กุมภาพันธ์ 2023 ที่มา - Chrome Developer via 9to5google
# The Guardian คาดถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ สั่งพนักงานทำงานที่บ้านและงดต่อ VPN เข้าระบบ ระบบไอทีของสำนักข่าว The Guardian มีปัญหาอย่างหนักโดยคาดว่าระบบไอทีในบริษัทถูกโจมตีจากแรนซัมแวร์ จนประกาศให้พนักงานทำงานที่บ้านตลอดอาทิตย์นี้และให้งดการต่อ VPN เข้ากับระบบของบริษัท ระบบภายในได้รับผลกระทบทั้งไม่สามารถเข้าถึงระบบ Wi-Fi ภายในตึกสำนักงานได้ รวมทั้งไม่สามารถเข้าถึงบริการขององค์กรและระบบการเงินที่ใช้ร่วมกัน แต่ยังสามารถเผยแพร่บทความลงบนเว็บไซต์เนื่องจากใช้ระบบทางบรรณาธิการที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะ Katherine Viner บรรณาธิการใหญ่ และ Anna Bateson ผู้บริหารระดับสูงของสำนักข่าวเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากการโจมตีจากแรนซัมแวร์ แต่ยังคงพิจารณาถึงสาเหตุที่อาจเป็นไปได้อย่างอื่นด้วย ที่มา: Financial Times
# ผู้บริหาร Alameda/FTX รับสารภาพข้อหาฉ้อโกง, สหรัฐฯ ได้ตัว SBF แล้ว Caroline Ellison CEO ของ Alameda Research และ Gary Wang CTO ของ FTX Trading ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง และทั้งสองให้การรับสารภาพ พร้อมกันนี้ FBI ประกาศว่าได้ตัว Sam Bankman-Fried (SBF) ผู้ก่อตั้ง FTX แล้ว และกำลังนำตัวกลับสหรัฐฯ อัยการสหรัฐฯ ระบุว่าคดี FTX ยังเดินหน้าต่อไป และหากใครรู้เบาะแสของคดีก็ขอให้ออกมาให้ข้อมูล Ellison และ Wang ยังถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติมในคดีฉ้อโกงนักลงทุนที่ SBF ถูกตั้งข้อหาไปก่อนหน้าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มา - SEC
# Spotify เตรียมเชื่อมต่อกับ HealthKit คาดใช้แนะนำเพลงตามข้อมูลสุขภาพผู้ใช้ Spotify กำลังพยายามเชื่อมต่อกับ HealthKit ซึ่งเป็นแอป API ที่ทำให้แอป third-party อื่น ๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพจากแอป Health ของ Appleโดย Christ Messina เป็นผู้สังเกตเห็นโค้ดและโพสต์ลงใน Twitter Messina โชว์สตริงในตัวโปรแกรม Spotify ระบุต้องการที่จะเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้เพื่อแนะนำเพลงให้ตรงกับการออกกำลังกายของผู้ใช้มากขึ้น อย่างประเภทของการออกกำลังกาย ความเร็ว ระยะทาง ทั้งนี้ Spotify จะเข้าถึงข้อมูลสุขภาพผู้ใช้ได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ก่อนเหมือนแอปอื่น ๆ ทั้งนี้ ทาง Spotify ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ และกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ก็มีการทดลองฟีเจอร์ใหม่ๆ เป็นเรื่องปกติโดยหลายฟีเจอร์อาจจะไม่ได้เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปใช้งาน ที่มา: 9to5Mac
# ลูกค้า Tesla จำนวนหนึ่งทิ้งใบจอง-เลิกสัญญาเช่ารถ เพราะไม่พอใจพฤติกรรม Elon Musk CNET อ้างข้อมูลจากพนักงานฝ่ายขายของ Tesla รายหนึ่ง ระบุว่าลูกค้า Tesla จำนวนไม่น้อยยกเลิกการจองรถ หรือยกเลิกสัญญาเช่ารถ ด้วยเหตุผลว่าไม่พอใจกับพฤติกรรมของ Elon Musk พฤติกรรมที่ส่งผลให้ลูกค้าทิ้งจองนั้นแตกต่างกันไป ลูกค้ารายหนึ่งชื่อ Heather ซึ่งเช่า Model S บอกว่าเลิกเช่าเพราะไม่พอใจที่ Musk โจมตี Anthony Fauci ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาของสหรัฐ ลูกค้าอีกรายชื่อ Logan บอกว่าไม่พอใจที่ Musk สั่งให้ Twitter หยุดจ่ายเงินให้บริษัทซอฟต์แวร์ที่ซื้อบริการ ปัญหาเรื่อง Musk นั่งควบซีอีโอถึง 3 บริษัทคือ Tesla, SpaceX, Twitter แล้วส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทอื่นด้วยเป็นสิ่งที่เขาถูกวิจารณ์อย่างมาก โดยเฉพาะจากผู้ถือหุ้น Tesla ที่มองว่า Musk หันไปทุ่มเทกับ Twitter จนไม่สนใจบริหารงาน Tesla ให้ดี ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Tesla ตกลงมาแล้ว 38% นับจากการซื้อกิจการ Twitter เสร็จสิ้นในเดือนตุลาคม ลูกค้าทั้งหมดในข่าวของ CNET ใช้ชื่อปลอม เพราะกลัวว่าจะได้รับอันตรายจากกองเชียร์ผู้ปกป้อง Elon Musk ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วกับ Yoel Roth อดีตหัวหน้าฝ่าย Trust and Safety ของ Twitter ที่ต้องย้ายบ้านหนี หลังโดน Musk โพสต์ข้อความโจมตีอย่างต่อเนื่อง ที่มา - CNET
# Core Scientific บริษัทขุดเหมืองบิทคอยน์รายใหญ่ของสหรัฐ ยื่นล้มละลายแล้ว Core Scientific, Inc. บริษัทเหมืองบิทคอยน์รายใหญ่ของสหรัฐ (อยู่ในตลาดหุ้น NASDAQ ด้วย ใช้ตัวย่อ CORZ) ประกาศยื่นล้มละลายตามกฎหมาย Chapter 11 ของสหรัฐ ธุรกิจ Core Scientific มีทั้งการขุดเองขายเอง และการให้เช่าเครื่องขุด แต่ภาพรวมคือเมื่อตลาดคริปโตอยู่ในช่วงขาลง โมเดลการหารายได้แบบเดิมไม่ทำกำไรแล้ว บวกกับต้นทุนค่าไฟเพิ่ม และลูกค้าที่เช่าเครื่อง (เช่น Celsius) ล้มละลายไปก่อนหน้า ทำให้ Core Scientific ขาดทุน มีหนี้สะสม จนต้องขอล้มละลายต่อศาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตามกฎหมาย ข้อมูลจากเว็บไซต์ของ Core Scientific บอกว่ามีไซต์สำหรับเหมืองคริปโตใน 5 รัฐ ได้แก่ Georgia, Kentucky, North Carolina, North Dakota, Texas ส่วนราคาหุ้นของ Core Scientific ลดลงจาก 10 ดอลลาร์ตอนต้นปี 2022 จนล่าสุดมาเหลือ 0.05 ดอลลาร์แล้ว ที่มา - Core Scientific, Bloomberg
# Okta ถูกแฮ็กระบบ GitHub ซอร์สโค้ดของบริษัทถูกเข้าถึง แต่ข้อมูลลูกค้าไม่กระทบ Okta บริษัทการจัดการข้อมูลระบุตัวตน (identity management) ยอมรับว่าถูกแฮ็กเข้าระบบ GitHub ที่เก็บซอร์สโค้ดของบริษัท แต่ข้อมูลของลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบ เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ โดย GitHub เป็นฝ่ายตรวจพบการเข้าถึง repository ของ Okta และแจ้งเตือนไปยัง Okta โดยซอร์สโค้ดที่ถูกเข้าถึงคือ Okta Workforce Identity Cloud (WIC) ในขณะที่ซอฟต์แวร์ฝั่ง Auth0 ที่ Okta ซื้อกิจการมา ไม่ถูกเข้าถึง Okta ไม่ได้เปิดเผยว่าถูกเข้าถึง GitHub ได้อย่างไร บอกแค่ว่าจัดการระบบความปลอดภัยของ GitHub ใหม่แล้ว และแจ้งเตือนลูกค้าให้ทราบถึงปัญหานี้ ส่วนบริการยืนยันตัวตนของ Okta ยังเปิดให้บริการตามปกติ ปีนี้อาจไม่ใช่ปีที่ดีนักของ Okta ในด้านการเจาะระบบ เพราะเมื่อเดือนมีนาคม Okta เพิ่งถูกแฮ็กระบบโดยกลุ่มแฮ็กเกอร์ $LAPSUS และมีข้อมูลของลูกค้ารั่วออกไปด้วย ที่มา - Okta, BleepingComputer, ภาพจาก Okta
# ผลการใช้งานจริง จอย DualSense Edge ปรับแต่งได้มาก แลกมาด้วยแบตเตอรี่สั้นลง โซนี่ออกคลิปสัมภาษณ์ทีมฮาร์ดแวร์ผู้ออกแบบจอยรุ่นโปร DualSense Edge ที่มีกำหนดวางขาย 26 มกราคม 2023 ทำให้เราได้เห็นเบื้องหลังไอเดียที่นำมาใส่ใน DualSense Edge ทีมงานซึ่งเป็นญี่ปุ่นล้วน บอกว่าเป้าหมายของการออกแบบคือเน้นการปรับแต่งให้ผู้เล่นเฉพาะบุคคล โดยมีข้อจำกัดว่าจอยต้องมีขนาดเท่ากับ DualSense รุ่นปกติ ฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามาในจอยรุ่น Edge มีตั้งแต่การเปลี่ยนปุ่มได้เอง, เปลี่ยนก้านโยก, ปรับระดับความแข็งของ trigger, การเพิ่มปุ่ม Function เข้ามาด้านใต้จอยสำหรับใส่คำสั่งเพิ่มเติมอย่างการปรับระดับเสียง, การทำ multi-profile, การเพิ่มปุ่มอีก 2 ปุ่มเข้ามาด้านหลังจอยให้ตั้งค่าเองได้ ฯลฯ ซึ่งทีมออกแบบจำเป็นต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนหรือการทำงานข้างในบางอย่าง เพื่อให้ยัดฟีเจอร์เหล่านี้ลงในจอยขนาดเท่าเดิมได้ เว็บไซต์ The Verge ที่ได้ลองทดสอบจอยตัวนี้เป็นเวลา 2 ชั่วโมง บอกว่าฟีเจอร์ต่างๆ ช่วยให้ประสบการณ์เล่นเกมดีขึ้นจริง เช่น การปรับ trigger ให้ตื้นลงทำให้ยิงปืนในเกม Call of Duty ได้ดีขึ้น, การเปลี่ยนตัวก้านโยก (stick) ทำได้ง่าย, การเปลี่ยนโปรไฟล์ของจอยทำได้สะดวก แถมมีไฟ LED บอกบนจอยว่าใช้โปรไฟล์ไหนอยู่ (มีได้ 4 โปรไฟล์) แต่ข้อเสียก็ต้องแลกมาด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่สั้นลงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แม้ยังไม่มีตัวเลขว่านานเท่าไร ซึ่งโซนี่ก็ยอมรับว่าเกิดจากข้อจำกัดเรื่องขนาดจอยที่เท่าเดิม ที่มา - PlayStation Blog, The Verge
# Oppo ประกาศนโยบายเรือธงได้อัพเดต OS 4 เวอร์ชัน แพตช์ 5 ปี เท่ากับ OnePlus Oppo ประกาศนโยบายการอัพเดตระบบปฏิบัติการ Android เพิ่มเป็น 4 เวอร์ชันใหญ๋ และอัพเดตความปลอดภัย 5 ปี เท่ากับ OnePlus ที่ประกาศเรื่องนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ถือว่ามากกว่ามือถือตระกูล Pixel ของกูเกิลเองที่ได้ 3 เวอร์ชัน + 4 ปี นโยบายการอัพเดตระบบปฏิบัติการ 4 เวอร์ชัน จะมีผลเฉพาะมือถือระดับเรือธงบางรุ่นเท่านั้น (ยังไม่บอกว่ามีรุ่นไหนบ้าง) และเริ่มใช้ในปี 2023 เป็นต้นไป ซึ่งเหมือนกับ OnePlus ที่ให้เฉพาะมือถือบางรุ่นเช่นกัน นอกจากนี้ Oppo ยังประกาศว่า ColorOS 13 ที่อิงจาก Android 13 เป็นการปล่อยอัพเดตที่เร็วที่สุดของ ColorOS ด้วย นับตั้งแต่ออกตัวจริงในเดือนสิงหาคม ตอนนี้ทยอยอัพเดตให้มือถือ Oppo ไปแล้วทั้งหมด 33 รุ่น ทำได้ดีกว่า ColorOS 12 ถึง 50% ที่มา - Oppo
# เปิดตัว ThinkPad X1 Carbon Gen 11, Yoga Gen 8, Nano Gen 3 ใส่แรมได้สูงสุด 64GB แล้ว Lenovo เปิดตัว ThinkPad X1 รุ่นใหม่ประจำรอบปี 2023 ที่ปกติแล้วเปิดตัวที่งาน CES ช่วงหลังปีใหม่ รอบนี้มาเร็วกว่าปกติเล็กน้อยคือก่อนวันสิ้นปี ThinkPad X1 ที่เปิดตัวยังเป็น 3 รุ่นหลักคือ ThinkPad X1 Carbon Gen 11, ThinkPad X1 Yoga Gen 8, ThinkPad X1 Nano Gen 3 ที่เพิ่มพลังรักษ์โลก ใช้วัสดุรีไซเคิลมากขึ้น เช่น ที่รองมือใช้แมกนีเซียมรีไซเคิล 90% สิ่งที่น่าสนใจคือประกาศว่าจะใช้ซีพียูอินเทล "รุ่นใหม่" ที่ยังไม่เปิดตัว (น่าจะเป็น Core 13th Gen Mobile ที่จะเปิดตัวช่วงต้นปี 2023) ของใหม่อย่างอื่นคือใส่แรมได้สูงสุด 64GB จากเดิมปีที่แล้วใส่ได้ 32GB (ยกเว้นรุ่น Nano ได้สูงสุด 16GB) ส่วนดีไซน์และฟีเจอร์อื่นๆ ยังเหมือนของปี 2022 สินค้าจะเริ่มวางขายเดือนเมษายน 2023 โดยมีราคาเริ่มต้นคือ ThinkPad X1 Carbon Gen 11 (1,729 ดอลลาร์), ThinkPad X1 Yoga Gen 8 (1,859 ดอลลาร์), ThinkPad X1 Nano Gen 3 (1,649 ดอลลาร์) ที่มา - Lenovo
# “ไอทีวัน” วางระบบ SAP S/4 HANA ให้รพ.รามาฯ ยกระดับการให้บริการ เสริมประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมรองรับอนาคต ไอทีวัน (IT One) ผู้ให้บริการด้านไอทีและดิจิทัลโซลูชันครบวงจร ครอบคลุมทั้งด้านดิจิทัล คลาวด์ และระบบรักษาความปลอดภัย ได้รับความไว้วางใจจากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในการอัปเกรดระบบ SAP เป็นเวอร์ชัน S/4 HANA เพื่อยกระดับระบบการจัดการทรัพยากรให้ก้าวทันกับความต้องการ มีความอัจฉริยะมากขึ้น และพร้อมรองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างเอไอและแมชชีนเลิร์นนิ่ง สนับสนุนภารกิจของโรงพยาบาลที่รองรับคนไข้ราว 2 ล้านคนและผลิตบุคลากรทางการแพทย์ 18,000 คน ในแต่ละปี ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ รองคณบดี (ขวา) และ อ. พญ.ศนิ มลกุล รองคณบดีฝ่ายสารสนเทศ (ซ้าย) จาก คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ รองคณบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงที่มาที่ไปในการอัปเกรดระบบในครั้งนี้ว่า มาจากปริมาณข้อมูลที่ต้องใช้ในโรงพยาบาล เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการ การเงินต่างๆ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคลากร ซึ่งระบบเดิมที่ใช้อยู่ไม่ตอบโจทย์กับการทำงานในปัจจุบัน “ทางรพ.รามาฯ ได้ใช้ระบบ SAP มาตั้งแต่ปี 2552 แต่ในปัจจุบันทางรพ.รามาฯ มีการให้บริการมากขึ้นกว่าเดิมทำให้จำนวนคนไข้มีเพิ่มมากขึ้น จึงส่งผลให้ปริมาณข้อมูลก็เพิ่มสูงขึ้นตามตัวเลขของผู้มาใช้บริการ เช่นเดียวกับจำนวนของบุคลากร และสินทรัพย์ที่มากขึ้นกว่าเดิมด้วย จากสาเหตุทั้งหมดคิดว่าถึงเวลาที่ทางรพ.ต้องทำให้ระบบสารสนเทศและการใช้งานของข้อมูลเกิดประสิทธิภาพ และสามารถนำไปใช้กับการตัดสินใจได้ ปัจจุบันเอไอเข้ามามีบทบาทเยอะขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม ทางด้าน Healthcare ก็เช่นเดียวกัน เราไม่สามารถหลีกเลี่ยง Digital Transformation ได้ อีกทั้งการที่รพ.รามาฯ ได้นำระบบใหม่อย่าง Business Intelligence ของ SAP มาใช้ก็ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลได้ละเอียดขึ้น และมีข้อมูลอินไซต์มากขึ้น เพื่อให้ทางรพ.รามาฯ สามารถดูแลคนไข้ได้อย่างดี ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น” สำหรับการอัปเกรดระบบ SAP จาก ECC6 เป็นรุ่น S/4 HANA ของทางรพ.รามาฯ เน้นไปที่ระบบการคลัง การจัดการพัสดุ และการบริหารทรัพยากรบุคคลเป็นหลัก เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน และรองรับกับความต้องการใหม่ๆ ของผู้ใช้งาน อ. พญ.ศนิ มลกุล รองคณบดีฝ่ายสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงการปรับระบบ SAP ให้เป็นเวอร์ชันที่มีประสิทธิภาพพร้อมรองรับความต้องการในปัจจุบันว่า เป็นโอกาสในการปรับขั้นตอนการทำงานให้คล่องตัวมากขึ้น และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น “รพ.รามาฯ ถือว่าเป็นผู้นำทางด้าน Digital Transformation ในด้าน Healthcare และน่าจะเป็นที่แรกๆ ที่นำระบบ SAP S/4 HANA มาใช้งาน แน่นอนว่า การทำอะไรก่อนคนอื่นย่อมมีปัญหาที่เกิดขึ้นให้แก้ไข โดยเฉพาะปัญหาจากการปรับตัวของผู้ใช้งานจากการย้ายระบบครั้งใหญ่ แต่ไอทีวันเป็นพาร์ตเนอร์ที่ทางรพ.รามาฯ มั่นใจที่พร้อมช่วยแนะนำและแก้ปัญหาในจุดต่างๆ วิเคราะห์ความต้องการ และเติมเต็มในจุดที่ควรจะเป็น มองไปถึงความเป็นไปได้ในอนาคตด้วย นอกจากนั้น ยังมีความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการความต้องการใหม่ๆ จากผู้ใช้งานในระหว่างการขึ้นระบบ และสามารถทำโครงการได้สำเร็จตามกำหนด นอกจากนี้ทีมงานของไอทีวันยังได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับทีมไอทีของรพ.รามาฯ ให้สามารถจัดการและดูแลระบบได้เองซึ่งโดยรวมรู้สึกพึงพอใจกับการทำงานร่วมกับไอทีวันเป็นอย่างมาก” อ. พญ.ศนิ กล่าวเสริมว่า “ในเวอร์ชันใหม่นี้ ส่วนที่น่าประทับใจคือ SAP Fiori ที่รองรับการทำงานบนมือถือ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานของเราได้เป็นอย่างดี ช่วยให้การทำงานคล่องตัว และสามารถทำงานนอกสถานที่ได้ด้วย อีกส่วนที่ประทับใจคือ Data Services ที่เป็นการนำข้อมูลเข้าระบบได้สะดวกมากขึ้น” คุณ นัฎฐาพร นิลศิลา Chief Growth and Strategy Officer บริษัทไอทีวัน นัฎฐาพร นิลศิลา Chief Growth and Strategy Officer จาก ไอทีวัน กล่าวว่า “การอัปเดตระบบ SAP ครั้งนี้ เป็นการต่อยอดจากแพลตฟอร์มเดิมที่เป็น SAP ECC 6.0 นับตั้งแต่การวางระบบและการติดตั้ง รวมถึงฝึกอบรมบุคลากร สามารถทำได้ภายใน 7 เดือน ซึ่งไม่เพียงยกระดับระบบของโรงพยาบาลให้ตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการพัฒนาระบบให้สามารถรองรับการเติบโตในอนาคตได้ด้วย ทางไอทีวันต้องขอขอบคุณทางรพ.รามาฯ ที่วางใจให้เราร่วมทำงานเป็นพันธมิตร และได้ให้โอกาสเราในการนำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและการบริหารโครงการอย่างมืออาชีพ เข้ามาช่วยพัฒนาระบบและยกระดับการบริการทางการแพทย์ของไทยให้ดียิ่งขึ้น” ความสำเร็จของโครงการในครั้งนี้เป็นไปตามความคาดหวังและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งเป็นผลมาจากด้านความสามารถในการบริหารโครงการที่มีการวิเคราะห์ปัญหาและความเสี่ยงต่างๆ ตั้งแต่แรกเริ่ม รวมถึงทางทีมงานไอทีวันได้พูดคุยและสนับสนุนลูกค้าอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อคอยช่วยเหลือและดำเนินการต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ขณะเดียวกัน ทางรพ.รามาฯ ก็ตัดสินใจได้รวดเร็ว ช่วยให้เป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย ที่ผ่านมา ไอทีวัน มีบทบาทในการวางระบบ SAP on Cloud, พัฒนา Application on Cloud, Mobile Solutions, Analytics ตลอดจนการดูและรักษาระบบความปลอดภัย (Security) ให้กับองค์กรธุรกิจชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยครอบคลุมอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง โลจิสติกส์ บรรจุภัณฑ์​ เคมีภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค การแพทย์ การเงินการธนาคาร และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไอทีวัน และบริการที่เกี่ยวข้อง ติดตามได้จาก www.itone.co.th
# ไมโครซอฟท์ค้นพบช่องโหว่ของ macOS แจ้งแอปเปิล ออกแพตช์แก้ไขเรียบร้อยแล้ว ทีมความปลอดภัยของไมโครซอฟท์ รายงานการค้นพบช่องโหว่ของ macOS ที่เกี่ยวข้องกับฟีเจอร์ Gatekeeper ที่ใช้คัดกรองความปลอดภัยของไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจากอินเทอร์เน็ต และอนุญาตให้รันไฟล์นั้นหรือไม่ ช่องโหว่นี้อาศัยกระบวนการ Access Control Lists (ACL) ของตัว macOS ที่กำหนดสิทธิเข้าถึงไฟล์แยกเป็นอ่าน-เขียน-รัน (rwx) ที่มีพฤติกรรมพิเศษกับไฟล์ metadata ที่เรียกว่า AppleDouble (เก็บแยกเป็นอีกไฟล์ต่างหาก ที่นำหน้าด้วยสัญลักษณ์ ._ หน้าชื่อไฟล์) เปิดโอกาสให้หลอก Gatekeeper ได้สำเร็จ ไมโครซอฟท์ตั้งชื่อช่องโหว่นี้ว่า Achilles (ล้อตามช่องทาง ACL) แจ้งปัญหานี้ไปยังแอปเปิลแล้ว และแอปเปิลออกอัพเดตให้ macOS เรียบร้อย จึงได้เปิดเผยข้อมูลช่องโหว่ต่อสาธารณะ ทีมความปลอดภัยของบริษัท Sophos ที่ติดตามเรื่องนี้ ชี้ว่าฝั่ง Windows เองก็เพิ่งอุดช่องโหว่คล้ายๆ กันกับฟีเจอร์ SmartScreen Security ที่ใช้คัดกรองไฟล์ที่ดาวน์โหลด ในแพตช์รอบเดือนธันวาคมนี้เช่นกัน ที่มา - Microsoft Security, Sophos
# ถึงคิว Xiaomi ปลดพนักงาน สัดส่วนราว 10% ของพนักงานทั้งหมด 35,000 คน Xiaomi ปลดพนักงานออกจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ระบุจำนวนชัดเจน แต่โฆษกของบริษัทให้ตัวเลขคร่าวๆ ว่าน้อยกว่า 10% ของพนักงานทั้งหมด ซึ่งมีประมาณ 35,000 คน ตามข่าวจากสื่อท้องถิ่นและโพสต์โซเชียลของพนักงานในจีน พบว่ามีการปลดพนักงานออกในหลายฝ่าย พนักงานได้รับเงินชดเชย และการปลดพนักงานครั้งนี้ช่วยลดภาระการจ่ายเงินเดือนของบริษัทลงได้ 15% Xiaomi เองเป็นอีกบริษัทที่เพิ่มปริมาณพนักงานขึ้นเยอะตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2021 แต่สถานการณ์ของปี 2022 ทั้งปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจ และปัญหา COVID-19 ของประเทศจีน ทำให้บริษัทจำเป็นต้องลดพนักงานลง ที่มา - SCMP
# Open AI เปิดโอเพนซอส AI สร้างภาพ 3D จากข้อความ Open AI เปิดโอเพนซอส Point-E ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสร้างภาพ 3 มิติด้วยการที่ผู้ใช้ป้อนข้อความลงไป พร้อมปล่อยงานวิจัยแสดงรายละเอียดการทำงานของ Point-E Point-E ได้รับการเทรนโดยชุดข้อมูลหลายล้านชุด โดยประกอบด้วยโมเดลปัญญาประดิษฐ์ 2 ตัว คือ โมเดลที่เปลี่ยนจากข้อความไปเป็นรูปภาพที่ทำงานเหมือนกับ DALL-E 2 หรือ Stable Diffusion และโมเดลที่เปลี่ยนจากรูปภาพไปเป็นภาพ 3 มิติอีกที หลักการทำงานของ Point-E คือ เมื่อผู้ใช้ป้อนข้อความรูปภาพที่ต้องการลงไป AI ในโมเดลแรกจะเปลี่ยนข้อความเป็นรูปภาพเพื่อป้อนเข้าสู่โมเดลที่ 2 โดยโมเดลที่ 2 จะทำงานโดยการสร้างกลุ่มจุด (point clouds)ขึ้นมาตามรูปภาพจากโมเดลแรก จากนั้น AI ก็จะเชื่อมจุดให้เป็นตาข่ายขึ้นมาเป็นภาพ 3 มิติ ในเปเปอร์ยังระบุว่า Point-E สามารถสร้างภาพ 3 มิติ ภายใน 1-2 นาทีเพียงแค่ใช้จีพียู Nvidia V100 เพียงแค่ตัวเดียว ทั้งนี้ รูปภาพที่สร้างขึ้นมาอาจมีรูปร่างบิดเบี้ยวไปบ้าง และบางทีก็อาจจะสร้างรูปภาพมาไม่ตรงกับข้อความที่ผู้ใช้ป้อนไป ทั้งนี้ OpenAI ไม่ได้กล่าวถึงปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ผลงานแต่อย่างใด นักวิจัยยังคาดว่า Point-E จะยังมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาด้วยอย่างการที่อาจจะถูกนำไปใช้สร้างภาพที่เป็นอันตราย นักวิจัยจึงมองว่า Point-E เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ก่อนที่จะมีการพัฒนาโมเดลสร้างภาพ 3 มิติต่อไป อ่านงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่ OpenAI ที่มา: TechCrunch
# นักวิเคราะห์เผย Apple อาจเลื่อนหรือยกเลิกการผลิต iPhone SE 4 ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2024 Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ Apple เผยผ่าน Twitter ว่า Apple อาจเลื่อนหรือยกเลิกการผลิต iPhone SE 4 ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2024 เพราะยอดขายสมาร์ทโฟนระดับราคาถูกและราคาปานกลางอย่าง iPhone SE 3, iPhone 13 mini และ iPhone 14 Plus น้อยกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ นอกจากนี้ Kuo ยังให้เหตุผลอีกว่าดีไซน์ของ iPhone SE 4 ที่น่าจะออกมาคล้ายกับ iPhone XR ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นและจำเป็นต้องขึ้นราคา ขณะที่การลดต้นทุนการผลิตสินค้าที่ไม่ได้ขายดีนักจะช่วย Apple รับมือกับสถานการณ์ในปีหน้าที่น่าจะเป็นปีที่ทั่วโลกเผชิญสถานการณ์เศรษฐกิจถดถอยด้วย ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า iPhone SE 4 จะมีดีไซน์เหมือน iPhone XR และมาพร้อมกับ Touch ID บนปุ่มล็อคหน้าจอ ที่มา: MacRumours
# Geohot อดีตแฮกเกอร์ที่อาสาเข้ามาช่วย Twitter หลัง Musk ซื้อกิจการ ประกาศลาออก George Hotz หรือที่หลายคนอาจตุ้นในชื่อ Geohot อดีตแฮกเกอร์ที่สามารถเจลเบรค iPhone 3S และ PS3 ได้เป็นคนแรก เคยประกาศขอเข้าไปฝึกงานที่ Twitter เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ (3 เดือน) ในช่วงที่ Musk ประกาศว่า Twitter 2.0 จะทำงานแบบฮาร์ดคคอร์ ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวเห็นด้วยกับแนวทาง Musk และชมว่า เป็นทัศนคติที่จะสร้างสิ่งที่เหลือเชื่อ หลังจากพูดคุยกับ Musk แล้ว George ก็ทวีตว่าสิ่งที่เขาจะทำคือ แก้ไข Twitter Search และ แก้ป๊อปอัพให้ล็อกอินเวลาไถฟีดแบบไม่ได้ล็อกอิน ล่าสุด Geohot ประกาศลาออกจาก Twitter แล้วหลังทำงานไปได้เพียงราวๆ 5 สัปดาห์ โดยระบุว่า คิดว่าตัวเขาไม่น่าสร้างอิมแพ็คอะไรที่ Twitter ได้ และจะกลับไปเขียนโค้ดขึ้น Github หลังห่างหายไปหลายสัปดาห์ ก่อนหน้านี้ George ก็แสดงความเห็นว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายการแบนแอคเคาท์ที่ชวนไปติดตามแพลตฟอร์มอื่น แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังจะให้กำลังใจกับการสร้าง Twitter 2.0 ของ Musk ต่อไป ที่มา - @realGeorgeHotz
# Mozilla ประกาศตั้งเซิร์ฟเวอร์ Fediverse ของตัวเอง เข้าร่วมโลกโซเชียลแบบกระจายศูนย์ Mozilla ผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ไฟร์ฟอกซ์ประกาศตั้งเซิร์ฟเวอร์ Fediverse โดยใช้โดเมน Mozilla.Social พร้อมกับระบุว่าการมีโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ไร้ศูนย์กลางนั้นเป็นเรื่องจำเป็น ระบบจะเริ่มเปิดทดสอบต้นปี 2023 เซิร์ฟเวอร์ Fediverse เปิดให้ผู้ใช้ในเว็บต่างๆ สามารถติดตามกันไปมาข้ามเว็บได้ โดยมีเซิร์ฟเวอร์แต่ละตัวรองรับโปรโตคอล ActivityPub สำหรับแจ้งโพสเนื้อหาใหม่, แก้ไขเนื้อหาเดิม, หรือลบเนื้อหา Mozilla วิจารณ์ว่าโลกโชเชียลแบบรวมศูนย์นั้นให้รางวัลกับเนื้อหาที่เป็นพิษแล้วเรียกว่า engagement และการแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยการลงทุนอีกมาก ที่ผ่านมา Mozilla มีรายได้จากการใส่บริการค้นหาในเบราว์เซอร์เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็พยายามขยายการให้บริการไปยังบริการเสียเงินอื่นๆ เช่น บริการ VPN ที่มา - Mozilla