txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# ซีอีโอ Nintendo บอกเอง ไม่มี Switch รุ่นใหม่ออกมาในปีนี้ - ขอโทษอีกครั้งที่ Ring Fit ขาดตลาด
Shuntaro Furukawa ซีอีโอนินเทนโด กล่าวในช่วงแถลงผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมา ว่าบริษัทไม่มีแผนที่จะเปิดตัว Switch รุ่นใหม่ในปี 2020 แต่ได้ประกาศเรื่อง Switch รุ่นพิเศษ Animal Crossing แทน
Furukawa บอกว่าหากว่าตามช่วงเวลาแล้ว ตอนนี้ Switch อยู่ในช่วงกลางของวัฏจักรเครื่องเกมคอนโซล แต่นินเทนโดเชื่อว่ายังสามารถหาแนวทางอื่นสร้างการเติบโตได้โดยไม่ต้องออกรุ่นใหม่มา
นินเทนโดบอกว่า Switch Lite ช่วยทำให้ยอดขายรวมของ Switch เติบโตต่อได้ และนินเทนโดเองก็ยังไม่ได้สื่อสารฟีเจอร์ต่าง ๆ ออกมาทั้งหมด จึงยังมีโอกาสขยายตลาดได้อีก
นอกจากนี้นินเทนโดยังอัพเดตสถานการณ์ของ Ring Fit Adventure โดยบอกว่าขายไปได้แล้วกว่า 1.7 ล้านชุด เฉพาะในญี่ปุ่น+อเมริกา+ยุโรป โดยเอเชียสินค้ายังคงขาดตลาด ซึ่งซีอีโอก็ได้กล่าวขอโทษลูกค้าอีกครั้ง ที่น่าสนใจคือเกมนี้มีอัตราส่วนผู้เล่นหญิงมากที่สุดในบรรดาเกมทั้งหมดของ Switch
ที่มา: นินเทนโด ผ่าน The Verge |
# Nintendo Switch เปิดตัวลายใหม่สีพาสเทล รับเกม Animal Crossing: New Horizons
นินเทนโด เปิดตัว Nintendo Switch สีพิเศษโทนพาสเทล ฟ้า-เขียว ต้อนรับเกม Animal Crossing: New Horizons ภาคใหม่ที่จะวางขายวันที่ 20 มีนาคมนี้
ตัวฮาร์ดแวร์ Nintendo Switch จะวางขายก่อน 1 สัปดาห์คือวันที่ 13 มีนาคม ในราคา 299.99 ดอลลาร์เท่ากับ Switch ลายมาตรฐาน (ไม่บันเดิลเกม ต้องซื้อแยกต่างหาก)
นอกจากนี้นินเทนโดยังมีเคสลาย New Horizons ที่เข้าชุดกันมาวางขายพร้อมกันด้วย มีทั้งเคสที่ใช้กับ Switch รุ่นปกติและ Switch Lite ขายราคา 24.99 ดอลลาร์เท่ากัน
ที่มา - Nintendo, Kotaku |
# Google Cloud เปิดสอบใบรับรอง DevOps แก้ปัญหาขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญ
Google Cloud ประกาศการสอบใบรับรองใหม่ Professional Cloud DevOps Engineer เพื่อคนทำงานตำแหน่ง DevOps โดยเฉพาะ
DevOps เป็นตำแหน่งงานที่กำลังมาแรง แต่ขาดแคลนมาก กูเกิลจึงออกใบรับรองนี้มาเพื่อให้มีคนทำงานด้านนี้มากขึ้น เนื้อหาที่สอบมีเรื่อง site reliability engineering, service performance, service monitoring, service incidents และ CI/CD pipelines
ค่าสอบ 200 ดอลลาร์ และจำเป็นต้องไปสอบด้วยตัวเองที่ศูนย์สอบ ซึ่งในประเทศไทยก็มีอยู่หลายแห่ง
นอกจากการสอบใบรับรองด้าน DevOps กูเกิลยังเปิดตัวโครงการ Google Cloud Certified Fellow ด้าน Hybrid Multi-cloud สำหรับผู้เชี่ยวชาญ Anthos แต่ยังจำกัดเฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้น
ที่มา - Google, Google Blog |
# Google Search เพิ่มประกาศเตือนสถานการณ์ไวรัส เมื่อค้นคำว่า coronavirus
Google Search เพิ่มการแสดงข้อมูลการเตือนภัย "โคโรนาไวรัส" เมื่อผู้ใช้ค้นหาด้วยคำว่า coronavirus หรือคำอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลนี้จะแสดงในกล่องชื่อว่า "Help and Information" และ "Safety Tips" ในหน้าผลการค้นหา (อยู่ใต้ข่าวและอัพเดตจากทวิตเตอร์) โดยตอนนี้ยังแสดงลิงก์และข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) แต่กูเกิลก็บอกว่าจะอัพเดตข้อมูลตรงนี้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
ฟีเจอร์นี้เรียกว่า SOS Alert ที่กูเกิลอาจปรับหน้าผลการค้นหาตามสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือภัยธรรมชาติในช่วงเวลานั้นๆ โดยอิงตามพื้นที่เกิดเหตุด้วย
ที่มา - 9to5google |
# Avast ประกาศปิดบริษัทลูก Jumpshot ที่นำข้อมูลของผู้ใช้แอนตี้ไวรัสไปขายต่อ
จากกรณี Avast ถูกแฉว่านำข้อมูลของผู้ใช้ไปขาย จนถูกวิจารณ์อย่างหนัก ล่าสุดวันนี้ Avast ออกมาประกาศแผนการปิดกิจการบริษัทลูก Jumpshot ที่ทำธุรกิจขายข้อมูลแล้ว
Ondrej Vlcek ซีอีโอของ Avast ออกแถลงการณ์ว่าภารกิจหลักของบริษัทคือรักษาความปลอดภัย-ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เขาบอกว่าการสร้างความเสียหายให้ผู้ใช้เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และตัดสินใจปิด Jumpshot โดยทันที
เขาบอกว่าในฐานะซีอีโอ เขาต้องขอโทษทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ เหตุผลที่ Avast เปิดบริษัทลูก Jumpshot ในปี 2015 เป็นเพราะต้องการขยายธุรกิจด้านวิเคราะห์ข้อมูล นอกเหนือจากธุรกิจหลักด้านความปลอดภัย โดย Jumpshot บริหารงานแยกจาก Avast มาตั้งแต่ต้น และใช้ข้อมูลจาก Avast มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
Jumpshot จะแจ้งไปยังลูกค้าว่าจะหยุดขายข้อมูล และพนักงานของ Jumpshot จะถูกปลดออก ส่วนธุรกิจหลักของ Avast จะยังเดินหน้าไปตามปกติ
ที่มา - Avast, Avast Blog |
# Meituan แอปเดลิเวอรี่ในจีน เพิ่มตัวเลือกจัดส่งอาหารแบบไม่ต้องเจอหน้ากัน จากเหตุไวรัสโคโรน่า
Meituan แอปให้บริการจัดส่งอาหารรายใหญ่ของจีน ประกาศเพิ่มตัวเลือกใหม่ของการส่งอาหาร โดยที่ผู้ส่งและผู้รับไม่ต้องเจอกัน เนื่องจากปัญหาความกังวลจากเหตุไวรัสโคโรน่าระบาดในจีน เพื่อให้ทั้งผู้สั่งอาหาร และผู้ส่งสบายใจกันมากขึ้นทั้งสองฝ่าย
โดยแอปได้เพิ่มตัวเลือกให้สามารถกำหนดจุดรับ-ส่งอาหาร ซึ่งเบื้องต้น Meituan ใช้วิธีติดตั้งตู้จัดส่งอาหารเน้นบริเวณรอบโรงพยาบาลก่อน บริการดังกล่าวจะเริ่มที่เมืองอู่ฮั่นเป็นเมืองแรก
ที่มา: Abacus News |
# Foodpanda สิงคโปร์ เพิ่มบริการ Pandanow จัดส่งของใช้ในบ้านตลอด 24 ชั่วโมง
Foodpanda สิงคโปร์ เปิดตัวบริการใหม่ Pandamart และ Pandanow โดยเป็นบริการจัดส่งสินค้าอุปโภค-บริโภค ของใช้ในชีวิตประจำวัน จากร้านค้าพาร์ทเนอร์กว่า 1,000 แห่งในสิงคโปร์ ซึ่งระบุว่าจะจัดส่งได้ภายใน 25 นาที
Pandamart นั้นได้เริ่มทดลองให้บริการไปตั้งแต่เดือนตุลาคม และหลังทดสอบมาได้ระยะหนึ่ง จึงเปิดตัวบริการใหม่เพิ่มคือ Pandanow ซึ่งมีจุดเด่นคือสามารถจัดส่งสินค้าได้ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง และการันตีสินค้าส่งถึงภายใน 15 นาที ผ่านศูนย์กระจายสินค้าที่ Foodpanda ตั้งขึ้นมาเอง และสินค้ามีจำกัดรายการมากกว่า
ผู้บริหาร Foodpanda สิงคโปร์บอกว่าการเพิ่มบริการจัดส่งสินค้าของใช้นั้น เป็นการขยายธุรกิจให้สอดคล้องกับโครงสร้างพื้นฐานที่ Foodpanda วางไว้ ทั้งยังรองรับความต้องการของลูกค้าอีกด้วย
ที่มา: Digital News Asia |
# Ginni Rometty ซีอีโอ IBM ประกาศลงจากตำแหน่ง ตั้งซีอีโอใหม่ Arvind Krishna
Ginni Rometty ซีอีโอของ IBM ประกาศลงจากตำแหน่งแล้ว หลังจากเป็นซีอีโอมาตั้งแต่ปี 2012 โดยเธอจะยังเป็นประธานบอร์ดของ IBM ไปจนถึงสิ้นปี 2020 และหลังจากนั้นจะเกษียณอายุ
ซีอีโอคนใหม่ของ IBM คือ Arvind Krishna ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็น Senior Vice President for Cloud and Cognitive Software ปัจจุบันเขาอายุ 57 ปี และทำงานกับ IBM มาตั้งแต่ปี 1990
นอกจากนี้ James Whitehurst ซีอีโอของ Red Hat ที่ IBM เพิ่งซื้อกิจการเสร็จ จะได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานบริษัท (President) ของ IBM อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
Ginni Rometty แถลงการณ์ว่า IBM ตัดสินใจตั้งผู้บริหาร 2 ตำแหน่งมาทำงานร่วมกันเพื่อนำ IBM ไปสู่อนาคต โดย Arvind มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีสำคัญๆ อย่าง AI, cloud, quantum, blockchain และเป็นผู้ดูแลการซื้อกิจการ Red Hat ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลง IBM ถือว่าครบเครื่องทั้งด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ ส่วน Jim มีประสบการณ์ในการบริหาร Red Hat จนกลายเป็นบริษัทโอเพนซอร์สชั้นนำของโลก
การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งซีอีโอจะมีผลในวันที่ 6 เมษายน 2020
ที่มา - IBM |
# Amazon ประกาศจำนวนสมาชิก Prime มีมากกว่า 150 ล้านคนแล้ว
Amazon รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2019 มียอดขายรวม 87,437 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,268 ล้านดอลลาร์
ซีเอฟโอ Brian Olsavsky ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า จากเดิมที่ Amazon มีแผนใช้เงินลงทุนราว 3 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ผ่านมา เพื่อปรับปรุงการจัดส่งสินค้าให้เร็วมากขึ้นรองรับเทศกาลวันหยุด บริษัทใช้เงินน้อยกว่าที่คาดคือ 1.5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากระบบจัดการสามารถทำงานได้ดีตามแผนแล้ว
ด้านซีอีโอ Jeff Bezos เปิดเผยจำนวนลูกค้าที่สมัครสมาชิก Prime ว่าตอนนี้มีมากกว่า 150 ล้านคนแล้ว (ตัวเลขก่อนหน้านี้ 100 ล้านคน เมื่อเดือนเมษายน 2018) ส่วนธุรกิจคลาวด์ AWS ยังคงเติบโตดี โดยรายได้เพิ่มขึ้น 34% เป็น 9,954 ล้านดอลลาร์
ตัวเลขธุรกิจอื่นที่น่าสนใจ ยอดขายจากร้านค้าที่มีหน้าร้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Whole Foods ลดลง 1% เป็น 4,363 ล้านดอลลาร์ และกลุ่ม Other ซึ่งส่วนใหญ่มาจากรายได้โฆษณา เพิ่มขึ้น 41% เป็น 4,782 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Amazon และ Business Insider |
# กูเกิลเปิดซอร์สโค้ดกุญแจล็อกอิน FIDO2 เขียนด้วยภาษา Rust
กูเกิลเปิดซอร์สโค้ด OpenSK เฟิร์มแวร์กุญแจล็อกอินขั้นตอนที่สอง FIDO U2F และ FIDO2 โดยเขียนด้วยภาษา Rust และรองรับชิป Nordic nRF52840 โดยระบุว่าเลือกชิปตัวนี้เพราะมันรองรับการเชื่อมต่อวิธีหลักๆ แทบทั้งหมด ทั้ง NFC, Bluetooth LE, และ USB นอกจากนี้ยังมีวงจรเร่งความเร็วเข้ารหัสไว้ให้ด้วย
ในชิป nRF52840 มีคอร์ ARM CryptoCell-310 อยู่ภายในแต่ตอนนี้เฟิร์มแวร์ที่เปิดเผยออกมายังไม่ได้ใช้ความสามารถส่วนนี้ แต่ใช้โค้ดเข้ารหัสภาษา Rust ไปก่อน แม้โค้ดจะใช้งานได้แต่กูเกิลเตือนว่ายังไม่ได้ตรวจสอบการโจมตีแบบ side channel และไม่ได้ผ่านการรับรองจาก FIDO แต่อย่างใด
ตัวเฟิร์มแวร์เป็นแอปพลิเคชั่นของ Tock OS ระบบปฎิบัติการขนาดเล็กสำหรับอุปกรณ์จิ๋วอยู่แล้ว สำหรับเคสทางกูเกิลก็มีพิมพ์เขียวสำหรับพิมพ์สามมิติให้ด้วย
ตัวบอร์ด Nordic nRF52840-dongle นั้นมีราคาถูกเพียงประมาณ 300 บาทเท่านั้น สำหรับโมดูลที่ใช้ชิป nRF52840 พร้อมเสาอากาศสำเร็จรูปอาจจะมีราคาเพียง 100 บาทเท่านั้นจึงมีโอกาสที่จะสร้างชิปยืนยันตัวตนราคาถูกมากๆ ได้
ที่มา - Google Security Blog |
# บริษัทประกันโดน Ransomware เรียกค่าไถ่ 30 ล้านบาท ยอมจ่ายแต่ตามสืบจนฟ้องอายัดบิตคอยน์ได้เกือบครบ
บริษัทประกันในแคนาดาไม่เปิดเผยชื่อส่งทนายยื่นฟ้องบริษัท Bitfinex ให้อายัดบัญชีบิตคอยน์ได้สำเร็จ เพิ่มโอกาสได้เงินคืนเกือบทั้งหมด หลังจากปีที่แล้วบริษัทประกันแห่งนี้ตกเป็นเหยื่อจากมัลแวร์เข้ารหัสเรียกค่าไถ่ที่ชื่อว่า BitPaymer โดยมีพีซีนับพันเครื่อง และเซิร์ฟเวอร์อีก 20 เครื่องถูกเข้ารหัสข้อมูล
แฮกเกอร์เรียกร้องค่าไถ่ 1.2 ล้านดอลลาร์แต่บริษัทต่อรองจนเหลือ 950,000 ดอลลาร์ หลังจากนั้นบริษัทก็ยอมจ่ายเงิน 109.25 BTC ไปยังคนร้าย โดยบริษัทใช้เวลาถอดรหัสข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์นาน 5 วัน และพีซีทั้งหมดอีก 10 วัน
แต่หลังจากได้ข้อมูลคืนมา บริษัทก็จ้างบริษัท Chainalysis ติดตามเงินว่าถูกโอนไปที่ใดบ้าง พบว่าเงินก้อนใหญ่ 96 BTC นั้นไปกองรวมอยู่ในบัญชีที่ผูกกับบริษัทแลกเงิน Bitfinex ทางบริษัทจึงยื่นฟ้องกับศาลอังกฤษตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยพิจารณาเป็นการลับเพื่อไม่ให้เจ้าของบัญชีรู้ตัวและโอนเงินหนี และศาลก็อนุญาตให้อายัดเงินและให้เปิดเผยข้อมูลเจ้าของบัญชี โดยตอนนี้คดียังเดินหน้าต่อไป
ทาง CoinTelegraph ติดต่อ Bitfinex เพื่อขอข้อมูลว่าส่งข้อมูลอะไรให้ศาลบ้าง ทาง Bitfinex ตอบเพียงว่าได้ให้ความช่วยเหลือโจทก์ในคดีแล้ว และตอนนี้จุดสนใจของคดีก็ไม่ได้อยู่กับบริษัทอีกต่อไป
ที่มา - CoinTelegraph |
# รายงานธนาคารล่มไตรมาส 4: SCB นานสุด 4 ชั่วโมง, TMB ยังนับไม่เสร็จ, KTB ไม่มีรายงานล่มเลย
ธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดเผยรายงาน "สถิติระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขัดข้องที่กระทบต่อการให้บริการผ่านช่องทางสำคัญ" ประจำไตรมาสที่สี่ปี 2019 จากเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2019
รอบนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ที่ไม่มีรายงานล่มเลยในรายงานครั้งก่อนๆ รายงานเหตุล่มบนบริการโทรศัพท์มือถือ 2 ครั้งนาน 4 ชั่วโมง น่าจะมาจากเหตุการย้ายไปใช้ AWS Elastic Load Balancing (ELB) แม้เหตุครั้งนั้นผมจะนับได้ว่ามีการล่ม 3 ครั้ง อย่างไรก็ดี ช่องทางเว็บของไทยพาณิชย์ก็ไม่ล่มเลยตลอดไตรมาส
ธนาคารกสิกรไทยที่ไม่มีรายงานล่มมาก่อนเลยเช่นกัน ก็มีเหตุล่มทั้งโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต อย่างละ 2 ครั้งรวม 2 ชั่วโมง (ไม่มีข้อมูลว่าล่มไปพร้อมกันหรือไม่) และมีเหตุตู้เอทีเอ็มล่มอีกหนึ่งครั้ง 1 ชั่วโมง
ธนาคารกรุงเทพมีรายงานล่ม 1 ครั้งนาน 3 ชั่วโมง หากนับจำนวนครั้งก็นับว่าเท่าไตรมาสก่อนหน้า และลดลงจากไตรมาสองอย่างมาก ส่วนธนาคารกรุงไทยในไตรมาสนี้ไม่มีรายงานล่มเลย นับว่าลดลงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา
รายงานระบุว่าธนาคารทหารไทยยังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล
ที่มา - 1213.or.th |
# แจ้งเตือน GitHub จะดึงโค้ดไปฝังไว้ขั้วโลกเหนือวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้
ปลายปีที่แล้ว GitHub ประกาศโครงการ GitHub Arctic Code Vault ที่จะนำโค้ดไปพิมพ์ใส่แผ่นฟิล์มฝังขั้นโลกเหนือเพื่อรักษาโค้ดของมนุษยชาติ ตอนนี้เหลืออีกเพียง 2 วันจะถึงกำหนดการล็อกโค้ด ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2020 หากใครอยากมีโค้ดอะไรอยากให้รักษาเป็นสมบัติมนุษยชาติ หรืออยากเก็บโค้ดเป็นความลับก็ถึงเวลาตัดสินใจ
หากต้องการถอนตัวออกจากโครงการนี้ก็เพียงแค่ล็อก repository ให้เป็น private ก่อนวันที่ 2 นี้เท่านั้น
ข้อจำกัดของโครงการนี้คือจะเก็บเฉพาะโค้ดล่าสุด โดยเก็บเฉพาะ HEAD ของ branch เริ่มต้น (ส่วนมากคงเป็น master) เท่านั้น ไม่เก็บประวัติอื่นๆ รวมถึงไม่เก็บข้อความ commit ด้วย และหลักจากเก็บโค้ดแล้วจะไม่สามารถลบหรือแก้ไขได้อีก แม้ซอฟต์แวร์จะมีช่องโหว่ก็ตามที
GitHub คาดว่าจะเก็บโค้ดทุกๆ 5 ปี ดังนั้นถ้าพลาดรอบนี้ต้องรอปี 2025 เลยทีเดียว
ที่มา - GitHub |
# ผลประกอบการปี 2019 ชี้ชัด AMD กลับมาแล้ว, รายได้โต 50%, เงินสดเยอะ, หนี้ลด
สัปดาห์ที่ผ่านมา AMD แถลงผลประกอบการไตรมาส 4/2019 ซึ่งออกมาดีเยี่ยม รายได้ต่อไตรมาสสูงเป็นประวัติการณ์ สะท้อนความสำเร็จของ AMD ตลอดปี 2019 ที่มีผลงานเข้าเป้าหลายเรื่อง โดยเฉพาะสินค้าฝั่งซีพียู Ryzen ที่สร้างแรงกดดันให้อินเทลอย่างมาก
ผมลองเข้าไปอ่านเอกสารนำเสนอของ AMD และพบชาร์ทหลายอันที่น่าสนใจ สะท้อนให้เห็นว่า AMD กลับมาแล้วอย่างเต็มตัว
ชาร์ทตัวแรกคือ รายได้ ที่เห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ของปี 2019 ที่เพิ่มจากปี 2018 มากถึง 50%
แม้ว่ารายได้รวมทั้งปี 2019 อาจดูเพิ่มขึ้นไม่เยอะนัก (เพราะรายได้ไตรมาส 1 ค่อนข้างน้อย) แต่เราเห็นแนวโน้มชัดเจนว่ารายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เทียบตัวเลขผลประกอบการที่สำคัญๆ ระหว่างปี 2018 กับ 2019 จะเห็นว่าตัวเลขของปี 2019 ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งรายได้และกำไร
คนที่กลัว AMD เจ๊งก็น่าจะหายกังวลได้แล้ว เพราะกระแสเงินสดในมือเพิ่มขึ้นอย่างมาก และ AMD ก็ระบุว่ามีเงินสดในมือเยอะที่สุดนับตั้งแต่ปี 2006 เลยด้วยซ้ำ
ชาร์ทสุดท้ายยิ่งน่าจะทำให้แฟนๆ AMD ใจชื้น เพราะ "หนี้" ก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ จากที่เราเห็นตัวเลขหนี้ 1.6 พันล้านดอลลาร์ ก็ลดลงมาเหลือเพียงไม่ถึง 600 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
ปี 2020 ถือเป็นปีที่ทุกคนต้องจับตา AMD เพราะนอกจากสินค้าฝั่งซีพียู (Ryzen/Threadripper/Epyc) ที่ต่อยอดจากโมเมนตัมเดิมแล้ว ยังจะมีการเปิดตัว Radeon ตัวใหม่ที่จะมาท้าชนกับ NVIDIA ได้สักที รวมถึงรายได้อีกก้อนใหญ่จากการผลิตชิป Semi-Custom ให้ PS5 และ Xbox Series X อีกด้วย |
# Unity ออกเวอร์ชัน 2019.3 เพิ่ม HD Render Pipeline และรองรับ Google Stadia แล้ว
Unity เอนจินเกมขวัญใจมหาชน ประกาศออกเวอร์ชันใหม่ 2019.3 ที่มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ชุดใหญ่ ทั้งฝั่งกราฟิก 2D/3D โดยเฉพาะฟีเจอร์ High Definition Render Pipeline (HDRP) ที่รองรับ ray tracing เรียบร้อยแล้ว
ฝั่งของตัว Editor ได้รับการยกเครื่อง UI ใหม่, เพิ่มฟีเจอร์ Quick Search หาข้อมูลได้ทุกอย่าง, ระบบ Input System ที่จัดการเรื่องอินพุตเกมเป็นมาตรฐานเดียวกัน
Unity ขึ้นชื่อเรื่องการรองรับแพลตฟอร์มเกมแทบทุกอย่างในจักรวาลนี้ (ตัวเลขตอนนี้คือ 25 แพลตฟอร์ม ซึ่งครอบคลุมถึงแพลตฟอร์มอย่าง Gear VR, Google Daydream, Magic Leap) และล่าสุดใน Unity 2019.3 ก็รองรับ Google Stadia เพิ่มอีกแพลตฟอร์มหนึ่ง ซึ่งน่าจะช่วยให้เราเห็นเกมดังๆ ถูกพอร์ตไปลง Stadia ได้ง่ายขึ้นด้วยนั่นเอง
Unity แนะนำว่าเวอร์ชัน 2019.3 ยังไม่ใช่เวอร์ชันที่แนะนำสำหรับงานระดับโปรดักชัน และให้รอ Unity 2019.4 LTS ที่จะออกตามมาในเร็วๆ นี้แทน
นอกจากนี้ Unity ยังเปิดตัวภาพยนตร์ CG สั้นเรื่อง The Heretic ที่สร้างจาก Unity ทั้งเรื่อง ถือเป็นเดโมแสดงศักยภาพของ Unity ว่าทำได้ขนาดไหน มาให้ดูกันบน YouTube ด้วย
ที่มา - Unity |
# ใกล้หมดยุค Xbox One, รายได้ฝั่งเกมไมโครซอฟท์ลด 21%, รายได้ฮาร์ดแวร์หายไปเกือบครึ่ง
ไมโครซอฟท์เผยรายละเอียดในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 4/2019 ว่ารายได้จากธุรกิจเกมลดลงจากปีก่อนถึง 21% หรือคิดเป็นเงิน 905 ล้านดอลลาร์
จุดที่รายได้ตกหนักคือฝั่งฮาร์ดแวร์ที่หายไปถึง 43% ส่วนรายได้จากซอฟต์แวร์และบริการก็ตกลง 11% แต่ไมโครซอฟท์ยืนยันว่าบริการอย่าง Xbox Game Pass หรือ Xbox Live Gold นั้นเติบโต ส่วนที่ตกลงจริงๆ คือยอดขายซอฟต์แวร์
เรื่องนี้อาจไม่น่าแปลกใจนัก เพราะถือเป็นปีสุดท้ายของแพลตฟอร์ม Xbox One ที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี 2013 ก่อนจะเริ่มวัฏจักรของแพลตฟอร์ม Xbox Series X ใหม่ช่วงปลายปีนี้
ที่มา - Windows Central |
# LastPass เลิกพัฒนาแอปแบบเนทีฟบน macOS แนะนำผู้ใช้ไปใช้เว็บแอปแทน
บริการจัดการรหัสผ่าน LastPass ประกาศเลิกพัฒนาแอปแบบเนทีฟบน macOS อย่างเป็นทางการ โดยจะผลักดันให้ผู้ใช้ไปใช้งานแอปแบบใหม่ซึ่งพัฒนาด้วยเทคโนโลยีเว็บแทน
LastPass ระบุว่า เหตุผลที่ตัดสินใจเลิกทำแอปของ LastPass บน macOS เนื่องจาก Apple จะปิด Safari Extension Gallery และให้ผู้พัฒนาส่วนขยายของ Safari ย้ายไปใช้งาน Mac App Store แทน
กรณีของ 1Password ผู้พัฒนาแอปจัดการรหัสผ่านอีกรายได้อิมพลีเมนต์ระบบเข้ากับแอปแบบเนทีฟ ในขณะที่ LastPass ตัดสินใจเลิกทำแอปแบบเนทีฟบน macOS ไปเลย พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ไปใช้แอปใหม่ที่เน้นพัฒนาด้วยเทคโนโลยีเว็บแทน ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะแชร์กันหลายแพลตฟอร์มทำให้ง่ายต่อการดูแลในมุมของนักพัฒนา แต่ก็มีข้อเสียคือตัวแอปนั้นไม่ได้พัฒนาด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของแพลตฟอร์ม จึงอาจจะขาดฟีเจอร์บางอย่างไป
LastPass มีกำหนดเลิกพัฒนาแอปแบบเนทีฟบน macOS ภายในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ โดยหลังจากนี้ LastPass จะไม่อัพเดตด้านความปลอดภัยหรือซัพพอร์ตใด ๆ ให้แอปแบบเนทีฟบน macOS อีก
ที่มา - The Verge |
# Netflix Card บัตรเติมเงินเพื่อดู Netflix มีขายในไทยแล้วที่ เซเว่น, แฟมิลี่มาร์ท,โลตัส, มินิ บิ๊กซี
ใครซื้อของที่เซเว่นอีเลฟเว่นบ่อยๆ อาจพอสังเกตเห็นว่ามีการ์ด Netflix ขายอยู่ในชั้นวางเดียวกันกับการ์ด Google Play หรือการ์ดเติมบริการออนไลน์อื่นๆ บ้างแล้ว
ล่าสุด Netflix ประเทศไทยประกาศขาย Netflix Card ตามร้านสะดวกซื้อคือ เซเว่น อีเลฟเว่น, แฟมิลี่มาร์ท, เทสโก้ โลตัส (และเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส) และ มินิ บิ๊กซี แล้ว
Netflix Card มีราคาให้เลือกคือ 500 บาท 1,000 บาท และ 1,500 บาท เมื่อซื้อการ์ดแล้วขูดแถบสีเทาออก และนำโค้ดไปใส่ในช่อง Redeem บนเว็บไซต์ Netflix ก็สามารถใช้งานได้ ถือเป็นการใช้บริการ Netflix แม้จะไม่มีบัตรเครดิต
ปัจจุบันร้านสะดวกซื้อในไทย มีการ์ดบริการออนไลน์ขายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Google Play, iTunes, JOOX, LINE, iflix, บัตรเติมเงิน Playstation เป็นต้น
ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# Nintendo มียอดขาย Switch รวม แซงเครื่อง Super Famicom (SNES) แล้ว
นินเทนโดรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2019 มีไฮไลท์สำคัญคือ Switch ขายไปได้ 10.81 ล้านเครื่อง เป็นสถิติยอดขายสูงสุดของ Switch ภายในไตรมาสเดียว และยังทำให้ยอดขายรวมนับตั้งแต่เริ่มจำหน่ายเป็น 52.48 ล้านเครื่อง สูงกว่าคอนโซล SNES หรือซูเปอร์แฟมิคอม ที่มียอดขายราว 50 ล้านเครื่องเป็นที่เรียบร้อย
เป้าหมายถัดไปที่ Switch จะแซงต่อไปได้หรือไม่คือ NES หรือเครื่องแฟมิคอม (61.91 ล้านเครื่อง)
Pokemon Sword and Shield เป็นเกมเด่นที่เริ่มจำหน่ายในไตรมาสที่ผ่านมาและมียอดขายสูง โดยขายไปแล้ว 16.06 ล้านชุด และเป็นเกมขายดีที่สุดตลอดกาลของ Switch อันดับที่ 5 ส่วนเกมอื่นที่เริ่มจำหน่ายเช่นกันคือ Ring Fit Adventure, Luigi's Mansion 3 และ Mario & Sonic at the Olympic Games Tokyo 2020
ที่มา: Engadget |
# Tesla ไตรมาสล่าสุดยังคงมีกำไร และเงินสดเพิ่มขึ้น, Model Y เริ่มผลิตแล้ว
Tesla รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2019 มีรายได้ 7,384 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 386 ล้านดอลลาร์ บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเพิ่มขึ้น 930 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ผ่านมา ทำให้มีเงินสดในมือ 6,268 ล้านดอลลาร์
ไตรมาสที่ผ่านมา Tesla ส่งมอบรถยนต์รวม 112,09 คัน เป็น Model 3 92,620 คัน ส่วนด้านการผลิตนั้น รถยนต์ SUV รุ่นใหม่ Model Y เริ่มการผลิตในเดือนมกราคม 2020 ที่โรงงานใน Fremont ซึ่งเร็วกว่าแผนงานเดิม ส่วนโรงงานเซี่ยงไฮ้จะเริ่มผลิตในปี 2021
Tesla ประเมินว่าในปี 2020 นี้จะสามารถส่งมอบรถยนต์ได้เกิน 5 แสนคัน ส่วนธุรกิจโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ จะส่งมอบเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 50% จากปี 2019
ที่มา: CNBC |
# คุยกับ “กระทิง พูนผล” ครบ 1 ปีกับ KBTG และการตั้ง 2 บริษัทใหม่ KAITAI Tech และ KASIKORN X
ช่วงนี้แวดวงธนาคารบ้านเรามีความเคลื่อนไหวน่าสนใจ โดยเฉพาะฝั่งงานด้านดิจิทัล-นวัตกรรม ล่าสุดธนาคารกสิกรไทยเพิ่งประกาศตั้งบริษัทลูกอีก 2 แห่งคือ KAITAI Technology ที่ประเทศจีน และ KASIKORN X ที่เน้นสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นอกเหนือจากที่กลุ่มบริษัท KBTG ทำอยู่
Blognone มีโอกาสพูดคุยกับ “คุณกระทิง” เรืองโรจน์ พูนผล ประธานของ KASIKORN Business- Technology Group หรือ KBTG ที่ประกาศตัวว่าจะไปนั่งเป็นประธานของ KAITAI Technology ในประเทศจีนด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง ถึงความจำเป็นของธนาคารกสิกรไทยในการตั้งบริษัทใหม่เพิ่มอีก
ทำงานที่ KBTG มาครบ 1 ปีแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง
เหนื่อยครับ (หัวเราะ) ปีแรกของการมาทำงานที่ KBTG ต้องบอกว่าเน้นที่เรื่องการสร้างรากฐานให้แข็งแกร่ง ปรับปรุงการดำเนินงาน (operation) ให้มีเสถียรภาพ เพื่อให้ไม่ต้องกลัวเรื่องปัญหาระบบล่มตอนสิ้นเดือนอีก
พอมาถึงปี 2020 จะเป็นปีที่เราเริ่มขยายตัวจากธุรกิจเดิมๆ แล้ว ดังจะเห็นได้จากการประกาศตั้งบริษัทใหม่อีก 2 แห่ง ทำงาน 2 เรื่องที่สำคัญสำหรับอนาคต
นอกจากนี้จะขยาย API ของแบงค์สำหรับเปิดให้พาร์ทเนอร์เข้ามาเชื่อมต่อ เพราะมานั่งปรับระบบ (customize) ท่อให้พาร์ทเนอร์ทีละรายคงไม่ไหว สู้ทำ Open API ให้เป็นมาตรฐานเลยดีกว่า เรามี API แล้วประมาณ 50 ตัว ตั้งเป้าเปิดให้ได้ครบ 100 ตัว
ตอนนี้ KBTG มีบริษัทลูกทั้งหมดกี่แห่งแล้ว
ก่อนหน้านี้ KBTG มีบริษัทลูกทั้งหมด 5 รายคือ KServe, KPro, KSoft, KLabs และ KBTG Secretariat ที่ดูแลการบริหารตรงกลาง
ปีนี้เราจะตั้งอีก 2 แห่งคือ KAITAI Tech กับ KASIKORN X
KAITAI Tech นี่ชัดเจนว่าเราต้องการเข้าไปในประเทศจีน มีเป้าหมายอยู่ 2 เรื่องคือ หานักพัฒนาจีนมาเสริมทัพของทีม เพราะคนไทยอย่างเดียวไม่พอ กับการต่อท่อเพื่อหานวัตกรรมจากฟินเทคจีน ที่มีอยู่เยอะมาก
เรื่องการจ้างคนเป็นอีกปัญหาที่เราเจออยู่ ต้องบอกว่า KBTG ไม่มีปัญหาเรื่อง Head Count หรือโควต้าการจ้างพนักงานเลย มีแต่ Underhiring คือจ้างคนเข้ามาไม่ทันกับที่ต้องการ ตอนนี้เราขาดคนอีก 900 ตำแหน่ง ต้องทำทุกทางให้ได้คนมา แถมคนไทยอย่างเดียวไม่เพียงพอแล้ว นอกจาก KAITAI Tech ที่จะไปจ้างคนจีนมาทำงาน ตอนนี้เรามีศูนย์พัฒนาในเวียดนามแล้วด้วย ซึ่งมีพนักงานประมาณ 100 คน หากใครสนใจร่วมงานกับทาง KBTG ที่นี่เลย: [email protected]
พอเริ่มมีพนักงานจากหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ใช่คนไทยอย่างเดียว เรื่องวัฒนธรรมการทำงานก็ต้องปรับให้ทันสมัยขึ้น องค์กรต้องเป็น Multi-Culture และ Multi-Location ด้วย
ความแตกต่างของ KASIKORN X กับ KBTG มีอะไรบ้าง
KASIKORN X เป็นอีกโมเดลคือเราอยากทำอะไรที่ใหม่มากๆ ไปไกลกว่าโมเดลของธนาคารเดิม ตอนนี้ KBTG ทำเรื่อง Payment หรือ Lending อยู่แล้ว แต่นั่นอยู่บนพื้นฐานของแบงค์เดิม แค่เอาเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพดีขึ้น
สิ่งที่ KASIKORN X จะทำคือคิดบริการทางการเงิน (Financial Service) ใหม่ๆ เริ่มจากศูนย์เลย เริ่มจากแนวคิดว่าถ้าเราต้องสร้างบริการการเงินรูปแบบใหม่ๆ ในยุคนี้ เราจะสร้างมันขึ้นมาอย่างไร ตรงนี้คงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ๆ กว่าจะเห็นผล และเราจะไม่ประกาศข่าวใดๆ หากยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้จริง ซึ่งปีนี้น่าจะเข็นออกมาได้สักตัวหนึ่ง
นอกจากตัวผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันแล้ว วัฒนธรรมองค์กรของ KASIKORN X จะรันแบบสตาร์ตอัพเลย โมเดลการจ่ายค่าตอบแทนจะอิงตามผลงานของบริษัท แน่นอนว่าเสี่ยงกว่า แต่เราต้องการคนที่คิดอีกแบบ คิดแบบสตาร์ตอัพจริงๆ เสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง เคลื่อนที่เร็ว ในขณะที่ KBTG ยังมีความเป็นแบงค์อยู่เยอะ
ตอนนี้ KASIKORN X มีคนทำงานอยู่ประมาณ 4 คน ตั้งเป้าว่าจะได้สัก 15-20 คน ยังไม่มีคนมาเป็น CEO ก็กำลังมองหาอยู่
ทำไมต้องใช้ชื่อ KASIKORN X
จริงๆ เราจดทะเบียนอย่างเงียบๆ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 แต่ยังไม่ได้ประกาศ ส่วนทำไมถึงชื่อ KASIKORN X นั้น ขอยังไม่บอกครับ และส่วนของ KAITAI Tech กำลังอยู่ระหว่างจดบริษัทในประเทศจีน
ความกังวลในตอนนี้คืออะไรบ้าง
ตอนนี้ไม่ค่อยกลัวปัญหาเรื่องระบบล่มแล้ว สิ่งที่กลัวคงเป็นการเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่ๆ จากอุตสาหกรรมอื่น เข้ามา Disrupt เรา
ผมเคยเป็นคนที่ลงทุนในบริษัทที่ไป disrupt คนอื่น ก็รู้ดีว่าคนพวกนี้บทจะโผล่มา เขามาเลยแบบไม่ให้ทันตั้งตัว ตรงนี้ล่ะครับที่น่ากลัวมากกว่า
สิ่งที่ไม่กลัว คือ ผู้เล่นที่เป็นธนาคารหน้าใหม่ๆ ที่เป็น Pure Digital Bank คือมีแต่ธนาคารอย่างเดียว เพราะ KBank เองมีฐานลูกค้าดิจิทัลบน K PLUS ถึง 12 ล้านคนแล้ว คู่แข่งต้องมาสร้างใหม่หมด ตามเราให้ทันไม่ใช่เรื่องที่ง่าย
ฝั่งของ Digital Lending หรือการปล่อยกู้ดิจิทัลรายย่อยก็ไม่กลัวนัก เพราะการปล่อยกู้ต้องไปวัดกันที่ว่าปล่อยกู้ได้จริงๆ ไหม และเป็นหนี้เสียหรือไม่ ซึ่ง KBank มีประสบการณ์ด้านปล่อยกู้มายาวนาน ช่วยแก้ปัญหาความเสี่ยงตรงนี้ได้ ถ้าเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ปล่อยกู้เลย แถมต้องมาปล่อยกู้รายย่อยที่ไม่มีอะไรค้ำประกันอีก ก็ไม่ง่าย
แต่สิ่งที่กลัวคือผู้เล่นที่มาจากอุตสาหกรรมอื่น เป็น Non-Bank ที่ใช้ฐานลูกค้าที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ แล้วมาขอไลเซนส์แบงค์ ตัวอย่างในสิงคโปร์ก็มีอยู่หลายราย เช่น Grab ที่จับมือกับ SingTel มาขอไลเซนส์แบงค์ เป็นต้น |
# PayPal ไตรมาส 4/2019 รายได้รวมยังเติบโต มีผู้ใช้งาน 305 ล้านบัญชี
PayPal รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2019 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 4,961 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 507 ล้านดอลลาร์
ปริมาณการใช้จ่ายเงินผ่านแพลตฟอร์ม (Total Payment Volume) เพิ่มขึ้น 22% เป็น 199,404 ล้านดอลลาร์ มาจาก Venmo แพลตฟอร์มจ่ายเงินระหว่างบุคคลกว่า 29,000 ล้านดอลลาร์ (+56%) มีจำนวนธุรกรรมรวมกว่า 3,500 ล้านครั้ง จำนวนผู้ใช้งานใหม่ 9.3 ล้านบัญชี ทำให้จำนวนบัญชีรวมเพิ่มขึ้นเป็น 305 ล้านบัญชี
ซีเอฟโอ John Rainey กล่าวในช่วงแถลงผลประกอบการว่าแม้เศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมามีความผันผวน แต่แนวโน้มใหญ่ก็ยังดีสำหรับ PayPal
ที่มา: ZDNet |
# ไมโครซอฟท์ลงทุน 40 ล้านดอลลาร์เปิดตัว AI for Health หวังลดวิกฤตสุขภาพโลก
ไมโครซอฟท์ประกาศลงทุน 40 ล้านดอลลาร์เปิดตัวโครงการ AI for Health ให้นักวิจัยการแพทย์ สถาบันการแพทย์ต่างๆ เข้ามาร่วมวิจัยว่าจะสามารถใช้ AI เพื่อการแพทย์ การรักษาได้ในทางไหนบ้าง โดยตัวเงินจะกระจายไปยังองค์กรต่างๆ รวมถึงพันธมิตร และนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลนการเข้าถึงเครื่องมือ, AI และระบบคลาวด์
โครงการ AI for Health จะมุ่งเน้นไปที่สามประเด็นหลักคือ เร่งการวิจัยทางการแพทย์เพื่อการป้องกันโรค รวมถึงการวินิจฉัยและการรักษาโรคขั้นสูง, ทำข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพ เสริมสร้างความเข้าใจเพื่อป้องกันวิกฤตสุขภาพโลก, ลดความไม่เท่าเทียมกันด้านสุขภาพและปรับปรุงการเข้าถึงการดูแลสุขภาพสำหรับประชากรที่ด้อยโอกาส
AI for Health เป็นโครงการที่ 5 ภายใต้โครงการใหญ่ Microsoft AI for Good ที่ไมโครซอฟท์ลงทุน 165 ล้านดอลลาร์ สนับสนุนการวิจัยเทคโนโลยีในทางที่ดี
ที่มา - ไมโครซอฟท์ |
# รักแท้ไปไม่ถึงดวงจันทร์ เศรษฐีญี่ปุ่นเลิกหาคนรักพาขึ้นจรวด SpaceX
หลังจากวันที่ 12 ที่ผ่านมา ยูซากุ มาเอะซาวา มหาเศรษฐีญี่ปุ่นได้ประกาศหารักแท้ที่จะพาไปดวงจันทร์ด้วยกันโดยผ่านทางรายการทีวีนั้น ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาทวีตว่าด้วยเหตุผลส่วนตัว จะไม่ขอมีส่วนร่วมกับสารคดีนี้แล้ว ซึ่งทำให้ต้องยกเลิกรายการนี้ไป
มาเอะซาวายังกล่าวเพิ่มอีกว่ารู้สึกสำนึกผิดอย่างมากเพราะการตัดสินใจที่เห็นแก่ตัวของตัวเอง ทำให้ผู้หญิง 27,722 คนเสียเวลาอันมีค่าในการสมัครเข้ามา รวมถึงสตาฟและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนด้วย
ที่มา - @yousuck2020 |
# Unicode ออก Emoji 13.0 เพิ่ม นินจา, ไม้เสกคาถา, แมลงสาบ และชาไข่มุก
Unicode Consortium กลุ่มที่รับรองการออกอีโมจิ ประกาศอีโมจิชุดใหม่ของปี 2020 เรียกว่า Emoji 13.0 ประกอบด้วยอีโมจิใหม่ 62 ตัว และอีก 55 อีโมจิที่มีการแบ่งเพศและสีผิว
ตัวอย่างอีโมจิใหม่ในครั้งนี้ เช่น นินจา, คนกอดกัน, แมวดำ, ไบซัน, แมมมอธ, หมีขาว, แมวน้ำ, เต่าทอง, แมลงสาบ, หนอน, ก้อนหิน, ไม้, ไม้เสกคาถา, เข็มเย็บผ้า, บันได, แอกคอร์เดียน ฯลฯ
สำหรับอีโมจิอาหารที่เพิ่มเข้ามา ก็ตามกระแส ได้แก่ บลูเบอร์รี่, มะกอกออลิฟ, พริกหยวก, แฟลตเบรด, ทามาเล่, ฟองดู และชาไข่มุก
อีโมจิชุดใหม่นี้ คาดว่าจะเริ่มมีผลในระบบปฏิบัติการหลักช่วงครึ่งหลังของปี 2020
ที่มา: The Verge |
# ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย, Blizzard บอกเกมคัสตอมบน Warcraft 3: Reforged เป็นของบริษัท
Blizzard น่าจะกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจากกรณีที่เกมอย่าง DOTA สร้างตัวขึ้นมาจากการเป็นแผนที่คัสตอมบน Warcraft 3 ทว่า Blizzard ไม่มีสิทธิและไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ เลย จนเคยกลายเป็นคดีฟ้องร้องสิทธิ DOTA ระหว่าง Blizzard และ Valve ก่อนที่ฝ่ายหลังจะได้สิทธิทั้งหมดไป (จากการซื้อสิทธิมาจาก Icefrog)
ทำให้รอบนี้ Blizzard ระบุในเอกสารนโยบายการใช้งานเลยว่าแผนที่เกมคัสตอมทั้งหมดบน Warcraft 3: Reforged ที่ถูกสร้างขึ้นไม่ว่าจะโดยใครก็ตาม ถือเป็นทรัพย์สินของ Blizzard แต่เพียงผู้เดียว (Custom Games are and shall remain the sole and exclusive property of Blizzard)
ส่วนเงื่อนไขอื่น ๆ ค่อนข้างเป็นเงื่อนไขที่เข้าใจได้ อาทิ ห้ามนำลิขสิทธิของเจ้าอื่นมาใช้ในเกม, ห้ามนำเกมคัสตอมไปโปรโมทเอง หากไม่ได้รับอนุญาตจาก Blizzard เป็นต้น
ที่มา - Blizzard via PCGamer
ภาพจาก Blizzard |
# Samsung ไตรมาส 4/2019 ภาพรวมรายได้คงที่ มอง 5G สร้างการเติบโตในปีนี้
ซัมซุงรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2019 รายได้รวม 59.88 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2018 มีกำไรจากการดำเนินงาน 7.16 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 3.64% และมีกำไรสุทธิ 5.23 ล้านล้านวอน
ธุรกิจชิปหน่วยความจำเป็นสาเหตุที่ซัมซุงบอกว่าทำให้ภาพรวมมีการเติบโตเล็กน้อย (รายได้ส่วนนี้ลดลง 15%) เนื่องจากราคา DRAM ที่มีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตามแนวโน้มกำไรนั้นดีขึ้น เนื่องจากความต้องการสินค้าลูกค้ากลุ่มศูนย์ข้อมูล และการปรับปรุงต้นทุน
ธุรกิจชิ้นส่วนหน้าจอก็มีรายได้ลดลงเช่นกัน จากความต้องการที่ลดลงในกลุ่มสินค้าพรีเมียม ส่วนสมาร์ทโฟนมีรายได้และกำไรเพิ่มสูงขึ้น จากยอดขายสินค้าตระกูล Galaxy ที่ดี
ซัมซุงมองแนวโน้มในปี 2020 ว่าธุรกิจหน่วยความจำจะกลับมามีความต้องการสินค้ามากขึ้น จากการขยายของ 5G เช่นเดียวกับธุรกิจสมาร์ทโฟนตลอดจนอุปกรณ์เครือข่าย
ที่มา: ซัมซุง และ The Verge |
# Huawei ปฏิเสธหลังสื่อเยอรมนีบอกมีหลักฐานว่า Huawei ร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองจีน
งานเข้า Huawei อีกคำรบแล้วเมื่อสำนักข่าว Handelsblatt ของเยอรมนีอ้างว่าตัวเองได้เอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีที่ส่งมาจากสหรัฐเมื่อปลายปี 2019 ซึ่งเอกสารระบุว่า Huawei ร่วมมือและสมรู้ร่วมคิดกับหน่วยข่าวกรองของรัฐบาลจีน
ล่าสุด Huawei ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นเป็นข้อกล่าวหาเดิม ๆ ที่ไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานใด ๆ รองรับเลย และยืนยันอีกครั้ง (รอบที่ร้อย) ว่า Huawei ไม่เคยและไม่มีวันเปิดให้ใครเข้าถึงเครือข่ายและข้อมูลของลูกค้าได้
เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศที่ค้านหัวชนฝามาตลอดในประเด็น Huawei โดยอ้างว่าสหรัฐไม่มีหลักฐานที่จับต้องได้ต่อข้อกล่าวหานี้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลเยอรมนีเองก็ยังค่อนข้างเสียงแตกในประเด็นนี้ ขณะที่สหราชอาณาจักรที่เคยค้านประเด็นนี้ด้วย ล่าสุดก็ออกกฎหมายที่ห้ามใช้งานอุปกรณ์ Huawei ในคอร์เน็ตเวิร์คและสถานีฐานสำคัญ ๆ รวมถึงห้ามไม่ให้มีส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์เครือข่ายเกิน 35% ด้วย
ที่มา - Reuters
ภาพจาก Shutterstock |
# AMD จะเปิดตัวจีพียูสถายปัตยกรรมใหม่ RDNA 2 ในปี 2020 นี้, ยังออก RDNA ตัวเดิมไปด้วย
AMD มีผลงานที่ดีเยี่ยมในปี 2019 โดยเฉพาะฝั่งซีพียู Ryzen และ Epyc สิ่งที่ยังขาดอยู่คงเป็นจีพียู Radeon รุ่นสูงที่จะออกมาต่อกรกับฝั่ง GeForce ได้
ปีที่แล้ว AMD ออกจีพียูตระกูล Navi ที่ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ RDNA มาแล้ว แต่ยังจำกัดเฉพาะจีพียูระดับกลางๆ เท่านั้น สิ่งที่หลายคนรอกันอยู่คือ Navi รุ่นบนหรือที่เรียกกันเล่นๆ ว่า "Big Navi" (และน่าจะเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ใน PS5/Xbox Series X ด้วย)
Lisa Su ซีอีโอของ AMD ให้ข้อมูลเรื่องนี้เพิ่ม (อีกนิด) ในงานแถลงผลประกอบการ โดยเธอบอกว่าจะเปิดตัวจีพียูสถาปัตยกรรมใหม่ RDNA 2 ในปี 2020 นี้
Lisa Su ยังบอกว่า AMD จะใช้วิธีออกจีพียู 2 สถาปัตยกรรมควบคู่กันไปคือ RDNA และ RDNA 2 โดยจะแถลงข้อมูลเพิ่มเติมในงานประชุมนักวิเคราะห์ทางการเงินช่วงเดือนมีนาคมนี้
ที่มา - AnandTech |
# รวมข่าวลือสินค้าใหม่ Apple: AirTags, เฮดโฟนไฮเอนด์, แท่นชาร์จไร้สาย
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สินค้าแอปเปิลที่มีผลงานแม่นยำที่สุด ออกรายงานล่าสุดว่าด้วยสินค้าใหม่แอปเปิลที่จะออกมาในปีนี้ หลายอย่างเคยมีข่าวก่อนหน้านี้แล้ว แต่บางอย่างก็เป็นการรายงานครั้งแรก รายละเอียดดังนี้
iPhone จอ 4.7 นิ้ว แบบ LCD วางตำแหน่งเป็นรุ่นราคาถูก ใช้ดีไซน์เดียวกัน iPhone 8, มี Touch ID และชิป A13 เปิดตัวมีนาคม (ข่าวเก่า)
iPad Pro รุ่นใหม่ กล้องหลัง 3 ตัว รองเซ็นเซอร์ 3D ใช้สำหรับงานด้าน AR อาจเปิดตัวเดือนมีนาคม (ข่าวเก่า)
MacBook Pro และ MacBook Air รุ่นอัพเกรด โดย Pro จอ 13 นิ้วจะเปลี่ยนมาใช้คีย์บอร์ดแบบ scissor
แท็ก Ultra Wideband สำหรับติดอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อระบุพิกัด ซึ่งมีการพบไอคอนใน iOS 13 ก่อนหน้านี้ คาดว่าใช้ชื่อ AirTags
เฮดโฟนรุ่นไฮเอนด์ รายละเอียดไม่ชัดเจน และอาจซ้อนทับกับไลน์สินค้าของ Beats
แท่นชาร์จไร้สายขนาดเล็ก เพื่อมาทดแทนแท่นชาร์จครอบจักรวาล AirPower ที่เคยเปิดตัวแต่ยกเลิกในเวลาต่อมา
ที่มา: MacRumors |
# Google เปิดตัว Tangi แอปแชร์วิดีโอประเภท DIY สอนทำอาหาร แต่งหน้า วาดรูป ฯลฯ
ทีมงานของ Google ภายใต้โครงการ Area 120 ที่เหมือนศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพภายในได้เผยโฉม Tangi แอปและเว็บแอปโซเชียลมีเดียประเภทวิดีโอ ที่เน้นเฉพาะวิดีโอประเภทสอนการทำ DIY (Do it yourself) อย่างเช่นการแต่งหน้า ทำอาหาร วาดรูป ไปจนถึงงานอดิเรกต่าง ๆ เป็นต้น
ตัววิดีโอจะยาวประมาณ 60 วินาที ส่วนชื่อ Tangi มาจาก TeAch aNd GIve และคำว่า tangible ซึ่งแปลว่า ที่ชัดเจน ที่จับต้องได้ โดย Tangi มีเป็นแอปเฉพาะบน iOS (อ้าว) และเว็บ tangi.co อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถอัพโหลดวิดีโอขึ้นไปได้
ที่มา - Google Blog |
# [Overwatch] Mickie ออกจากการเป็นผู้เล่นให้กับ Dalls Fuel - โยกเป็นผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ให้ Envy
เพราะความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ Mickie - ปองภพ รัตนแสงโชติ ผู้เล่นอาชีพชาวไทยหนึ่งเดียวที่ได้ลงแข่งขันใน Overwatch League ได้ออกจากการเป็นผู้เล่นตำแหน่ง off-tank ของทีม Dallas Fuel เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเขาจะย้ายไปทำหน้าที่ในฝ่ายสร้างสรรค์คอนเทนต์แบบให้กับ Envy ต้นสังกัดที่ถือสิทธิ์การทำทีม Dallas Fuel
ทั้งนี้ การโยกย้ายครั้งนี้อาจไม่เป็นที่ประหลาดใจสำหรับแฟนๆ เท่าใดนัก เนื่องจากใน Overwatch League ฤดูกาลที่ผ่านมา Mickie นั้นแทบจะไม่ได้ลงแข่งขันให้กับทีมเลย แต่อย่างไรก็ดี ผลงานของเขาในช่วงปี 2018 นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สังคม Overwatch ต่างให้การยอมรับโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านทัศนคติแง่บวกและคุณประโยชน์ให้กับสังคมของเกมนี้ จนทำให้ Mickie ได้รับรางวัล Dennis Hawelka Award
ที่มาภาพ: Blizzard
ที่มา: Dot Esports |
# Rockstar ประกาศความสำเร็จ GTA V เป็นเกมขายดีที่สุดในรอบทศวรรษ
Rockstar Games ประกาศความสำเร็จของเกมดังในสังกัด 2 เกม
Grand Theft Auto V เป็นเกมที่ขายดีที่สุดในรอบทศวรรษ (นับรายได้เป็นดอลลาร์สหรัฐ, อ้างอิงสถิติจาก NPD Group)
Red Dead Redemption 2 เป็นเกมที่ขายดีที่สุดในรอบ 4 ปีล่าสุด (นับรายได้เป็นดอลลาร์สหรัฐ และอ้างอิงสถิติจาก NPD เช่นกัน)
Rockstar ให้ตัวเลขยอดขายรวมของทั้งสองเกมว่าทะลุ 150 ล้านชุดแล้ว (สถิติยอดขายที่เปิดเผยล่าสุดคือ GTA V 115 ล้านชุด และ RDR2 26.5 ล้านชุด ตัวเลขเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019)
ปัจจัยที่ช่วยให้ทั้ง GTA V และ RDR 2 มียอดขายเยอะขนาดนี้ คงเป็นบริการออนไลน์ทั้ง GTA Online และ Red Dead Online ที่เพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ ตลอดเวลา ทำให้มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาซื้อเกมอยู่เรื่อยๆ นั่นเอง (GTA V ออกในปี 2013 ปัจจุบันนับว่ามีอายุ 7 ปีแล้ว)
ที่มา - GameIndustry.biz, Take-Two, Gamespot |
# Netflix ประกาศสร้าง One Piece ฉบับคนแสดง โอดะ เออิจิโระ เป็น Executive Producer
Netflix ประกาศสร้างการ์ตูน One Piece เป็นฉบับซีรีส์คนแสดง เริ่มต้นซีซั่นแรกมี 10 ตอน ยังไม่เปิดเผยนักแสดง แต่สิ่งที่อาจช่วยให้แฟนๆ สามารถคาดหวังได้คือ โอดะ เออิจิโระ ผู้สร้างการ์ตูน ลงมาเป็น Executive Producer เองเลย
โปรดักชั่นผู้สร้างคือ Tomorrow Studios และ Shueisha ทาง Netflix ยังเผยแพร่คำกล่าวของโอดะด้วยว่า เขามีโปรเจกต์ทำซีรีส์ตั้งแต่ปี 2017 แต่มันก็ต้องใช้เวลา และคืบหน้าไปอย่างช้าๆ และดูเหมือนว่าเขาจะสามารถประกาศออกมาอย่างเป็นทางการได้เสียที โดย Netflix จะสนับสนุนเรื่องโปรดักชั่น และขอให้อดใจรอเรื่องข้อมูลนักแสดง
ปัจจุบันมังงะเรื่อง One Piece เรื่องราวของโจรสลัดประสบความสำเร็จไปทั่วโลก ตัวเล่มขายได้กว่า 460 ล้านเล่ม และปัจจุบันก็ยังไม่จบ
ที่มา - @NXOnNetflix |
# แนะนำสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต กันน้ำ กันกระแทก กันตก สำหรับออกไซต์งานจากซัมซุง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ว่าจะงานสายไหน อุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้การทำงานง่ายและคล่องตัวมากขึ้น แต่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่ขายทั่วไปในตลาด หรือแม้แต่เวอร์ชันที่ขายให้องค์กรอาจไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับงานบางประเภท ที่ต้องการความอึด ถึกและทนที่มากกว่าอุปกรณ์ที่วางขายทั่วไป
อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ที่เน้นความอึดถึกทนหลาย ๆ รุ่นหรือที่เรียกว่า rugged device มักจะแลกมาด้วยขนาดที่หนาและน้ำหนักที่มากขึ้น จากโครงสร้างส่วนที่กันกระแทกที่เสริมเข้ามา ทว่าประเด็นดังกล่าวไม่ใช่ปัญหากับอุปกรณ์ rugged device ของซัมซุงอย่าง Galaxy Xcover 4s และ Galaxy Tab Active2 ที่วางขายแล้วในไทย
Xcover 4s และ Tab Active2 สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่ได้รับมาตรฐานทหาร
Xcover 4s และ Tab Active2 ของซัมซุงเป็นสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในกลุ่ม rugged device ที่ได้รับมาตรฐาน MIL-STD 810G ซึ่งเป็นมาตรฐานป้องกันอุปกรณ์จากการตกหรือสั่นสะเทือน กันน้ำกันฝุ่น กันความชื้น ฯลฯ ที่ออกโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เรียกได้ว่าแม้เป็นอุปกรณ์เชิงพาณิชย์ แต่ก็ผ่านมาตรฐานที่จะเอาไปใช้งานในกิจการทางทหารได้ด้วย
นอกจากนี้ยังได้มาตรฐาน IP กันน้ำกันฝุ่นที่ IP68 หรือสามารถกันน้ำจืดได้ลึกสุด 1.5 เมตร นาน 30 นาที
Xcover 4s ทนทานแต่บางเบา เหมาะกับใช้งานกลางแจ้ง
เมื่อจุดประสงค์ของการออกแบบ Xcover 4s คือการใช้งานกลางแจ้งแบบลุย ๆ ดังนั้นมาตรฐานกันตกกันกระแทกและกันน้ำกันฝุ่นจึงไม่เพียงพอ แต่ Xcover 4s ยังรองรับระบบสัมผัสผ่านถุงมือทุกชนิดโดยยังมีความไวต่อการสัมผัสไม่แตกต่างจากการใช้นิ้วมือปกติ ช่วยให้พนักงานภาคสนามหรือในโรงงาน ยังคงสามารถใช้งานอุปกรณ์ได้ โดยไม่ต้องวุ่นวายถอดถุงมือออก
นอกจากนี้ตัว Xcover 4s ยังบางเพียง 9.7 มม.และหนักเพียง 172 กรัมเท่านั้น ไม่ได้สร้างความเทอะทะหรือลำบากให้กับผู้ใช้งานเลยด้วย
Tab Active2 รองรับปากกาและ AR สำหรับการใช้ในไซต์งาน
Tab Active2 เป็นแท็บเล็ตที่รองรับปากกา S Pen แบบใหม่ที่มาพร้อม Air Command ขณะเดียวกันก็มีเซ็นเซอร์อย่าง Gyroscope และ Geomagnetic รองรับแอปพลิเคชันที่ใช้งาน AR สำหรับการตรวจสอบไซต์งาน ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเซ็นเซอร์ NFC และกล้องหลังที่ออกแบบมาสำหรับการอ่านบาร์โค้ดหรือสแกนไอดี
แบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้
Xcover 4s มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 2,800 mAh ส่วน Tab Active2 ขนาด 4,400 mAh และที่เหนือกว่าอุปกรณ์ทั่วไปคือทั้งสองรุ่นสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่จากฝาหลังได้ ตอบโจทย์กรณีที่ออกไปใช้งานข้างนอกแล้วหาที่ชาร์จไม่ได้
สรุป
สำหรับองค์กรที่จำเป็นต้องใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตตามไซต์งานหรือโรงงาน การซื้ออุปกรณ์ rugged device ลักษณะนี้จะตอบโจทย์การใช้งานมากกว่าการซื้ออุปกรณ์สำหรับผู้ใช้ที่วางขายทั่วไปมากกว่า เพราะ rugged device ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานลักษณะนี้โดยเฉพาะ
ทั้ง Xcover 4s และ Tab Active2 วางขายในประเทศไทยแล้ว ส่วนรุ่นอัพเกรดอย่าง Tab Active Pro และ Xcover Pro ที่เพิ่งเปิดตัวไปในต่างประเทศก็กำลังเข้ามาจำหน่ายในไทยเร็ว ๆ นี้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.samsung.com/th/business
สนใจติดต่อ 02-118-1000 |
# รัฐบาลจีนสั่งปิดโรงงาน Tesla ที่เซี่ยงไฮ้ชั่วคราว ผลจากไวรัสโคโรน่าระบาด
Tesla เพิ่งสร้างโรงงาน Gigafactory 3 ที่เซี่ยงไฮ้เสร็จและเริ่มส่งมอบรถยนต์ Model 3 ได้ราวเดือนเดียว แต่ล่าสุดจากสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าจากเมืองอู่ฮั่นระบาด ส่งผลให้ทางการจีนสั่งปิดโรงงาน Tesla ชั่วคราว
เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดย Zach Kirkhorn ซีเอฟโอของ Tesla ระหว่างการแถลงผลประกอบการปี 2019 โดย Tesla คาดว่าจะส่งผลให้การผลิตรถยนต์ Model 3 ล่าช้าไปหนึ่งสัปดาห์ครึ่ง รวมถึงอาจจะส่งผลต่อกำไรของบริษัทเล็กน้อยในครึ่งแรกของไตรมาส 1/2020
คำสั่งนี้มีผลต่อบริษัททั้งหมดในเซี่ยงไฮ้ โดยห้ามเริ่มกลับมาทำการก่อนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ เช่นวันนี้กูเกิลก็สั่งปิดสำนักงานทั้งหมดในจีนแล้วเช่นกัน
ที่มา - The Verge
ภาพโดย Tesla |
# Mozilla ตั้งหน่วยงานใหม่ MZLA มาดูแลโครงการ Thunderbird
มูลนิธิ Mozilla Foundation ประกาศตั้งองค์กรใหม่ MZLA Technologies Corporation มารับผิดชอบการพัฒนาโปรแกรมอีเมล Thunderbird
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Mozilla หันไปทุ่มให้กับ Firefox เป็นหลัก และพยายามหา "บ้านใหม่" ให้ Thunderbird โดยปรับนโยบายมาหลายรอบ (รอบล่าสุดคือปี 2017)
หลังจากเปิดให้ชุมชนผู้ใช้งานเข้ามาช่วยพัฒนาโปรแกรมมากขึ้น ทางมูลนิธิจึงตัดสินใจตั้ง MZLA Technologies Corporation ที่มีสถานะเป็นบริษัทลูก ดูแล Thunderbird อย่างจริงจัง และสามารถหารายได้จากช่องทางใหม่ๆ เข้ามาช่วยเสริมการพัฒนา Thunderbird อีกด้วย
ปัจจุบัน Thunderbird ออกเวอร์ชันใหญ่ปีละ 1 ครั้ง โดยเวอร์ชันล่าสุดคือ Thunderbird 68 ที่ออกในเดือนสิงหาคม 2019 (นับเวอร์ชันตาม Firefox ที่ออกในช่วงนั้น เลขเวอร์ชันของ Thunderbird จะกระโดดๆ)
ที่มา - Thunderbird |
# Google ปิดออฟฟิศที่จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน ชั่วคราว เนื่องจากไวรัสโคโรน่า
Google ประกาศปิดสำนักงานที่จีนชั่วคราว เนื่องจากไวรัสโคโรน่าระบาด โดยการปิดทำการนี้รวมถึงสำนักงานในไต้หวัน ฮ่องกงด้วย ด้านยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรน่าในจีนมี 170 รายแล้ว บริษัทห้างร้านในจีนก็มีการปิดทำการชั่วคราวด้วยเช่นกัน
สำนักงาน Google ที่จีน เน้นทำงานเรื่องวิศวกรรม,การโฆษณาและการตลาด ไม่ได้มีบริการอะไรของ Google ที่เปิดในจีน
ภาพจาก Google Press Corner
ที่มา - Reuters |
# LibreOffice 6.4 ออกแล้ว ปรับปรุงประสิทธิภาพตอนเปิด-เซฟไฟล์, ใส่คอมเมนต์ที่รูปได้แล้ว
LibreOffice ออกเวอร์ชัน 6.4 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหญ่ตัวแรกของปีนี้ (LibreOffice ออกปีละสองครั้ง) ของใหม่ที่สำคัญในเวอร์ชันนี้คือปรับปรุงประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเปิดและการเซฟไฟล์ spreadsheet (Calc) และ presentation (Impress)
ฟีเจอร์ใหม่อื่นๆ
Writer: ใส่คอมเมนต์ในรูปภาพและชาร์ทได้แล้ว, สั่ง resolve comment ได้, Paste as Nested Table ตารางซ้อนในตาราง
Calc: แปลงตารางเป็นไฟล์ PDF แบบหน้ากระดาษเดียวได้ (Full-Sheet Previews)
ปรับปรุงเมนู Hyperlink ใหม่ให้เหมือนกันหมดในทุกแอพ
เพิ่มตัวสร้าง QR Code เพื่อแทรกลงในเอกสาร
ที่มา - Release Notes, Document Foundation |
# Facebook ยอมจ่ายกว่า 550 ล้านดอลลาร์ หลังโดนฟ้องใช้ระบบจดจำใบหน้าละเมิดความเป็นส่วนตัว
ย้อนไปในปี 2015 ผู้ใช้งาน Facebook ในรัฐอิลลินอยส์ยื่นฟ้อง Facebook ฐานละเมิดความเป็นส่วนตัว โดยใช้ระบบจดจำใบหน้าแท็กรูป และโชว์โปรไฟล์โดยอัตโนมัติ ผิดกฎ Illinois Biometric Information Privacy Act ซึ่งภายหลัง Facebook ให้ปิดการตั้งค่านี้แล้ว
จนกระทั่งในปี 2020 มีความคืบหน้าของคดีคือ Facebook ยอมจ่ายเพื่อระงับข้อพิพาทกว่า 550 ล้านดอลลาร์ โดยอิลลินอยส์เป็นรัฐเดียวที่มีกฎหมายความเป็นส่วนตัวไบโอเมตริกซ์ อนุญาตให้คนฟ้องถ้ามีการใช้ไบโอเมตริกซ์ละเมิดความเป็นส่วนตัว โดยกรณีดังกล่าวเป็นการฟ้องแบบกลุ่ม
ที่มา - CNET |
# Microsoft ไตรมาสล่าสุด ธุรกิจคลาวด์องค์กรเป็นปัจจัยหลักหนุนการเติบโต
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2020 (ตุลาคม-ธันวาคม) มีรายได้รวม 36,906 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 11,649 ล้านดอลลาร์
ซีเอฟโอ Amy Hood กล่าวว่าจากผลงานของทีมขายและพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง ทำให้รายได้จากบริการคลาวด์องค์กรเพิ่มขึ้นถึง 39% เป็นกว่า 12,500 ล้านดอลลาร์
รายได้แยกตาม 3 กลุ่มธุรกิจหลักของไมโครซอฟท์ เป็นดังนี้ Productivity and Business Processes รายได้เพิ่มขึ้น 17% เป็น 11,826 ล้านดอลลาร์ มีการเติบโตสูงจาก Office 365 และ LinkedIn, กลุ่ม Intelligent Cloud เพิ่มขึ้น 27% เป็น 11,869 ล้านดอลลาร์ จากสินค้ากลุ่มเซิร์ฟเวอร์และบริการคลาวด์
สุดท้ายกลุ่ม More Personal Computing รายได้เพิ่มขึ้น 2% เป็น 13,211 ล้านดอลลาร์ โดยรายได้จาก Windows ยังเพิ่มขึ้นทั้ง OEM และลูกค้าองค์กร ขณะที่รายได้จาก Xbox ลดลง
ที่มา: ไมโครซอฟท์ |
# Facebook ไตรมาส 4/2019 จำนวนผู้ใช้แอปรวมทุกบริการเพิ่มเป็น 2.89 พันล้านคน
Facebook รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2019 รายได้รวม 21,082 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิ 7,349 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานเฉพาะ Facebook แบบเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) มีจำนวน 2.50 พันล้านบัญชี และแบบเป็นประจำทุกวัน (DAUs) 1.66 พันล้านบัญชี ในไตรมาสนี้ Facebook ยังรายงานตัวเลขผู้ใช้งานรวมทุกบริการในเครือ (Facebook, Instagram, Messenger, WhatsApp) โดยมี MAP (monthly active people) 2.89 พันล้านคน และ DAP 2.26 พันล้านคน
ซีอีโอ Mark Zuckerberg กล่าวว่าไตรมาสนี้ Facebook ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่ง Facebook ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างบริการที่ช่วยเชื่อมต่อผู้คนเข้าหากัน
ที่มา: Facebook |
# รัสเซียบล็อค ProtonMail เนื่องจากถูกใช้เพื่อส่งข้อมูลปลอมจำนวนมาก
รัสเซียประกาศบล็อค ProtonMail บริการอีเมลเข้ารหัสที่เน้นความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน โดยปัจจุบัน ProtonMail เข้ารหัสอีเมลระดับที่กล้าประกาศว่า NSA เจาะไม่เข้า จึงเป็นที่นิยมในหมู่นักกิจกรรมที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงในการใช้งานอีเมล
Roskomnadzor หน่วยงานที่ดูแลการสื่อสารของรัสเซียระบุว่า ปัจจุบัน ProtonMail ถูกใช้งานเพื่อส่งข้อมูลปลอมแบบไม่ระบุตัวตนจำนวนมาก บางครั้งเป็นการข่มขู่คุกคาม ซึ่งเคยส่งผลถึงขั้นอพยพผู้คนในอาคารสาธารณะในประเทศรัสเซียมาแล้ว ทำให้รัฐบาลรัสเซียพยายามขอข้อมูลเพื่อหาผู้กระทำผิด
ฝั่ง ProtonMail เองนั้น ปฏิเสธในการให้ข้อมูลเจ้าของอีเมลแก่ทางการรัสเซีย และยืนยันว่าการบล็อคไม่ได้ช่วยหยุดการส่งอีเมลปลอม แต่กลับจะเป็นการบล็อคประชาชนรัสเซียไม่ให้มีโอกาสเข้าถึงบริการที่เคารพความเป็นส่วนตัวในการสื่อสาร เพราะว่าผู้ที่จะส่งอีเมลปลอมก็ยังสามารถหลบเลี่ยงการบล็อคด้วยการใช้ VPN หรือว่าจะไปใช้บริการอีเมลอื่นก็ได้
นอกจาก ProtonMail แล้ว บริการใกล้เคียงอย่าง ProtonVPN ก็ถูกบล็อคในรัสเซียเช่นกัน
ที่มา - The Moscow Times
ภาพจาก ProtonMail |
# AMD จะเริ่มผลิตชิปให้คอนโซลไมโครซอฟท์-โซนี่ในไตรมาส 2/2020
มาถึงตอนนี้เรายังคงไม่รู้สเปกที่ชัดเจนของคอนโซลยุคหน้า Xbox Series X และ PS5 ที่จะวางขายช่วงปลายปีนี้ รู้เพียงว่ามันใช้ชิปออกแบบพิเศษ (semi-custom) จาก AMD ที่มาจากสถาปัตยกรรมซีพียู Ryzen และจีพียู RDNA
Lisa Su ซีอีโอของ AMD ให้ข้อมูลเพิ่มเติม (อีกนิด) ในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 4/2019 ว่า AMD จะเริ่มผลิตชิปออกแบบพิเศษในไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 และเริ่มผลิตเป็นจำนวนมากในครึ่งหลังของปี
กรอบเวลานี้ช่วยยืนยันว่าเราน่าจะได้เห็นการวางขายคอนโซลรุ่นใหม่ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 เป็นอย่างเร็ว ซึ่งตามปกติแล้ว เกมคอนโซลมักวางขายในเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้สอดคล้องกับเทศกาลซื้อของช่วงปลายปี (ทั้ง Xbox One และ PS4 วางขายในเดือนพฤศจิกายน 2013)
ที่มา - VentureBeat |
# Garena ซื้อกิจการ Phoenix Labs ผู้สร้างเกม Dauntless บนพีซีและคอนโซล
Garena ผู้จัดจำหน่ายเกมออนไลน์รายใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ภายใต้บริษัท Sea Limited) ประกาศซื้อ Phoenix Labs สตูดิโอเกมอิสระจากแคนาดา เจ้าของผลงาน Dauntless เกม action RPG แนวล่ามอนสเตอร์แบบ co-op บนพีซีและคอนโซล
Phoenix Labs ก่อตั้งเมื่อปี 2014 ที่เมืองแวนคูเวอร์ โดยอดีตพนักงานจาก Riot Games มีผลงานเกมแรกคือ Dauntless ที่เปิดตัวในปี 2016 และเปิดให้เล่นจริงในปี 2019 และมีผู้เล่นมากกว่า 20 ล้านคนแล้ว ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานกว่า 100 คน กระจายอยู่ตามสำนักงานในแวนคูเวอร์ ซีแอทเทิล ซานฟรานซิสโก
Garena เคยลงทุนใน Phoenix Labs มาก่อนแล้ว เมื่อบวกกับทิศทางของบริษัทในช่วงหลังที่หันมาพัฒนาเกมของตัวเอง แทนการซื้อไลเซนส์เกมมาทำตลาดเพียงอย่างเดียว (เกมแรกที่ Garena ทำเองคือ Free Fire ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง) การซื้อ Phoenix Labs เพื่อเสริมจำนวนเกมในสังกัดจึงสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของ Garena เป็นอย่างดี
หลังซื้อกิจการแล้ว ทีมบริหารของ Phoenix Labs จะยังทำงานต่อไป และใช้ทรัพยากรจาก Garena ขยายบริการเกม Dauntless ไปยังภูมิภาคเอเชีย-ละตินอเมริกา รวมถึงออกเกมเวอร์ชันมือถือด้วย ส่วนมูลค่าการซื้อกิจการนั้นไม่ได้เปิดเผย
ที่มา - Sea |
# Dyson เปิดตัวหลอดไฟ Lightcycle Morph ปรับหมุนได้หลายทิศทาง ใช้ได้นาน 60 ปี เริ่มต้น 20,000 บาท
Dyson เปิดตัว Lightcycle Morph หลอดไฟรุ่นใหม่ที่มาพร้อมความยืดหยุ่น ปรับได้หลายรูปแบบตามลักษณะการใช้งาน และมีอายุการใช้งานยาวนาน
หลอดไฟใหม่จาก Dyson นี้ ลักษณะยังคงคล้ายกับ Lightcycle ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว มีฟีเจอร์คล้าย ๆ กัน เช่น ปรับแสงตามแสงอาทิตย์ มีแกนสามแกนสำหรับการปรับหมุนไปในทิศทางต่าง ๆ โดยวิธีใช้งานก็มีตั้งแต่การใช้หลอดไฟส่องแสงสว่างตรง ๆ หรือจะใช้สะท้อนแสงกับผนัง, พื้น หรือเพดานก็ได้ ควบคุมแสงไฟได้จากแอป Dyson Link
ตัวหลอดไฟของ Dyson สามารถปรับได้หลายสี ทั้งสีวอร์ม, สีส้ม หรือจะทำเลียนแบบแสงเทียนก็ได้, มีระบบพรีเซ็ทที่ไว้บันทึกค่าและสั่งให้ตั้งค่าให้ปรับแสงไฟตามที่กำหนด สูงสุด 20 แบบ, Age Adjust ปรับความสว่างตามความเหมาะสมของอายุผู้ใช้งาน, พอร์ต USB-C และเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่จะปิดไฟเมื่อไม่มีใครอยู่
อายุการใช้งานของหลอดไฟรุ่นใหม่นี้ยาวนานถึง 60 ปี ซึ่ง Dyson ระบุว่าใช้ระบบหมุนเวียนความร้อนที่ช่วยนำความร้อนออกจากหลอดไฟโดยไม่ต้องใช้พลังงาน และคงคุณภาพของแสงไฟได้จนถึงอายุขัยของหลอดไฟ
Dyson Lightcycle Morph มีสองรุ่น คือรุ่นวางโต๊ะ ราคา 650 ดอลลาร์ หรือราว 20,000 บาท หรือวางพื้น ราคา 850 ดอลลาร์ หรือราว 26,000 บาท
ที่มา - Dyson, Engadget
ภาพจาก Dyson |
# เปิดราคา Galaxy Note 10 Lite 17,990 บาท ปากกาตัวเดียวกับรุ่นใหญ่, S10 Lite 18,900 บาท
เมื่อช่วงปีใหม่ ซัมซุงเปิดตัว Galaxy S10 Lite และ Note 10 Lite เรือธงรุ่นลดสเปกเพื่อให้ราคาถูกลงมา วันนี้ซัมซุงประกาศราคาและวันวางจำหน่ายมือถือทั้งสองรุ่นในไทยแล้ว
Galaxy S10 Lite วางขาย 31 มกราคม 2563 ราคา 18,900 บาท
Galaxy Note 10 Lite วางขาย 7 กุมภาพันธ์ 2563 ราคา 17,990 บาท
จุดเด่นของ Galaxy Note 10 Lite คือปากกา S Pen ที่มีฟีเจอร์เหมือน Note 10 รุ่นใหญ่ (ปากกามี Bluetooth ใช้เป็นรีโมทได้) รวมถึงมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรที่รุ่นใหญ่ไม่มี
ซัมซุงนำเข้ามาขายในไทย 2 สีคือ Aura Glow และ Aura Black (ขาด Aura Red ที่ขายเฉพาะในต่างประเทศ) คนที่พรีออเดอร์ก่อนล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 31 มกราคม-6 กุมภาพันธ์ ยังจะได้ของแถมเป็นสายรัดข้อมือ Galaxy Fit e ด้วย
ส่วน Galaxy S10 Lite มีจุดเด่นคือกล้องหลัก 48MP พร้อม OIS (Note 10 Lite ใช้กล้องหลัก 12MP), มีเลนส์มาโคร 5MP (Note 10 Lite เป็นเลนส์เทเล 12MP ส่วนเลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP มีเหมือนกันทั้งสองรุ่น) และใช้ซีพียูแรงกว่าคือ Snapdragon 855
ซัมซุงไทยขายครบทั้ง 3 สีคือ Prism White, Prism Black และ Prism Blue |
# ไมโครซอฟท์วางขาย Surface Hub 2S ในไทย ราคา 3 แสนบาท, ขาตั้งพร้อมล้อ 5 หมื่นบาท
ไมโครซอฟท์ประเทศไทย ประกาศวางขาย Surface Hub 2S กระดานไวท์บอร์ดอัจฉริยะที่นำมาโชว์ครั้งแรกในปี 2018 และเริ่มวางขายจริงในสหรัฐอเมริกาช่วงกลางปี 2019
สเปกคร่าวๆ ของ Surface Hub 2S ใช้หน้าจอขนาด 50" ขอบจอบาง ความละเอียด 4K, มาพร้อมกล้องวิดีโอ Surface Hub 2S Camera สำหรับการประชุมทางไกล, ออกแบบมาให้ทำงานกับแอพของไมโครซอฟท์ เช่น Office 365 และ Microsoft Teams
ราคาเฉพาะตัวจอ (พร้อมปากกาและกล้อง) อยู่ที่ 308,160 บาท ถ้าต้องการขาตั้งพร้อมล้อเลื่อนด้วย ราคา 49,614 บาท เริ่มวางขายในไทย 23 มีนาคม 2563 ผ่านตัวแทนจำหน่ายของไมโครซอฟท์ในไทย ได้แก่ Add in Business, Ciphermed, ESCO (Thailand), Lannacom, M.I.S. Outsourcing, Ricoh (Thailand), RTB Technology และ WTC Computer
หมายเหตุ: ไมโครซอฟท์ในไทยบอกว่าราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามค่าเงินในแต่ละช่วง โดยราคาขายในสหรัฐอเมริกาคือ 8,999.99 ดอลลาร์ (ประมาณ 280,000 บาท) ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษี |
# [How-To] ดาวน์โหลด ดูว่ากิจกรรมนอกแอปอะไรบ้าง ที่ Facebook ได้ไป
ในบทความที่แล้ว Blognone เสนอวิธี ดูข้อมูลกิจกรรมนอกแอปที่ Facebook ได้ไป และวิธีล้างประวัติกิจกรรมออก ในบทความนี้จึงเสนอวิธีดาวน์โหลดออกมาดูว่า Facebook มีกิจกรรมนอกแอปอะไรของเราบ้าง โดยข้อมูลที่ดาวน์โหลดออกมานี้จะมีข้อมูลละเอียดขึ้น ระบุว่าข้อมูลแต่ละชุดทาง Facebook ได้มาเวลาใด
วิธีดาวน์โหลดข้อมูล Off-Facebook Activity ผ่านเดสก์ทอป
กดที่เมนู Download Your Information
กด deselect all หรือกดติ๊กเครื่องหมายถูกออกให้หมด
เลื่อนหน้าจอมาด้านล่างสุด กดเครื่องหมายถูกที่เมนู Ads and Business
เลื่อนหน้าจอไปด้านบน กด Create File
ระบบจะใช้เวลาสักครู่เพื่อสร้างไฟล์ copy และจะแจ้งเตือนให้รู้เมื่อไฟล์พร้อมดาวน์โหลดแล้ว
กดที่การแจ้งเตือนนั้นเพื่อเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์
ข้อมูลที่ได้จะเป็น html format แบ่งเป็น folder ดังนี้
ข้อมูล Your Off-Facebook Activity จะไม่บอกอะไรเรามาก คือแต่ให้เรารู้ว่า Facebook รู้ว่าเราคลิกดูเว็บอะไร แต่ก็ไม่บอกอยู่ดีว่าเนื้อหาที่เราคลิกดูนั้นเกี่ยวกับอะไร
ส่วน folder Advertisers Who Uploaded a Contact List With Your Information จะแสดงรายการแบรนด์โฆษณาที่ยิงโฆษณามาหาเราบน Facebook
ใน folder Ads Interest จะรวบรวมเอาคีย์เวิร์ด และความสนใจของเราผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เราทำบนโลกออนไลน์มาไว้ด้วยกัน เป็นเหมือนทิศทางให้ระบบรู้ว่าควรลงโฆษณาแบบไหนมาให้เรา โดยอ้างอิงจากคำเหล่านี้ ซึ่งมีรวบรวมไว้เป็นร้อยๆ คีย์เวิร์ด เรียงตามตัวอักษร
ใน folder Advertisers You've Interacted With จะรวมเอาโฆษณาที่เราคลิกเข้าไปดูมาไว้ด้วยกัน แม้ส่วนตัวผู้เขียนจะมั่นใจมากว่าในหลายๆ อัน ก็ไม่เคยคลิกเข้าไปดูแน่ๆ แต่ Facebook ก็รวบรวมมาไว้ให้
วิธีทำผ่านโทรศัพท์มือถือ
กดเมนู Settings ตรงสามขีดด้านขวาบน > กดเมนู Download Your Information > หก Deselect All > เลื่อนหน้าจอลงมาด้านล่างและกดเมนู Ads and Businesses
กดที่ Available Copies จากนั้นกด Download รอระบบแจ้งเตือน ก็สามารถกดดาวน์โหลดเข้าเครื่องได้เลย |
# LINE ไตรมาส 4/2019 ญี่ปุ่นและไทยมี users เพิ่มขึ้น, LINE Pay มีผู้ใช้งาน 6.52 ล้านบัญชี
LINE รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2019 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 8.6% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 60,783 ล้านเยน และขาดทุนสุทธิ 14,582 ล้านเยน ทั้งนี้รายได้ส่วนใหญ่ของ LINE (79%) มาจากในประเทศญี่ปุ่น
จำนวนผู้ใช้งานแบบเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) ใน 4 ประเทศหลักมี 164 ล้านบัญชี โดยในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 4 ล้านบัญชีเป็น 83 ล้านบัญชี ไทยเพิ่มขึ้น 1 ล้านบัญชีเป็น 45 ล้านบัญชี ไต้หวันคงที่ และอินโดนีเซียลดลง
ธุรกิจหลักของ LINE (โฆษณา-คอนเทนต์) รายได้รวมเพิ่มขึ้น 11.5% เป็น 51,830 ล้านเยน และมีกำไรจากการดำเนินงานส่วนนี้ 6,625 ล้านเยน ขณะที่ธุรกิจใหม่ตามกลยุทธ์ซึ่งมีการลงทุนสูง รายได้ลดลง 5.7% เป็น 8,953 ล้านเยน ขาดทุนเฉพาะส่วนนี้ 14,145 ล้านเยน
LINE ยังอัพเดตตัวเลขของบริการ LINE Pay ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจใหม่เชิงกลยุทธ์ มีจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมด 6.52 ล้านบัญชี ในญี่ปุ่น 3.7 ล้านบัญชี และมีเงินที่ใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์ม (GMV) รวม 3.55 แสนล้านเยน
ที่มา: LINE |
# [How-To] ดูข้อมูลกิจกรรมนอกแอปที่ Facebook ได้ไป และวิธีล้างประวัติกิจกรรมออก
จากข่าว แล้วจะรู้ว่าทำไมไม่ต้องดักฟัง Facebook เปิดให้ดูข้อมูลที่ได้จากนอก Facebook แล้ว หรือการเปิดบริการ Off-Facebook Activity ที่แสดงให้เห็นว่า Facebook ได้ข้อมูลกิจกรรมอะไรบ้างที่เราทำแม้ไม่ได้เข้า Facebook ก็ตาม และเสนอช่องทางลบประวัติกิจกรรมมาด้วย
ต้องบอกก่อนว่า กิจกรรมเหล่านี้ ไม่ใช่แค่แอปพลิเคชั่นภายนอกที่เราใช้ Facebook เพื่อล็อกอินเข้าใช้งาน แต่เป็นกิจกรรมนอกแอป Facebook โดยสิ้นเชิง คือ คลิกดูเว็บข่าว เล่นเกม กิจกรรมที่ทำบนแอปธนาคาร เป็นต้น ซึ่งอาจตอบข้อสงสัยของใครหลายคนว่าทำไม Facebook ขึ้นโฆษณามาให้เหมือนดักฟัง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่การดักฟัง แต่ส่วนหนึ่งมาจากการที่เว็บไซต์และแอปภายนอกนั้นส่งข้อมูลกิจกรรมกลับมายัง Facebook ทำให้ Facebook คาดเดาความสนใจได้นั่นเอง
วิธีทำบนเดสก์ทอป
กดที่ปุ่มสามเหลี่ยมหัวทิ่ม ตรงมุมขวาของหน้าจอ จากนั้นกด Settings หรือเข้าที่บริการ Off-Facebook Activity ผ่านลิงค์
กดที่ Your Facebook Information
กด View ที่เมนู Off-Facebook Activity
เมื่อเข้ามาถึงหน้านี้จะเจอคำอธิบายบริการ Off-Facebook Activity พร้อมช่องทางให้กดดูกิจกรรมของตัวเอง และช่องทางล้างประวัติกิจกรรมของตัวเองออก เมื่อกดที่ใดที่หนึ่ง ระบบจะให้เราใส่รหัสผ่าน Facebook เพื่อยืนยันตัวตนอีกครั้ง
จากนั้นระบบจะพามาที่หน้าข้อมูล Off-Facebook Activity ของเรา สามารถกดล้างข้อมูลทั้งหมดโดยกดที่ Clear History ด้านบน
ในกรณีที่ผู้ใช้งานอยากรู้ว่า แต่ละเพจส่งข้อมูลอะไรให้ Facebook บ้างนั้น บริการนี้ไม่มีบอกไว้ Facebook ให้ดูแค่จำนวนกิจกรรมที่เราทำกับเพจ, เว็บไซต์นั้นๆ เท่านั้น สามารถกดดูที่แต่ละเพจได้
อย่างในกรณีภาพด้านล่างระบุว่า ผู้เขียนมีกิจกรรมกับเว็บไซต์ Hollywood Reporter 40 กิจกรรม Facebook ยกตัวอย่างกิจกรรมกลางๆ เพจนอกส่งให้คือ การเปิดแอป, การล็อกอินโดย Facebook, การเข้าชมเว็บไซต์, การค้นหา, การเพิ่มสินค้าเข้าตะกร้าซื้อของ เป็นต้น
ในหน้านี้ Facebook ระบุเหตุผลที่ใช้ข้อมูลกิจกรรมเหล่านี้เพื่อแสดงเนื้อหาที่ผู้ใช้งานสนใจ, แสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องที่แนะนำผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ และยังบอกด้วยว่าไม่ได้เปิดเผยข้อมูลให้เพจนอก และไม่ขายข้อมูล
เลื่อนหน้าจอมาด้านล่างจะเจอปุ่มปิดกิจกรรมนอกแอปกับเว็บไซต์นั้นๆ ได้ ในกรณีที่ไม่อยากล้างออกทั้งหมด
แต่สิ่งที่ต้องรู้เมื่อกดลบคือ แม้จะลบข้อมูลออกไปแล้ว เราก็ยังอาจเจอโฆษณาจากเพจและเว็บไซต์นั้นๆ ต่อไป และถ้าใช้ Facebook ในการล็อกอินใช้บริการ หลังจากลบข้อมูลก็จะไม่สามารถใช้ Facebook ล็อกอินเข้าบริการนั้นได้อีกต่อไป
เมื่อลบแล้ว ผู้ใช้สามารถเข้าไปดูกิจกรรมนอกแอปที่ลบออกได้ที่เมนู Manage Future Activity
จากนั้นจะเจอรายการเว็บไซต์ที่เราล้างประวัติกิจกรรมและการเชื่อมต่อกับ Facebook ออกไป ในขั้นตอนนี้ ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนใจให้ประวัติกิจกรรมยังคงอยู่ต่อไปได้ด้วย โดยกดที่ Allow activity from hollywoodreporter.com to stay connected to your account
วิธีทำบนโทรศัพท์มือถือ
กดเมนู Settings จากนั้นเลื่อนหน้าจอด้านล่างมาที่เมนู Your Facebook Information และกดที่ Off-Facebook Activity
กดเข้ามาจะเจอเว็บไซต์และบริการนอกแอปที่เรามีกิจกรรมร่วมด้วย สามารถกดล้างประวัติกิจกรรมจากหน้านี้ได้เลย
ในบทความหน้า จะเสนอวิธีการดาวน์โหลดข้อมูลกิจกรรมนอกแอป Facebook เพื่อจะได้เห็นชัดขึ้นว่า Facebook ได้กิจกรรมอะไรไปบ้าง และมีผู้ลงโฆษณารายใดที่ใช้ข้อมูลเพื่อยิงโฆษณามาหาเราบ้าง |
# Foxconn ยืนยันผลิตชิปได้ตามความต้องการลูกค้า แม้มีโรคระบาด
ท่ามกลางปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีน จนส่งผลต่อไลน์การผลิตในหลาย ๆ ภาคส่วน อย่าง Foxconn ผู้ผลิตชิปเซ็ตรายใหญ่ก็มีโรงงานใหญ่ในอู่ฮั่นด้วย
อย่างไรก็ตาม Foxconn ออกมายืนยันว่ามีมาตรการรองรับเอาไว้แล้วและยืนยันว่าสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งหมดได้ แต่ขอไม่เปิดเผยวิธีการหรือกระบวนการการแก้ปัญหาของตัวเอง ขณะที่ TSMC ของไต้หวันที่มีโรงงานในเซี่ยงไฮ้และนานกิงของจีนยืนยันว่ากระบวนการผลิตไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้
ที่มา - Reuters
ภาพจาก Foxconn |
# ค่ายมือถือไทยเตรียมศึกษาตั้งบริษัทให้บริการ Digital ID
ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยทั้ง 5 ราย ได้แก่ CAT, dtac, TOT, True, และ AIS ลงนามบันทึกความร่วมมือศึกษาและพัฒนาการพิสูจน์และยืนยันตัวตนดิจิทัล เปิดทางการใช้โทรศัพท์มือถือยืนยันตัวตน
การใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อยืนยันตัวตนได้รับความนิยมสูงอยู่แล้วในปัจจุบัน จากการที่ประเทศไทยมีหมายเลขโทรศัพท์ใช้งานอยู่ถึง 130 ล้านเลขหมาย แต่ก็มีข่าวถึงการขโมยเบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือการออกซิมโดยไม่ได้รับอนุญาตในประเทศไทยอยู่เนืองๆ
นายสืบศักดิ์ สืบภักดี กรรมการสมาคมโทรคมนาคม ระบุว่าบริษัท Mobile National ID (MNID) ที่จะก่อตั้งจากความร่วมมือนี้จะใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างเคร่งครัด โดยอาจใช้โทรศัพท์มือถือร่วมกับการพิสูจน์ตัวตนทางอื่น เช่น ใบหน้าหรือลายนิ้วมือเพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงจากความผิดพลาด
ที่มา - จดหมายข่าว AIS |
# ส่วนแบ่ง iOS 13 ล่าสุดเพิ่มเป็น 70% แล้ว ของผู้ใช้อุปกรณ์ iOS ทั้งหมด
แอปเปิลอัพเดตตัวเลขส่วนแบ่งผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS 13 และ iPadOS 13 โดย iOS 13 มีการใช้งานอยู่ 77% บน iPhone ที่วางจำหน่ายช่วง 4 ปีย้อนหลัง ส่วน iOS 12 มี 17% และ 6% เป็นเวอร์ชันเก่ากว่านั้น แต่หากนับรวม iPhone ทั้งหมดที่ยังมีการใช้งาน iOS 13 จะมีส่วนแบ่งเป็น 70% และ iOS 12 มี 23%
ตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับ iOS 12 โดยเมื่อเดือนมกราคมในปีที่แล้ว iOS 12 มีส่วนแบ่ง 78%
ที่น่าสนใจคือส่วนแบ่งของ iPad โดย iPadOS มีจำนวน 79% หากดูเฉพาะ iPad ที่ขายช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แต่ตัวเลขนี้เป็น 57% ถ้าเทียบกับ iPad ทั้งหมดที่มีการใช้งาน สะท้อนว่า iPad เป็นอุปกรณ์ที่มีคนใช้งานรุ่นเก่าอยู่ค่อนข้างมากนั่นเอง
ที่มา: MacRumors |
# ทีมพัฒนา Plague Inc. เตือน อย่าใช้เกมเป็นแหล่งข้อมูลการแพร่ระบาด
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) ทำให้เกมแพร่เชื้อโรคอย่าง Plague Inc. กลับมาได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม อย่างไรก็ตามด้วยความค่อนข้างสมจริงของเกม ทำให้ Ndemic Creations สตูดิโอพัฒนาออกมาเตือนว่า Plague Inc. เป็นแค่เกมและไม่ควรใช้อ้างอิงหรือเป็นแหล่งข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับการระบาดที่กำลังเกิดในขณะนี้
ทีมงานบอกว่าแม้ Plague Inc. จะถูกออกแบบมาเสมือนจริงและให้ข้อมูลหรือความรู้แค่ไหนก็ตาม (จนถูก CDC หรือโรงเรียนแพทย์นำไปใช้อ้างอิงหรือพูดถึงอยู่เนือง ๆ) แต่ Plague Inc. ก็ยังเป็นแค่เกม ไม่ใช่โมเดลทางวิทยาศาสตร์ และแนะนำให้ติดตามข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณะสุขเป็นการดีที่สุด
ส่วนการติดตามข้อมูลของโคโรนาไวรัส มีทั้งจาก WHO ที่มีคำแนะนำวิธีการป้องกันการติดเชื้อ และ CDC สหรัฐ ส่วนข้อมูลผู้ติดเชื้อทั่วโลกติดตามได้ที่นี่
ที่มา - Ndemic Creations |
# KBank ตั้งบริษัทลูก Kasikorn X ทำธุรกิจใหม่ เป้าหมายสร้าง Fintech Unicorn รายแรกในไทย
นายเรืองโรจน์ พูนผล หรือ "กระทิง" ประธานของกสิกร บิสซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ประกาศตั้งบริษัทลูก Kasikorn X หรือตัวย่อ KX
Kasikorn X มีภารกิจสร้าง Fintech Unicorn รายแรกของประเทศไทยให้ได้ โดยใช้โมเดลธุรกิจที่โตแบบก้าวกระโดด (S-Curve) เพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ ให้กับเครือธนาคารกสิกรไทย
KX จะมีการดำเนินงานที่เป็นอิสระจากธนาคารกสิกรไทย และ KBTG โดยมีวัฒนธรรมองค์กรและรูปแบบการจ่ายผลตอบแทนพนักงานเหมือนกับสตาร์ตอัพ |
# KBank ประกาศตั้งบริษัท KAITAI Technology ที่เซินเจิ้น ดึงนวัตกรรมจากจีนมาไทย
นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ประกาศในงานแถลงวิสัยทัศน์ประจำปี 2020 ว่าธนาคารกสิกรไทยกำลังอยู่ระหว่างขอจัดตั้ง บริษัท ไคไต้ เทคโนโลยี จำกัด (KAITAI Technology Company Limited) ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน
เป้าหมายของ KAITAI Technology คือพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนธุรกิจของธนาคารกสิกรไทยในประเทศจีน และนำนวัตกรรมกลับมาใช้กับธนาคารกสิกรไทยในประเทศไทยด้วย
เหตุผลที่เลือกเมืองเซินเจิ้นเป็นที่ตั้ง เพราะเป็นแหล่งศูนย์รวมเทคโนโลยีของประเทศจีน ตามวิสัยทัศน์ Greater Bay Area ของรัฐบาลจีนที่ต้องการผลักดันพื้นที่ตรงนี้เป็นซิลิคอนวัลเลย์แห่งเอเชีย
นอกจากนี้ นายพิพิธ ยังเล่าผลงานของบริษัทลูก KVision ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2018 ว่าออกไปตั้งสำนักงานใน 4 เมืองแล้วคือ เทลอาวีฟ จาการ์ตา โฮจิมินห์ซิตี้ เซินเจิ้น และมีพาร์ทเนอร์ทางเทคโนโลยีมากกว่า 1,000 ราย
นายเรืองโรจน์ พูนผล หรือ "กระทิง" ประธานของกสิกร บิสซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) จะมาเป็นประธานของ Kaitai Tech ด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง และระบุว่าจะจ้างนักพัฒนาในประเทศจีน 300 คน ภายในปีนี้จะจ้างพนักงานได้ประมาณ 80-90 คน ทำงานด้านการพัฒนาและเข้าถึงเทคโนโลยีจากตลาดฟินเทคในจีน |
# KBank เผย จำนวนคนไปสาขาธนาคารลดลงจาก 7 ล้านเหลือ 5.5 ล้านคนใน 2 ปีที่ผ่านมา
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ประกาศข้อมูลการทำธุรกรรมที่สาขาของธนาคารกสิกรไทย ว่าลดลงอย่างชัดเจนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (เทียบตัวเลขปี 2017 กับ 2019)
ปี 2017 มีลูกค้าไปสาขา 7 ล้านคน, ธุรกรรมรวม 160 ล้านครั้ง
ปั 2019 มีลูกค้าไปสาขา 5.5 ล้านคน, ธุรกรรมรวม 121 ล้านครั้ง
ในขณะที่ช่วงเวลาเดียวกัน ธุรกรรมผ่านแอพ K PLUS เพิ่มจาก 2,900 ล้านครั้งในปี 2017 เพิ่มเป็น 8,500 ล้านครั้งในปี 2019 อัตราการเติบโตของธุรกรรมจากสาขาไปยังช่องทางดิจิทัลโตขึ้น 198%
นายพัชร บอกว่าสาขายังมีความสำคัญอยู่ โดยสังเกตได้จากการยืนยันตัวตน (authentication) ที่ลดลงไม่เยอะ (จาก 13 ล้านเป็น 12 ล้านครั้ง) ซึ่งในอนาคตเราจะมีงานด้านยืนยันตัวตนมากขึ้นเรื่อยๆ การยืนยันตัวตนแบบต่อหน้า (face-to-face) จะกลายเป็นงานสำคัญที่เกิดขึ้นในสาขาของธนาคาร
นายพัชรยังบอกว่าลูกค้ายังมีพฤติกรรมใช้งานทั้งผ่านสาขาและผ่านดิจิทัลอยู่ ดังนั้นธนาคารจะต้องโฟกัสไปที่การให้บริการทั้งสองช่องทางให้ราบรื่น |
# [Dota 2] Valve เปิดตัวสารคดี True Sight: The International 2019 เจาะลึกเรื่องราวหลังฉาก TI9
กลับมาอีกครั้งกับสารคดีที่แฟน Dota 2 ทุกคนรอคอย เมื่อ Valve ได้เปิดตัว True Sight: The International 2019 อย่างเป็นทางการ ซึ่งสารคดีชุด True Sight นี้คือการพาทุกคนไปสัมผัสกับบรรยากาศของรอบชิงชนะเลิศรายการ The International ซึ่งมีตั้งแต่บรรยากาศในบูธแข่งขัน การพูดคุยกันระหว่างเกม การพูดคุยระหว่างช่วงพักของทีม หรือ บรรยากาศความดีใจและเศร้าเสียใจของผู้ชนะและผู้แพ้หลังจบการแข่งขัน
สำหรับ True Sight: The International 2019 นี้ ทุกคนจะได้รับชมการเจอกันระหว่าง Team Liquid (หรือ ในขณะนี้คือ Nigma) กับ OG ซึ่งทั้งคู่ต่างเคยเป็นแชมป์รายการนี้มาแล้วทั้งคู่ และกำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกใน Dota 2 ด้วยการเป็นแชมป์สองสมัยเป็นครั้งแรก
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ True Sight: The International 2019 นอกจากที่เราจะได้เห็นมุมมองผู้เล่นแต่ละคนกับเกมและสถานกาณณ์ตรงหน้าแล้ว ยังมีการนำจังหวะเด็ดภายในเกมมาทำเป็นอนิเมชันเพื่อบอกเล่าโมเมนต์สำคัญนั้นในอีกรูปแบบหนึ่งอีกด้วย
ผู้ที่สนใจสามารถรับชมได้ ที่นี่
ภายในงานเปิดตัวสารคดีดังกล่าว ทีม OG ได้แถลงความคืบหน้าเรื่องสมาชิกของทีมอีกด้วย โดยพวกเขาได้เปิดตัว Syed Sumail "SumaiL" Hassan อดีตผู้เล่น Evil Geniuses ชุดแชมป์ TI5 มาร่วมทีมอย่างเป็นทางการ และในวันก่อนหน้านี้ OG ได้ประกาศผ่าน blog ของพวกเขาว่า Sébastien ”Ceb” Debs ขอวางมือจาการเป็นผู้เล่นหลักของทีมและย้ายไปดูแลงานเบื้องหลังและโค้ชแทน ส่งผลในฤดูกาลนี้ ผู้เล่น OG ชุดแชมป์ TI9 จะเหลือเพียง Johan ”N0tail” Sundstein และ Topias Miikka "Topson" Taavitsainen เท่านั้น หลังจากที่มีการประกาศการถอนตัวของ ana และ JerAX ไปก่อนหน้านี้
ที่มา: Youtube: dota 2, Twitter: OG |
# Valve Index ขายได้เพิ่มกว่าแสนตัวเพราะ Half-Life: Alyx อาจมากกว่านี้ถ้าของไม่หมด
หลังจาก Valve ประกาศเปิดตัว Half-Life: Alyx ภาคต่อของเกมที่หายไปนานกว่าทศวรรษ ก็ทำให้ตัว Valve Index ขายดิบขายดีจนขาดตลาดในหลายๆประเทศ แต่เราก็ไม่รู้ยอดขายของตัว Valve Index ว่ามากกว่าเดิมเท่าไหร่
ล่าสุดทาง SuperData องค์กรที่คอยเก็บรวมรวบและวิเคราะห์ข้อมูล ได้ออกมาเปิดเผยว่ายอดขาย Valve Index ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2019 อยู่ที่ 1.03 แสนเครื่อง รวมทั้งปี 1.49 แสนเครื่อง (เท่ากับว่าก่อนหน้า Half-Life: Alyx เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน Valve Index ขายได้แค่ราว 4.6 หมื่นเครื่องเท่านั้น) ซึ่งยอดขายในไตรมาส 4 นี้มากที่สุดในบรรดาเครื่อง VR สำหรับ PC แม้จะมีราคาถึง $999 และถ้าตัวเครื่องไม่มีปัญหาของขาดตลาดทั่วโลก ยอดขายน่าจะพุ่งสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
ภาพจาก Steam
สำหรับยอดขาย VR เจ้าอื่น ๆ ในไตรมาส 4 PlayStation VR ขายได้ 3.38 แสนเครื่องโดยมี Oculus Quest ตามมาติดๆที่ 3.17 แสนเครื่อง ในขณะที่ยอดขายทั้งปีของ Oculus Quest อยู่ที่ 7.05 แสนเครื่อง มากกว่า Oculus Go และ Oculus Rift S รวมกัน
ที่มา - SuperData |
# อินเดียยืนกรานใช้ระบบจดจำใบหน้าตามสถานีรถไฟ แม้มีข้อกังวลเรื่องละเมิดสิทธิ
การรถไฟในอินเดีย จะใช้ระบบจดจำใบหน้าตามสถานีรถไฟ มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับอาชญากรรม และจะนำมาใช้อย่างทั่วถึงภายในปี 2020 นี้ แม้จะมีข้อกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวก็ตาม
ระบบจดจำใบหน้ากำลังทดลองใช้ในศูนย์กลางเทคโนโลยีของ Bengaluru ซึ่งมีการสแกนใบหน้าอยู่แล้วทุกวันราวครึ่งล้านราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินเดียไม่ประสงค์ออกนามระบุกับ Reuters ว่า การใช้ระบบเท่ากับว่า สถานีรถไฟจะเสมือนเป็นป้อมปราการเพื่อความปลอดภัย
เจ้าหน้าที่ยังบอกด้วยว่า ข้อมูลใบหน้าจะถูกเก็บไว้ 30 วัน หน่วยงานที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยเชิง security คือ Railway Protection Force แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติม
มีข้อกังวลเรื่องการใช้ระบบจดจำใบหน้า โดยเฉพาะบังคับใช้โดยอินเดีย Raman Jit Singh Chima ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายของเอเชียในกลุ่มสิทธิ์ดิจิตอล Access Now ระบุว่ามาตรการดังกล่าวนั้นอันตราย และไม่มีความชัดเจนเลยว่าใครสามารถเข้าถึงข้อมูลได้บ้าง ถือเป็นการบุกรุกความเป็นส่วนตัวอย่างชัดเจน ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานโลก
ก่อนหน้านี้ ตำรวจลอนดอนก็ประกาศใช้ระบบจดจำใบหน้าเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมด้วยเช่นกัน
ภาพจาก Shutterstock
ที่มา - The Straits Times |
# กูเกิลปล่อย Android Flash Tool เครื่องมือแฟลชรอม Pixel ง่ายๆ ผ่านเบราว์เซอร์
จุดประสงค์แรกเริ่มของโครงการ Pixel คือการสร้างมาตรฐานหรือชี้แนะแนวทางของสมาร์ทโฟนให้ผู้ผลิตรายอื่นทำตาม รวมถึงให้นักพัฒนาแอพได้ทดสอบแอพของตนกับ Android เวอร์ชันที่ผ่านการปรับแต่งน้อยที่สุด ซึ่งผลคือ Pixel กลายเป็นหนึ่งในมือถือที่วงการแฟลชรอมนิยมกันมาก
ล่าสุดกูเกิลได้ปล่อยเครื่องมือตัวใหม่ในชื่อ Android Flash Tool ช่วยให้การแฟลชรอมเดิมๆ ของ Pixel เป็นไปได้ง่ายมากขึ้นโดยใช้เพียงเว็บเบราว์เซอร์
เริ่มแรกผู้ใช้ยังต้องเปิด USB debugging, ปลดล็อก bootloader และติดตั้งไดรเวอร์ ADB อยู่เหมือนเดิม แต่ขั้นตอนการแฟลชรอมนั้นง่ายขึ้นมาก เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ Android Flash Tool แล้วต่อสาย USB เข้ากับมือถือ Pixel จากนั้นก็กดอนุญาตให้เบราว์เซอร์เข้าถึง ADB key แล้วเลือกรุ่นของรอมที่ต้องการ และเบราว์เซอร์จะจัดการทุกอย่างต่อให้เอง
มือถือ Pixel รุ่นที่รองรับก็ตั้งแต่ Pixel 2 ไปจนถึง Pixel 4 ทุกรุ่นย่อย รวมถึงสามารถใช้กับบอร์ด HiKey ได้ด้วย ส่วนเบราว์เซอร์ที่รองรับคือ Chrome 79 และ Edge (Chromium) 79 ขึ้นไป
ที่มา – Android Authority |
# สิงคโปร์เริ่มใช้ข้อบังคับจัดการข่าวปลอมจากกรณีไวรัสโคโรน่าเป็นกรณีที่ 2 แล้ว
ไวรัสโคโรน่าระบาด ข่าวปลอมเกี่ยวกับไวรัสก็ระบาดด้วยเช่นกัน ที่สิงคโปร์มีผู้ใช้งาน Facebook เผยแพร่ข่าวปลอมว่าพบเจอผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าที่สถานีรถไฟและมีการปิดสถานีรถไฟฟ้า Woodlands MRT เพื่อทำการฆ่าเชื้อ
ข่าวปลอมดังกล่าวแพร่กระจายออกไป และมีผู้ใช้งาน Facebook นำไปโพสต์ต่อๆ กันเป็นจำนวนมาก จนกระทรวงคมนาคมของสิงคโปร์ออกมาโพสต์แก้ข่าวว่าไม่เป็นความจริง สถานีรถไฟยังทำงานปกติ โดยขอให้ประชาชนเน้นตามข่าวผ่านช่องทางรัฐบาลเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น www.moh.gov.sg หรือกลุ่ม Whatsapp ที่ https://go.gov.sg/whatsapp
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม Khaw Boon Wan เริ่มดำเนินการกับ Facebook ให้ทำการแก้ไขปัญหาข่าวปลอม ภายใต้กฎ Protection from Online Falsehoods and Manipulation Act (Pofma) ของสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นกรณีที่สองแล้วของไวรัสโคโรน่า โดยกรณีแรกเป็นข่าวปลอมจากนิตยสาร SPH ที่แพร่ข่าวปลอมผ่านฟอรั่ม HardwareZone ที่บอกว่ามีคนตายในสิงคโปร์จากเชื้อไวรัส
ที่มา - The Strait Times |
# Warcraft III: Reforged เวอร์ชันรีมาสเตอร์ของ Warcraft III วางขายแล้ววันนี้
Warcraft III: Reforged เวอร์ชันรีมาสเตอร์ของเกม RTS ในตำนาน Warcraft III วางขายแล้ววันนี้
Warcraft III: Reforged เป็นการนำเกมต้นฉบับ Warcraft III: Reign of Chaos และภาคเสริม The Frozen Throne มารวมกัน แล้วมารีมาสเตอร์และปรับปรุงโมเดลของตัวละครใหม่ เกมเวอร์ชันนี้มีเนื้อเรื่องให้เล่นมากถึง 60 ฉาก (จาก 4 เผ่าคือ Human, Orc, Night Elves, Undead) ส่วนการเล่นแบบมัลติเพลเยอร์ สามารถเล่นร่วมกับคนที่มี Warcraft III ภาคต้นฉบับได้ด้วย
เกมเวอร์ชันปกติขายในราคา 29.99 ดอลลาร์ และมี Spoils of War Edition ที่แถมสกินและไอเทมอื่นๆ ราคา 39.99 ดอลลาร์ มีให้เล่นทั้งบนวินโดวส์และแมค
ที่มา - Blizzard |
# Apple ออกอัพเดต iOS 13.3.1, iPadOS 13.3.1 และซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการอื่น
แอปเปิลออกอัพเดตซอฟต์แวร์ iOS 13.3.1 และ iPadOS 13.3.1 มีรายการปรับปรุงสำคัญคือการแก้ไขบั๊ก Communication Limits ที่มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังเพิ่มตัวเลือกปิดการทำงานของชิประบุพิกัด U1 ใน iPhone 11
รายการปรับปรุงอื่น ได้แก่ แก้ปัญหาแอปอีเมลโหลดรูปจากภายนอกแม้ตั้งค่าปิดไว้ และแก้ปัญหาการเตือนแบบพุชเมื่อเชื่อมต่อ Wi-Fi
นอกจากนี้ยังมีรายการอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์อื่นดังนี้
iOS 12.4.5 สำหรับอุปกรณ์ที่อัพเดตเป็น iOS 13 ไม่ได้
HomePod 13.3.1 Siri รองรับภาษาอังกฤษอินเดีย
watchOS 6.1.2 แก้ไขและปรับปรุงความปลอดภัยทั่วไป
macOS 10.15.3 ปรับปรุงประสิทธิภาพและการแสดงผล
ที่มา: 9to5Mac |
# Apple มีรายได้และกำไร ทำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้ง จากยอดขาย iPhone 11, AirPods และ Services
แอปเปิลรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2020 (ตุลาคม-ธันวาคม 2019) ไตรมาสนี้ถูกจับตามองมากเนื่องจากรวมยอดขายของ iPhone 11 ที่มีรายงานข่าวมาตลอดว่าขายดี ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้นเพราะรายได้รวมแอปเปิลเพิ่มขึ้นถึง 9% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนเป็น 91,819 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นสถิติใหม่สูงสุดของบริษัท มีกำไรสุทธิ 22,236 ล้านดอลลาร์ (อันนี้ก็สถิติสูงสุดเช่นกัน) และมีรายได้จากตลาดต่างประเทศ 61% ของรายได้รวม
ซีอีโอ Tim Cook กล่าวว่าการเติบโตสูงในไตรมาสที่ผ่านมา มาจากการตอบรับที่แข็งแกร่งของ iPhone 11 และ iPhone 11 Pro นอกจากนี้ยังมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจบริการ (Services) และอุปกรณ์สวมใส่ที่ต่างทำสถิติใหม่สูงสุดด้วยเช่นกัน จำนวนอุปกรณ์ที่ถูกเปิดใช้งานตอนนี้รวมมากกว่า 1,500 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตให้แอปเปิลต่อไป
รายได้ของแอปเปิลแยกตามภูมิภาคนั้นมีการเติบโตสูงทั้งหมด รวมทั้งจีนที่เติบโต 3% ยกเว้นญี่ปุ่นที่รายได้ลดลง 10% ส่วนที่เหลือในเอเชียเติบโต 6.5% รายได้แบบแยกตามกลุ่มธุรกิจ iPhone เพิ่มขึ้น 7.6% Mac ลดลง 3.4% iPad ลดลง 11% อุปกรณ์สวมใส่, อุปกรณ์ในบ้าน, อุปกรณ์เสริม (รวม Apple Watch และ AirPods) เพิ่มขึ้น 37% และธุรกิจบริการเพิ่มขึ้น 17%
ยังมีข้อมูลน่าสนใจเพิ่มเติมจากช่วงแถลงผลประกอบการ โดย Tim Cook และซีเอฟโอ Luca Maestri ดังนี้
รายได้จาก App Store และ AppleCare ในไตรมาสที่ผ่านก็ทำสถิติใหม่สูงสุดเช่นกัน
Apple News มีผู้ใช้งานแอคทีฟกว่า 100 ล้านบัญชี
ไม่ได้พูดถึงจำนวนผู้ชม Apple TV+ แต่บอกเพียง The Morning Show ได้รับการเสนอเข้าชิงและได้รางวัลต่าง ๆ
เกือบครึ่งของผู้ที่ซื้อ Mac และ iPad ในช่วงที่ผ่านมาเป็นลูกค้าใหม่
แอปเปิลมีเงินและรายการเทียบเท่ารวม 2.07 แสนล้านดอลลาร์ และมีหนี้สินราว 1.08 แสนล้านดอลลาร์
75% ของผู้ซื้อ Apple Watch เป็นลูกค้าใหม่
Tim Cook พูดถึงผลกระทบจากไวรัสโคโรนา ว่าแอปเปิลมีซัพพลายเออร์บางรายที่โรงงานอยู่ในเมืองอู่ฮั่น แต่มีโรงงานอื่นทดแทนได้ทั้งหมด
พูดถึงการมาของ 5G ว่ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่จะไม่ออกความเห็นเพิ่มเติมในตอนนี้
ที่มา: แอปเปิล และ MacRumors |
# AMD ไตรมาส 4/2019 รายได้ยังคงเติบโตทำสถิติสูงสุดอีกไตรมาส
AMD รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2019 รายได้รวม 2,127 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 50% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน โดยเป็นสถิติใหม่ของบริษัทต่อไปอีกไตรมาส และมีกำไรสุทธิ 170 ล้านดอลลาร์ ที่น่าสนใจคืออัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 45% จากปีก่อนอยู่ที่ 38% ซึ่ง AMD บอกว่ามาจากการเพิ่มสินค้าซีพียู 7 นาโนเมตร
กลุ่มธุรกิจ Computing and Graphics (Ryzen, Radeon) เป็นรายได้และปัจจัยสำคัญให้ตัวเลขมีการเติบโตสูง โดยเพิ่มขึ้นถึง 69% เป็น 1,662 ล้านดอลลาร์ ส่วนกลุ่ม Enterprise ภาพรวมเติบโต 7% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ EPYC ขณะที่สินค้า Semi-Custom มีรายได้ลดลง
ซีอีโอ Lisa Su กล่าวว่าปี 2019 ที่เป็นหลักไมล์ที่สำคัญของบริษัท จากการเปิดตัวและมีพอร์ตโฟลิโอของสินค้าที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์บริษัท ผลลัพธ์คืออัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น ตัวเลขกำไรที่สูงขึ้น และส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น
ที่มา: AMD |
# eBay ไตรมาส 4/2019 รายได้ลดลงเล็กน้อย เตรียมปิดดีลขาย StubHub
eBay รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2019 รายได้รวม 2,821 ล้านดอลลาร์ ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน มียอดขายบนแพลตฟอร์มสุทธิ (GMV) 23,299 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5% และมีกำไรสุทธิ 556 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ซื้อสินค้าที่แอคทีฟมีจำนวนเพิ่มขึ้น 2% เป็น 183 ล้านคน
ผลประกอบการในไตรมาสนี้ยังรวมรายได้จาก StubHub ที่ eBay ประกาศจะขายธุรกิจให้ Viagogo ซึ่งดีลดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสปัจจุบัน โดยไตรมาส 4 ที่ผ่านมา StubHub มีรายได้ 321 ล้านดอลลาร์
ที่มา: eBay |
# แล้วจะรู้ว่าทำไมไม่ต้องดักฟัง เฟซบุ๊กเปิดให้ดูข้อมูลที่ได้จากนอกเฟซบุ๊กแล้ว
เฟซบุ๊กเปิดบริการ Off-Facebook Activity แสดงข้อมูลที่เฟซบุ๊กได้มาจากบริการภายนอก ทั้งแอปและเว็บที่เฟซบุ๊กมีความสามารถในการเชื่อมโยงการกระทำของเรานอกเว็บเฟซบุ๊กเข้ากับบัญชีของเราได้โดยที่เรามักไม่รู้ตัว
ผมดูบัญชีของผมเองแล้วพบว่าหลายบริการยังน่าแปลกใจ เช่น แอปธนาคารหลักๆ ล้วนส่งข้อมูลเข้าเฟซบุ๊ก
เฟซบุ๊กเปิดให้กดล้างประวัติโดยตรง และมีปุ่มให้กดดาวน์โหลดข้อมูลออกไปได้ แต่ไม่มีรายการข้อมูลให้ดูโดยตรง มีเพียงปริมาณข้อมูลที่เฟซบุ๊กได้รับ และเวลาที่ได้รับข้อมูลครั้งล่าสุดเท่านั้น การดูรายละเอียดต้องดาวน์โหลดจากหมวด Ads and Businesses
จากการสำรวจประวัติของผมเอง แอปส่วนมากส่ง event แบบ CUSTOM ที่เฟซบุ๊กไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นมีข้อมูลอะไร และมักส่ง event แบบ ACTIVATE_APP เพื่อแจ้งว่ามีการเข้าใช้แอป สำหรับเกมมีการส่งข้อมูล LEVEL_ACHIEVED เวลาผ่านด่านเพิ่มเติม หรือเว็บหลายเว็บก็ส่งข้อมูล VIEW_CONTENT ซึ่งน่าจะมาจากการเพิ่มปุ่ม Like ในเว็บ
ที่มา - Facebook |
# ยังมกราอยู่เลย กูเกิลเสนอ Meena ปัญญาประดิษฐ์คุยเหมือนคน เล่นมุกแป้กได้ด้วย
กูเกิลเผยแพร่รายงานวิจัยการพัฒนาแชตบอทที่เหมือนมนุษย์โดยไม่ระบุหัวข้อ (Towards a Human-like Open-Domain Chatbot) ที่นำเสนอปัญญาประดิษฐ์ที่ชื่อว่า Meena เป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่ 2.6 พันล้านพารามิเตอร์ ฝึกด้วยชุดข้อมูลขนาด 341 กิกะไบต์ เพื่อให้ได้แชตบอตที่คุยเรื่องอะไรก็ได้ (open domain)
Meena คือปัญญาประดิษฐ์ที่อ่านข้อความก่อนหน้า แล้วพยายามคาดเดาประโยคที่ควรตอบกลับถัดไป ภายในของ Meena เป็นบล็อคปัญญาประดิษฐ์สถาปัตยกรรม Evolved Transformer ที่กูเกิลเสนอไว้เมื่อปีที่แล้ว แบ่งเป็นบล็อค encoder หนึ่งบล็อค และบล็อค decoder อีก 13 ชั้น ด้วยความที่พารามิเตอร์มีจำนวนมากทำให้ Meena มีความสามารถสูง
บทสนทนาระหว่าง Meena และมนุษย์ที่ Meena เล่นมุกตลก
ข้อมูลที่ใช้ฝึก Meena เป็นข้อมูลที่กวาดมาจากเว็บสังคมออนไลน์ทั้งหลายที่มีการโต้ตอบกันในโพสสาธารณะ ปริมาณ 341 กิกะไบต์ หากเทียบกับ GPT-2 ของ OpenAI นั้นมีขนาด 1.5 พันล้านพารามิเตอร์ และฝึกด้วยข้อมูลขนาด 40 กิกะไบต์ก็นับว่า Meena ใหญ่กว่ามาก ทีมงานกูเกิลไม่ได้เ้ทียบกับ GPT-2 ตรงๆ แต่ไปเทียบกับ DialoGPT ที่ไมโครซอฟท์นำ GPT-2 มาพัฒนาต่อเป็นแชตบอต
เกณฑ์การเปรียบเทียบปัญญาประดิษฐ์ที่คุยเรื่องอะไรก็ได้เช่นนี้ยังไม่มีมาตรฐานกลางนัก กูเกิลนำเสนอมาตรวัดใหม่ที่ชื่อว่า Sensibleness and Specificity Average (SSA) วัดความสมเหตุสมผล (sensible) โดยใช้คนจำนวนมากนับพันคนมามองแชตโต้ตอบระหว่างคนและแชตบอตจำนวน 100 บทสนทนา และเลือกว่าบทสนทนานี้สมเหตุสมผลหรือไม่ ผลที่ได้คือ Meena นั้นมีบทสนทนาที่สมเหตุสมผลถึง 79% เริ่มใกล้เคียงกับคนที่แชตกันจริงๆ ที่ได้คะแนน 86% ส่วนแชตบอตอื่นๆ นั้นได้คะแนนสูงสุด 56% เท่านั้น
การใช้ SSA มีปัญหาคือไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์มาวัดโดยอัตโนมัติได้ แต่กูเกิลพบว่าการวัด perplexity (ความงุนงง) ที่วัดความไม่แน่นอนของโมเดลภาษามีค่าสัมพันธ์กับค่า SSA อย่างมาก (R2=0.93) โดยทีมงานวัดค่า SSA ของโมเดล Meena จำนวน 8 รุ่นระหว่างการพัฒนา มาเทียบกับค่า perplexity จึงเห็นความสัมพันธ์นี้ ทำให้เป็นไปได้ว่าเราสามารถตั้งเป้าหมายลด perplexity ของโมเดลปัญญาประดิษฐ์โดยอัตโนมัติ ก่อนจะใช้วัด SSA ซึ่งต้องใช้แรงงานคนจำนวนมากและมีค่าใช้จ่ายสูงในภายหลัง
กูเกิลไม่เปิดเผยโมเดลของ Meena ออกสู่สาธารณะเนื่องจากกังวลว่าอาจจะมีความเสี่ยง แต่กำลังพิจารณาว่าจะเปิดเผยออกมาหรือไม่ในอนาคต
ที่มา - Google AI Blog |
# วิธีหยุด Avast Overseer โปรเซสของ Avast ที่ยังทำงาน แม้จะลบโปรแกรมตัวหลักไปแล้ว
จากข่าว Avast นำข้อมูลการคลิกเว็บของผู้ใช้ไปขายให้บริษัทอื่น เชื่อว่าหลายคนคงจะเลือกถอดการติดตั้ง Avast ออกไปจากเครื่อง แต่ถึงอย่างนั้นโปรเซสที่ชื่อ Avast Overseer ก็ยังทำงาน ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้ตัวว่ามีโปรเซสนี้ทำงาน เพราะขึ้นมาแสดงบน Task Manager เพียงชั่วครู่และหายไป แล้วจะกลับมาทำงานอีกในระยะเวลาหนึ่ง
ทีมงานของ Avast ได้ให้คำตอบว่าเป็นโปรเซสไว้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของ Avast เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดได้อย่างรวดเร็ว แต่หลายคนสงสัยว่าในเมื่อลบผลิตภัณฑ์ของ Avast แล้วยังจะมีให้ตรวจสอบอะไร
แม้ผมจะหาข้อมูลไม่เจอว่าที่แท้จริงแล้ว Avast Overseer นี้ทำงานอย่างไร แต่ในเมื่อเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ของ Avast เรามาหยุดการทำงานของโปรเซสนี้ดีกว่า
วิธีหยุดทำงานให้เข้าไปที่ Task Scheduler ซึ่งอยู่ใน Administrative Tools แล้วในรายการ Task Scheduler Library เลือก Avast Software หารายการ Overseer แล้วเลือก Disable หรือ Delete ถ้าคุณไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Avast แล้วก็ลบทั้งรายการ Avast Software ไปเลยได้ เสร็จแล้วก็เข้าไปลบไฟล์ที่ C:\Program Files\Common Files\AVAST Software\ (หรือ C:\Program Files\Common Files\AVG\ ถ้าใช้ AVG) แล้วลบโฟล์เดอร์ Overseer ออกไปจากเครื่อง
วิธีจาก techdows.com โดย Venkat ปรับปรุงเมื่อ 6 กันยายน 2561
ภาพจาก @avast |
# Pinterest เปิดตัวฟีเจอร์ทดลองเครื่องสำอางผ่าน AR ก่อนตัดสินใจซื้อ เริ่มต้นที่ลิปสติก
Pinterest เปิดตัวฟีเจอร์ทดลองเครื่องสำอางบนแพลตฟอร์มผ่าน AR ก่อนตัดสินใจซื้อ โดยร่วมกับแบรนด์ดัง ๆ จำนวนมาก ผ่านฟีเจอร์ Lens ของ Pinterest
ฟีเจอร์นี้เริ่มต้นทดลองกับลิปสติกก่อน โดยมีแบรนด์เครื่องสำอางหลายรายเข้าร่วม ได้แก่ Estée Lauder, Sephora, bareMinerals, Neutrogena, NYX Professional Makeup, YSL Beauté, Lancôme และ Urban Decay จาก L’Oréal เพียงค้นหาลิปสติก เลือกลิปสติก และกด Try On ก็สามารถทดลองลิปสติกผ่าน AR ได้แล้ว
Pinterest ยืนยันว่าฟีเจอร์นี้ไม่ได้แต่งรูปให้ผู้ใช้ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคใดก็ตาม จึงมั่นใจได้ว่าลิปสติกที่ทดลองใช้ผ่าน AR จะดูเหมือนการใช้งานจริง ๆ โดย Pinterest ระบุว่าที่เลือกเปิดฟีเจอร์นี้ให้ลิปสติกเป็นอย่างแรกเนื่องจากเป็นสิ่งที่คนค้นหามากที่สุดในกลุ่มสินค้าประเภทความงาม และในอนาคตจะทยอยเปิดฟีเจอร์นี้ให้ผลิตภัณฑ์กลุ่มความงามอื่น ๆ ต่อไป
ที่มา - TechCrunch, Pinterest
ภาพจาก Pinterest |
# Microsoft เตรียมออกแพตช์สุดท้าย (จริงๆ) ให้ Windows 7 เพื่อแก้ปัญหาจากแพตช์ก่อนหน้า
เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา เป็นเส้นตายหมดอายุขัยของ Windows 7 แปลว่าจะไม่มีแพตช์อะไรออกมาอีก โดยแพตช์รหัส KB4534310 นับเป็นแพตช์สุดท้ายที่ Windows 7 ได้รับ ส่วนองค์กรใดที่ยังไม่อัพเกรดก็สามารถจ่ายเงินซื้อซัพพอร์ต (ESU) ต่อได้ เช่นรัฐบาลเยอรมนีเป็นต้น
อย่างไรก็ตามในแพตช์ที่ควรจะเป็นแพตช์สุดท้าย กลับมีบั๊กทำให้ภาพหน้าจอ (wallpaper) กลายเป็นสีดำเมื่อตั้งค่าแบบ Stretch (ยืดภาพให้เต็มจอ) แก้ได้โดยการเปลี่ยนเป็น Fill, Fit, Tile หรือ Center ไปก่อน ซึ่ง Microsoft ระบุว่าจะออกแพตช์มาแก้บั๊กนี้ให้ภายหลัง และในทีแรก Microsoft จะปล่อยแพตช์นี้ให้เฉพาะองค์กรที่ซื้อ ESU เท่านั้น แต่ก็เปลี่ยนใจมาปล่อยให้ผู้ใช้ Windows 7 ทุกคนเพราะ Microsoft สร้างบั๊กนี้ขึ้นมาเอง
ทั้งนี้ แพตช์แก้ภาพหน้าจอเป็นสีดำอาจจะเป็นแพตช์สุดท้ายจริงๆ ของ Windows 7 เสียที เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีแพตช์ให้ระบบปฎิบัติการที่หมดอายุซัพพอร์ตแล้ว ยกเว้นกรณีไวรัส WannaCry อันโด่งดังเมื่อกว่าสองปีก่อนที่ Windows XP ได้รับแพตช์เป็นกรณีพิเศษ
ผู้อ่านที่ยังใช้ Windows 7 อยู่สามารถทำตามคู่มืออัพเกรดเป็น Windows 10 ฟรีได้
ที่มา - The Verge |
# มีปัญหาทวีตมา Google จะคอยตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับแอนดรอยด์ที่ทวีตผ่านแฮชแท็ก #AndroidHelp
Google ประกาศแนะนำแท็ก #AndroidHelp สำหรับให้บริการช่วยเหลือผู้ใช้งานแอนดรอยด์ เพียงผู้ใช้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่าพบปัญหาอะไรหรือมีข้อสงสัยกับแอนดรอยด์บ้าง และติดแท็ก #AndroidHelp โดยจะใช้บัญชีทางการ @Android ตอบปัญหา
Google ระบุว่า บัญชี @Android จะพยายามตอบผู้ใช้ในประเด็นปัญหาและข้อสงสัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแอนดรอยด์ที่ทวีตผ่านแฮชแท็ก #AndroidHelp ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทั่วไป, การยืนยันตัวตน, ความปลอดภัย หรือปัญหาอื่น ๆ
Google ไม่ได้อธิบายว่าเพราะเหตุใดจึงเลือกใช้การทวีตติดแฮชแท็กแทนการส่ง DM เข้ามา อาจเป็นไปได้ว่าต้องการกระจายข้อความปัญหาและวิธีแก้ให้คนเห็นมาก ๆ รวมถึงเปิดโอกาสให้คนอื่นมีส่วนร่วมตอบปัญหาด้วย
ที่มา - Engadget, Reddit |
# dtac ไตรมาส 4/62 จำนวนลูกค้ากลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง พร้อมการเติบโตของรายได้ที่สูงขึ้น
ดีแทครายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2562 รายได้รวม 21,693 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิอยู่ที่ 930 ล้านบาท เนื่องจาก EBITDA ที่ลดลง เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต้นทุนภายหลังการสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านโครงข่าย
จำนวนผู้ใช้งานมีอยู่ 20.642 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 2.26 แสนเลขหมายจากไตรมาสที่ 3/2562 แบ่งเป็นระบบรายเดือนเพิ่มขึ้น 4.5 หมื่นเลขหมาย และเติมเงินเพิ่มขึ้น 1.81 แสนเลขหมาย รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) อยู่ที่ 262 บาทต่อเลขหมายต่อเดือน
ปี 2562 ที่ผ่านมาดีแทคระบุว่ามีความท้าทายหลายอย่าง แต่แนวโน้มก็ดีมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อาทิ ดัชนีชี้วัดความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อเครือข่ายก็ดีขึ้น จำนวนลูกค้าก็กลับมาเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 และแนวโน้มรายได้ก็ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 3
ที่มา: ดีแทค |
# ZTE และ China Telecom ใช้ 5G ช่วยแพทย์วินิจฉัยผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาทางไกลเป็นครั้งแรก
ZTE ร่วมกับ China Telecom ในมณฑณเสฉวนแถลงความสำเร็จในการใช้งานโครงข่าย 5G ช่วยแพทย์วินิจฉัยอาการปอดบวมของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ผ่านทางไกลเป็นครั้งแรก
ZTE บอกว่าใช้อุปกรณ์สถานีฐาน 5G ทั้งที่ตั้งภายนอกอาคารและภายในอาคารบนคลื่นความถี่ต่ำ เปลี่ยนโรงพยาบาล West China ของมหาวิทยาลัยเสฉวนให้กลายเป็นศูนย์กลางในการวินิจฉัยและให้คำแนะนำในการรักษา (central node) ให้กับโรงพยาบาล 27 แห่งที่มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในมณฑลเสฉวน ก่อนจะขยายไปยังเมืองอู่ฉั่น มณฑลหูเป่ย ที่อยู่ห่างออกไปราว 1,155 กิโลเมตรต่อไป
ที่มา - PR Newswire
BEIJING, CHINA – JANUARY 25: Chinese women and a child all wear protective masks as they walk under decorations in a park after celebrations for the Chinese New Year and Spring Festival were cancelled by authorities on January 25, 2020 in Beijing, China. (Photo by Kevin Frayer/Getty Images) |
# Youku (YouTube ของจีน) ทำคอร์สเรียนฟรีออนไลน์ ช่วงโรงเรียนปิดเพราะไวรัสโคโรน่าระบาด
Youku หรือ YouTube ของจีน เจ้าของคืออาลีบาบา ทำคอร์สเรียนออนไลน์ฟรีให้เด็กนักเรียนทั้งชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่ต้องอยู่บ้านเพราะไวรัสโคโรน่าระบาด โดยคอร์สเรียนดังกล่าวมีการใช้เครื่องมือของอาลีบาบาคือ DingTalk เครื่องมือสื่อสารในสำนักงานที่คล้ายกับ Slack ในการช่วยสื่อการเรียนการสอน
สื่อของรัฐรายงานว่า มีโรงเรียนในจังหวัด Hubei ซึ่งมีเมืองอู่ฮั่นเป็นเมืองใหญ่เข้าร่วมโปรแกรมการเรียนฟรีแล้วกว่า 50 โรงเรียน
ยังมีบริษัทด้านการศึกษาอีกหลายแห่งที่ทำคอร์สเรียนฟรีเหมือนกันคือ New Oriental Group ผู้ให้บริการการศึกษาเอกชนรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีนและ iTutor บริษัทการศึกษาออนไลน์ เสนอบริการเรียนฟรีให้นักเรียนด้วย
ที่มา - South China Morning Post |
# แอป K PLUS แอนดรอยด์ปิดการเข้าถึงสิทธิทั้งหมด ก็ยังคงสามารถใช้งานตามปกติได้แล้ว
ก่อนหน้านี้แอป K PLUS ของธนาคารกสิกรไทยบนแอนดรอยด์จะขอสิทธิการเข้าถึง (permission) ที่ดูไม่เป็นจำเป็นอย่างสิทธิ Phone ที่จำเป็นต้องให้สิทธิไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเข้าใช้งานแอปได้ แม้กระทั่งให้สิทธิไปก่อนแล้วมาปิดในภายหลังก็ไม่ได้เช่นกัน
ล่าสุดผมค้นพบว่าเราสามารถปิดการเข้าถึงสิทธิของแอป K PLUS ทั้งหมดโดยที่ยังคงสามารถใช้งานตัวแอปได้ตามปกติแล้ว ขณะที่คู่แข่งอย่าง SCB สามารถทำได้มานานแล้ว
อย่างไรก็ตามแม้แอปธนาคารหลายเจ้าจะขอเข้าถึงสิทธิ Phone แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะใช้งานได้แม้ไม่ให้สิทธิ จากที่ทดสอบมีเพียง TMRW และ UOB Thailand เท่านั้นที่แอปไม่สามารถใช้งานได้หากไม่ให้สิทธิ Phone
ทั้งนี้สิทธิ Phone บนแอนดรอยด์เป็นการอนุญาตให้แอปเข้าถึงความสามารถในการโทรเข้าโทรออก, เขียนและอ่านบันทึกการโทรเข้าออก (call log) ไปจนถึงเลข IMEI ของเครื่อง |
# ByteDance รวย ซื้อหนังที่ไม่ได้ฉายลงโรงเพราะไวรัสโคโรน่าระบาดมาให้ดูฟรี
เนื่องมาจากการระบาดของไวรัสโคโรน่า ทำให้สถานประกอบการหลายแห่งของจีนต้องปิดชั่วคราว รวมถึงโรงภาพยนตร์ด้วย ส่งผลให้สตูดิโอหนัง Huanxi ของจีนที่ตั้งใจปั้นหนังคอเมดี้เรื่อง Lost in Russia ออกมาฉายช่วงตรุษจีนก็ไม่ได้ฉาย ทางสตูดิโอจึงปล่อยหนังให้ดูฟรีบนออนไลน์เสียเลยผ่านแพลตฟอร์ม Huanxi Premium
นอกจากนี้ทางสตูดิโอยังได้ทำข้อตกลงกับ ByteDance เจ้าของ TikTok ในการสตรีมหนังเรื่อง Lost in Russia ผ่านแพลตฟอร์ม Douyin และ Toutiao โดย ByteDance จ่ายให้ Huanxi 630 ล้านหยวน โดยทั้งสองแพลตฟอร์มจะช่วยส่งเสริมการโปรโมทหนังซึ่งกันและกัน
ทาง Huanxi ทำข้อตกลงฉายฟรีผ่านออนไลน์เป็นเวลา 6 เดือน และไม่มีความชัดเจนว่าหนังจะได้ลงฉายโรงภาพยนตร์หรือไม่
หนังเรื่อง Lost in Russia เป็นเรื่องราวการเดินทางไปรัสเซียของแม่และลูกชายวัยกลางคน โดยแม่มีนิสัยชอบควบคุมบงการลูกชาย และลูกชายพยายามจะหนีจากอิทธิพลของแม่ตลอดเวลา
ที่มา - Variety, Hollywood Reporter |
# อังกฤษผลักดันกฎหมายความปลอดภัย IoT: ห้ามใช้รหัสผ่านเริ่มต้นเหมือนกันทุกเครื่อง, แจ้งระยะเวลาซัพพอร์ต
รัฐบาลสหราชอาณาจักรเตรียมผลักดันกฎหมายควบคุมความมั่นคงปลอดภัยอุปกรณ์ IoT โดยผลักดันมาตรฐานอุตสาหกรรม ETSI TS 103 645 ให้มีสภาพบังคับ แต่ยังอาศัยกระบวนการรับรองตัวเอง (self assess)
ETSI TS 103 645 ระบุมาตรการรักษาความปลอดภัย ให้อุปกรณ์ทุกตัวไม่ใช้รหัสผ่านตรงกันแม้จะรีเซ็ตเครื่องแล้ว ส่วนผู้ผลิตเองก็ต้องมีจุดรับแจ้งปัญหาความมั่นคงปลอดภัยอย่างชัดเจน, มีกระบวนการอัพเดตและแก้ไขที่รวดเร็ว, ประกาศระยะเวลาซัพพอร์ตสินค้าอย่างชัดเจน, ห้ามใช้รหัสผ่านแบบฮาร์ดโค้ดไว้ในเครื่อง, เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์โดยเข้ารหัส, ตรวจสอบความถูกต้องของซอฟต์แวร์, และยังต้องออกแบบให้ระบบทนทานเมื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ไม่ได้
ก่อนหน้านี้สหราชอาณาจักรมีแนวปฎิบัติเพื่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยอุปกรณ์ IoT (Code of Practice for Consumer IoT Security) ที่เป็นคำแนะนำผู้ผลิตโดยไม่มีสภาพบังคับ แต่เนื้อหาโดยรวมคล้ายกับมาตรฐาน ETSI TS 103 645
รัฐแคลิฟอร์เนียร์เคยผ่านกฎหมายคล้ายกันในปี 2018 และเพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ที่มา - ThreatPost |
# [ลือ] MGM กำลังเจรจาหาผู้ซื้อกิจการ ซึ่งรวมทั้ง Apple และ Netflix
สำนักข่าว CNBC อ้างแหล่งข่าวที่ทราบเรื่อง เผยว่า MGM (Metro-Goldwyn-Mayer) บริษัทสื่อของอเมริกา ได้เริ่มการเจรจาเพื่อหาผู้มาซื้อต่อกิจการ ซึ่งบริษัทที่ถูกระบุถึงมีทั้งแอปเปิล และ Netflix ทั้งนี้ตัวแทนของ MGM, แอปเปิล และ Netflix ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว
ปัจจุบัน MGM มีผู้ถือหุ้นหลักคือกองทุนหลายราย อาทิ Anchorage Capital, Highland Capital และ Solus ซึ่งเข้ามาร่วมซื้อกิจการหลัง MGM ยื่นขอล้มละลายเมื่อปี 2010 จึงมีโอกาสสูงที่ MGM จะหาผู้มาซื้อกิจการในช่วงเวลานี้ เพราะการแข่งขันในตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งต่างก็ต้องการคอนเทนต์แม่เหล็กมาดึงดูดผู้ชม
คอนเทนต์เด่นที่ MGM เป็นเจ้าของอยู่เช่น James Bond กับ Rocky
ที่มา: CNBC |
# เฟซบุ๊กประกาศให้พนักงานงดเดินทางเข้าจีน, หากเพิ่งกลับจากจีนให้ทำงานที่บ้าน
Blooomberg อ้างแหล่งข่าวไม่ระบุตัวตน ระบุว่าเฟซบุ๊กประกาศมาตรการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) ด้วยการจำกัดการเดินทางเข้าจีนทั้งประเทศหากไม่จำเป็น สำหรับพนักงานที่ทำงานในจีนหรือเพิ่งกลับมาจากจีนให้ทำงานที่บ้าน
แม้ว่าเฟซบุ๊กจะไม่มีบริการในจีนแต่ประกาศนี้จะกระทบฝ่ายฮาร์ดแวร์ที่ต้องทำงานร่วมกับโรงงานในจีน และข้อจำกัดในการทำงานเช่นนี้อาจจะทำให้การออกสินค้ารุ่นใหม่ช้าออกไป
เพื่อแก้ปัญหาการเดินทางแหล่งข่าวระบุกับทาง Bloomberg ว่าตอนนี้เฟซบุ๊กเองก็เริ่มหาโรงงานอื่นในเวียดนามเพื่อรับงานแทนโรงงานในจีน
ที่มา - Bloomberg |
# เอกสารภายในระบุ Avast และ AVG นำข้อมูลการคลิกเว็บของผู้ใช้ไปขายให้บริษัทอื่น
เมื่อปลายปีที่แล้ว เราเห็นข่าว Mozilla ถอดส่วนขยายของ Avast และ AVG เพราะเก็บข้อมูลผู้ใช้เกินความจำเป็น
วันนี้เว็บไซต์ 2 แห่งคือ PCMag และ Vice ร่วมกันเผยแพร่เอกสารภายในของ Avast ที่หลุดออกมา ยืนยันว่า Avast นำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ไปขายให้บริษัทอื่นๆ จริง โดยผ่านบริษัทลูกของ Avast ชื่อว่า Jumpshot
Avast และ AVG (ซึ่งปัจจุบันเป็นผลิตภัณฑ์ในเครือ Avast) เก็บข้อมูลการท่องเว็บของผู้ใช้งาน ลงรายละเอียดถึงระดับทุกลิงก์ที่คลิก คำค้นที่ใช้ คลิปวิดีโอที่รับชม ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้ระบุตัวตนของผู้ใช้ แต่ระบุอุปกรณ์ที่ใช้งาน (device ID) ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์ (เช่น Google/Amazon) หรือนักโฆษณาสามารถซื้อข้อมูลเหล่านี้ไปรวมกับข้อมูลฝั่งของตัวเอง เพื่อตามรอยกลับได้ว่าผู้ใช้งานคือใคร
หน้าเว็บของ Jumpshot ระบุว่าขายข้อมูลผู้ใช้ให้กับบริษัทมากมาย เช่น Google, Microsoft, IBM, Unilever, Kimberly-Clack, Nestle, GfK, McKinsey & Company และในเอกสารที่หลุดออกมาก็ระบุว่า Jumpshot ขายข้อมูลการคลิกของผู้ใช้ให้กับ Omnicom บริษัทโฆษณารายใหญ่ของโลกด้วย
โฆษกของ Avast ระบุว่าหยุดเก็บข้อมูลผู้ใช้งานผ่านส่วนขยายของเบราว์เซอร์แล้ว แต่ PCMag ชี้ว่า Avast ยังสามารถเก็บข้อมูลจากซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสในเครือ ซึ่ง PCMag ก็ประกาศถอด Avast Free Antivirus จากรายชื่อแอนตี้ไวรัสที่แนะนำแล้ว
ที่มา - PCMag, Vice |
# Fortnite ปลดหนี้ - สตรีมเมอร์ทำเซอร์ไพรซ์จ่ายหนี้เงินกู้เพื่อการศึกษาให้แม่
Aydan Conrad สตรีมเมอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.4 ล้านคนบน Twitch และผู้เล่นระดับอาชีพของเกม Fortnite ได้มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับคุณแม่กลางสตรีมด้วยการเซอร์ไพร์ซว่าเขาได้ช่วยจ่ายหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาให้เธอจนหมดเรียบร้อยแล้ว
เรื่องราวสุดประทับใจนี้เริ่มต้นที่ Conrad โทรหาแม่ขณะกำลังสตรีมและถามว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญไหม ซึ่งเธอตอบกลับมาว่าไม่ต้องการอะไร แต่ Conrad กล่าวตอบว่า ไม่ทันแล้ว เพราะเขาได้จ่ายหนี้เงินกู้เพื่อการศึกษาของเธอให้แล้ว คุณแม่ของ Ayddan ตกใจกับคำตอบที่ได้รับกลับมาอย่างมาก
Conrad ได้กล่าวทิ้งท้ายว่าที่เขาสามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ ไม่ใช่เพราะตัวเขาเองแต่มาจากการสนับสนุนของผู้คนที่กำลังชมสตรีมของเขาอยู่ตอนนี้ที่ช่วยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นมาได้
สามารถชมภาพเหตุการณ์สุดซึ้งดังกล่าวได้ที่นี่ 1, 2
ทั้งนี้ Conrad มีรายได้รวมจากการลงแข่งขัน Fornite อยู่ที่ 160,000 ดอลลาร์ แต่ไม่มีตัวเลขว่าเขามีรายได้เท่าไรจากการสตรีม
ที่มา: IGN |
# วิศวกรซอฟต์แวร์ของ Amazon วิจารณ์ Ring ว่าควรยุบ เหตุมีประเด็นด้านความปลอดภัย
ในบล็อก Medium ที่พนักงาน Amazon ออกมาเขียนข้อความประท้วงบริษัทเรื่อง Climate Change วิศวกรซอฟต์แวร์ Max Eliaser ที่มาร่วมเขียนด้วยนั้น ได้ใช้โอกาสนี้วิจารณ์ Ring บริษัทสมาร์ทโฮมของ Amazon เรื่องความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว พร้อมเรียกร้องให้ยุบบริษัทนี้ทิ้ง
ใจความสำคัญที่ Eliaser โจมตีคือเรื่องการที่แฮกเกอร์สามารถแฮกเข้าระบบ Ring ของผู้ใช้คนหนึ่ง ๆ แล้วเข้าถึงฟีดกล้องได้ทั้งหมด และประเด็นความเป็นส่วนตัวไม่ได้สามารถแก้ไขได้ด้วยแค่กฎระเบียบ Ring ควรปิดตัวในทันทีและไม่ถูกนำกลับมาเปิดให้บริการใหม่อีกเลย
ก่อนหน้านี้ Ring มีประเด็นกับลูกค้าเรื่องกล้องวงจรปิดภายในบ้านถูกแฮกจนกลายเป็นคดีฟ้องร้อง ขณะเดียวกันนี่น่าจะเป็นครั้งแรก ๆ ที่พนักงานของ Amazon ออกมาโจมตีบริษัทโดยตรง เนื่องจาก Amazon ค่อนข้างเข้มงวดไม่ให้พนักงานออกมาพูดเรื่องประเด็นภายในหรือโจมตีบริษัท
ที่มา - Medium |
# AWS ประกาศหยุดซัพพอร์ต Linux AMI เวอร์ชันแรก ให้ย้ายไปใช้ Amazon Linux 2
หลายคนอาจไม่ทราบว่า Amazon มีดิสโทรลินุกซ์ของตัวเองชื่อ Amazon Linux AMI เป็นอิมเมจสำหรับใช้บนเครื่อง AWS เท่านั้น
Linux AMI เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2010 และภายหลัง Amazon ก็ออก Amazon Linux 2 เวอร์ชันอัพเกรดใหญ่ เมื่อปี 2017
ล่าสุด Amazon ประกาศแผนการหยุดซัพพอร์ต Linux AMI ในวันที่ 31 ธันวาคม 2020 (เวอร์ชันสุดท้ายคือ 2018.03) หลังจากนั้นจะออกแพตช์ให้เฉพาะที่จำเป็นไปจนถึงปี 2023 และไม่การันตีว่าจะทำงานกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ AWS ได้อีกต่อไป
Amazon แนะนำให้ลูกค้า AWS ย้ายไปใช้ Amazon Linux 2 ที่มีฟีเจอร์ทันสมัยกว่ากันมาก และมีระยะซัพพอร์ตยาวนานถึงปี 2023
ที่มา - AWS Blog
ภาพจาก @AWSCloud |
# IBM ร่วมกับหน่วยงานแพทย์ฝึก AI ให้ทำนายความคืบหน้าโรคฮันติงตัน (พันธุกรรมทางสมอง) จากภาพ MRI
IBM ร่วมมือกับมูลนิธิด้านการแพทย์ CHDI Foundation ในการฝึก AI ให้สามารถติดตามความคืบหน้าของโรคฮันติงตันได้ เพื่อจะได้คาดการณ์ได้ว่าคนไข้จะเข้าสู่อาการของโรคเมื่อไร และจะติดตามการรักษาต่อไปได้อย่างไร
โรคฮันติงตันเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมซึ่งสร้างความเสียงหายแก่สมอง กระทบต่อกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งความคิด พฤติกรรม และการเคลื่อนไหวที่มีลักษณะเต้นกระตุก ซึ่งปกติจะแสดงอาการออกมาเมื่ออายุ 30-50 ปี ยังไม่มีวิธีรักษา และอาการจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เป้าหมายของการใช้ AI เข้ามาช่วยคือ จะได้รู้ล่วงหน้าว่าคนไข้คนไหนจะเป็นโรค และจะได้รู้ว่าอาการของโรคจะพัฒนาไปเร็วขนาดไหน ในการฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ จะใช้สัญญาณจากสมองเนื้อสีขาวบนภาพสแกน เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงของสมองเมื่อเวลาผ่านไป
ทางนักวิจัยบอกว่า การฝึก AI ในการเรียนรู้โรคฮันติงตัน ไม่ได้ช่วยเรื่องการรักษา แต่จะเป็นประโยชน์กับคนไข้ให้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมตัวเอง ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์นำตัวอย่างคนไข้ไปทำการทดลองเพื่อจะได้แก้ปัญหาในระยะยาวได้
ภาพจาก Shutterstock
ที่มา - Engadget |
# กูเกิลปิดบริการ App Maker ตัวช่วยสร้างแอพแบบไม่ต้องโค้ด ให้ย้ายไปใช้ AppSheet แทน
กูเกิลประกาศปิด App Maker ตัวช่วยสร้างแอพในระบบ G Suite แบบไม่ต้องเขียนโค้ด ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016
App Maker จะปิดบริการในวันที่ 19 มกราคม 2021 โดยกูเกิลแนะนำให้ใช้เครื่องมือตัวอื่นอย่าง AppSheet ที่มีฟีเจอร์คล้ายๆ กัน (สร้างแอพแบบไม่ต้องเขียนโค้ด) หรือ App Engine แทน แต่ไม่สามารถย้ายแอพที่สร้างด้วย App Maker ไปตรงๆ ได้ อย่างไรก็ตามข้อมูลที่เก็บใน App Maker จะอยู่ในบริการ Cloud SQL ที่สามารถเรียกใช้ต่อจาก AppSheet หรือ App Engine ได้
กูเกิลไม่ได้อธิบายเหตุผลที่ปิด App Maker บอกเพียงว่าไม่พัฒนาต่อแล้ว คาดว่าการซื้อกิจการ AppSheet เมื่อต้นปีนี้ ทำให้กูเกิลตัดสินใจย้ายมาใช้ระบบของ AppSheet แทนทั้งหมด
ที่มา - G Suite Updates |
# พนักงาน Amazon กว่า 340 คน ออกมาประท้วงบริษัทที่พยายามปิดกั้นการวิจารณ์เรื่อง climate change
มีรายงานข่าวว่า Amazon ตักเตือนพนักงานส่วนหนึ่งที่ออกมาพูดวิจารณ์แนวทางบริษัทต่อปัญหา climate change และบอกเชิงขู่ด้วยว่าเขาอาจถูกไล่ออก
ทำให้พนักงานอีกกว่า 340 ประท้วงบริษัทอีก ด้วยการเขียนแสดงความคิดเห็นลงใน Medium ไม่เห็นด้วยที่บริษัทปิดกั้นพนักงานในการวิจารณ์ปัญหาและไม่เห็นด้วยที่บริษัทไม่ลงมือทำมากพอในการจัดการปัญหา climate change โดยใช้แฮชแท็กในแคมเปญประท้วงว่า #AMZNSpeakOut
ในบล็อก Medium รวบรวมความเห็นเรื่องแนวทางจัดการ climate change ของบริษัท และลงชื่อพนักงานไว้ด้วยทุกคน
Amazon เริ่มใช้นโยบายปิดกั้นพนักงานในการแสดงออกเรื่อง climate change โดยถ้าจะแสดงออกสาธารณะ ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บริหารก่อน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่พนักงาน Amazon ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้เองมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ไม่เห็นด้วยที่บริษัททำสัญญากับบริษัทน้ำมัน แก๊สขนาดใหญ่
ช่วงกลางปี 2019 ที่ผ่านมา พนักงานกว่า 8,700 ลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกถึง Jeff Bezos เรียกร้องให้เขาทำอะไรมากกว่านี้เพื่อสู้กับปัญหา ผู้มัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ Bernie Sanders และ Elizabeth Warren ก็ออกมาสนับสนุนแนวทางดังกล่าวของพนักงาน
ด้านโฆษก Amazon บอกว่า นโยบายการพูดวิจารณ์ในที่สาธารณะนั้นมีการปรับปรุงใหม่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ 2019 และไม่ได้เจาะจงกลุ่มพนักงานกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทาง Amazon เองได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้พลังงานทดแทน 100% ในปี 2030 และจะทำให้การปล่อยคาร์บอนเป็น net-zero ให้ได้ภายในปี 2040
ที่มา - The Guardian |
# Nintendo ประกาศหยุดรับซ่อมแซม Wii ตั้งแต่ 31 มีนาคม เป็นต้นไป
นินเทนโดประกาศในหน้า Support ภาษาญี่ปุ่น ว่าบริษัทจะหยุดรับซ่อมแซมเครื่องคอนโซล Wii ที่มีปัญหาในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2020 เป็นต้นไป สาเหตุก็คือชิ้นส่วนต่าง ๆ หายากและหยุดผลิตไปแล้วนั่นเอง
ทั้งนี้นินเทนโดบอกว่าบริษัทอาจหยุดรับซ่อมแซมก่อนกำหนด หากชิ้นส่วนที่มีเหลืออยู่หมดก่อน
Wii เริ่มจำหน่ายเมื่อปลายปี 2006 เท่ากับคอนโซลนี้มีอายุกว่า 13 ปีแล้ว ขายไปได้มากกว่า 101 ล้านเครื่อง โดยมีคอนโซลรุ่นถัดมาคือ Wii U และ Switch
ที่มา: Techspot |
# Wine ออกรุ่น 5.0 รองรับการรันแอปหลายจอ, ปรับปรุง Direct3D, รองรับ Vulkan 1.1
Wine ซอฟต์แวร์จำลองวินโดวส์ให้ทำงานบนลินุกซ์เคอร์เนลได้ ออกรุ่น 5.0 ที่ปรับปรุงด้านกราฟิกหลายอย่างโดยเฉพาะการทำงานหลายหน้าจอ และการปรับความละเอียดจอที่รองรับดีขึ้นมากแล้ว
การปรับปรุงระดับ API มีการปรับปรุง Direct3D ที่รองรับการทำงานแบบเต็มจอได้สมบูรณ์ขึ้น สลับแอปหรือย่อเป็นวินโดวส์ได้เหมือนในวินโดวส์จริงๆ ที่ระดับ API ก็รองรับ Vulkan 1.1.126
โมดูลใน Wine คอมไพล์ใหม่เป็นแบบ Portable Executable (PE) แทนที่จะเป็น ELF เหมือนเดิม แม้ยังมีโมดูลบางส่วนเป็น ELF แต่ก็จะปรับไปเรื่อยๆ ระหว่างการพัฒนาเวอร์ชั่น 5.x และ API ด้านเสียง XAudio2 ยังอิมพลีเมนต์ใหม่เพื่อให้เข้ากับวินโดวส์ได้ดีขึ้น
ทีมงานอุทิศเวอร์ชั่น 5.0 ให้แก่ Józef Kucia นักพัฒนาหลักผู้ร่วมพัฒนาส่วน Direct3D และ Vulkan แต่เสียชีวิตไปเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วด้วยวัย 30 ปี
ที่มา - Wine HQ
ภาพ Outlook 2010 บน Wine จาก Wine HQ |
# POCO X2 เตรียมเปิดตัว 4 ก.พ. 2020, หน้าจอ 120Hz, คาดสเปกเหมือน Redmi K30
POCO แบรนด์ลูกของ Xiaomi ที่เพิ่งแยกตัวเป็นบริษัทลูก ประกาศวันเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ POCO X2 ที่อินเดียในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้
ในโพสต์ของ POCO โชว์แค่โลโก้ X2 พร้อมแท็ก Smooth AF (ที่น่าจะหมายถึง Auto Focus) ส่วนบนเว็บไซต์ของ POCO India โชว์ข้อมูลคร่าวๆ ว่า POCO X2 จะใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon ยังไม่ระบุรุ่น, ระบายความร้อนด้วยของเหลว, น่าจะใช้เซ็นเซอร์กล้อง Sony IMX 686, ใช้หน้าจอที่มีอัตรารีเฟรช 120 Hz และยังมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
เว็บไซต์ XDA คาดว่า POCO X2 ใช้ไส้ในตัวเดียวกับ Redmi K30 5G ที่เพิ่งเปิดตัวในจีนเมื่อเดือนธันวาคม 2019 ซึ่งใช้หน้าจอ 120Hz เหมือนกัน, หน่วยประมวลผลเป็น Snapdragon 765G และเซ็นเซอร์กล้อง Sony IMX686
ที่มา - POCO India, XDA |
# ภาพหลุด Xbox Series X ไม่มีพอร์ต HDMI In รับสัญญาณภาพเข้าไม่ได้แบบ Xbox One
มีภาพหลุดของฮาร์ดแวร์ Xbox Series X รุ่นต้นแบบ แสดงให้เห็นด้านหลังของเครื่องที่ไมโครซอฟท์ยังไม่เคยโชว์ให้เห็น
ถึงแม้ Xbox Series X ไม่มีพอร์ตอะไรแปลกใหม่พิสดาร (พอร์ตยาวๆ ตรงกลางน่าจะเป็นช่องใส่ CompactFlash สำหรับดีบั๊ก) แต่สิ่งที่เป็นประเด็นคือพอร์ต HDMI หายไปหนึ่งช่องเมื่อเทียบกับพอร์ตของ Xbox One คอนโซลรุ่นปัจจุบัน
พอร์ตที่หายไปคือ HDMI In ที่ใช้ Xbox One เป็นตัวรับสัญญาณภาพจากกล่องดาวเทียมหรือเคเบิลทีวี ตามวิสัยทัศน์ของ Xbox One ในช่วงเปิดตัวที่ต้องการเป็น "ฮับความบันเทิงในบ้าน" ซึ่งภายหลังไมโครซอฟท์ค่อยๆ ลดความสำคัญของฟีเจอร์ด้านความบันเทิงลง กลับมาโฟกัสที่การเล่นเกมมากขึ้น
การหายไปของพอร์ต HDMI In ใน Xbox Series X (หากคอนโซลเครื่องจริงใช้พอร์ตตามนี้) ถือเป็นสัญญาณว่าไมโครซอฟท์ล้มเลิกแผนการเรื่องศูนย์กลางความบันเทิงในบ้านแล้วอย่างเป็นทางการ
ด้านหลังของ Xbox One X (ภาพจากไมโครซอฟท์)
ที่มา - Ars Technica |
# Apple โต้ หากยุโรปบังคับใช้สายชาร์จมาตรฐานเดียว อาจเป็นการหยุดยั้งนวัตกรรม
สืบเนื่องจากที่คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) จะเสนอมาตรการให้สายชาร์จมือถือมีมาตรฐานเดียว เพื่อลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถ้าหากดูสายชาร์จในท้องตลาดปัจจุบันก็แบ่งได้เป็น Micro USB, USB-C สำหรับ Android และ Lightning ของแอปเปิล ประกาศนี้ผู้ที่น่าจะกระทบหนักที่สุดคงเป็นแอปเปิล ล่าสุดมีท่าทีจากแอปเปิลออกมาแล้ว
โดยแอปเปิลออกแถลงการณ์ว่าข้อกำหนดนี้จะเป็นการหยุดนวัตกรรม มากกว่าส่งเสริมให้เกิดสิ่งใหม่ รวมทั้งส่งผลเสียกับลูกค้าและเศรษฐกิจของยุโรปด้วย อย่างไรก็ตามแอปเปิลเองก็ระบุเพิ่มเติมว่าการบังคับใช้นั้นที่จริงไม่จำเป็น เพราะภาพรวมอุตสาหกรรมก็เปลี่ยนมาใช้ USB-C เป็นสายชาร์จมากขึ้นอยู่แล้ว
แอปเปิลยังเปิดเผยผลการศึกษาโดย Copenhagen Economics ที่แอปเปิลให้เงินสนับสนุนว่าหากบังคับใช้สายชาร์จมาตรฐานเดียว จะทำให้ลูกค้าในยุโรปมีต้นทุนเพิ่มทุน 1,500 ล้านยูโร ขณะที่ประโยชน์ทางสิ่งแวดล้อมที่ได้กลับกันนั้นอยู่ที่ 13 ล้านยูโร
ที่มา: Reuters |
# ตำรวจลอนดอนประกาศใช้กล้องระบบจดจำใบหน้าในจุดสำคัญ ช่วยตรวจจับอาชญากร
กรมตำรวจนครบาลของกรุงลอนดอน (London's Metropolitan Police Service) ประกาศจะเริ่มใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า หรือ LFR (live facial recognition) ในพื้นที่สำคัญของเมือง
ตัวกล้องจะตรวจจับคนที่เดินผ่านไปมา และจะส่งคำแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่หากจับคู่ใบหน้ากับอาชญากร คนที่ต้องการตัวอยู่ได้ โดยทางกรมตำรวจคาดหวังว่า ระบบจดจำใบหน้าจะช่วยให้ตำรวจจัดการกับคดีอาชญากรรมร้ายแรงได้
ทางตำรวจระบุว่า ตัวกล้องจะมีป้ายบอกชัดเจน และตำรวจจะสื่อสารให้ประชาชนรู้ถึงการดำเนิการที่เกิดขึ้น และยังบอกด้วยว่า ตัวกล้องเป็นเทคโนโลยีสแตนด์อะโลน ไม่ได้เชื่อมโยงไปยังระบบอื่นอย่างกล้องวงจรปิด CCTV และกล้องวิดีโอที่ติดตามตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ
แม้กรมตำรวจจะยืนยันว่า LFR สามารถใช้ในทางที่ดีได้ แต่ก็ยังมีนักวิจัยกังวลถึงความแม่นยำของระบบกล้อง และความชอบธรรมทางกฎหมาย นักวิจัย University of Essex พบว่ากล้อง LFR ของกรมตำรวจลอนดอนมีอัตราความไม่ถูกต้องสูงถึง 81% นอกจากนี้ตัว LFR ที่ตำรวจ South Wales เอาไปใช้ก็ระบุคนบริสุทธิ์ 2,300 คน ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอาชญากร
แนวทางของกรมตำรวจลอนดอนยังสวนทางกับคณะกรรมาธิการยุโรปที่ตั้งใจจะแบนการใช้ LFR ในพื้นที่สาธารณะนาน 5 ปี และหน่วยงานกำกับดูแลก็กำลังมองหาการป้องกันการใช้ LFR ในทางที่ผิด
ภาพจาก London's Metropolitan Police Service
ที่มา - Engadget |
# Eclipse ประกาศออก Jakarta EE 9 กลางปี 2020, ใช้ร่วมกับ Java EE 8 ไม่ได้แล้ว
โครงการ Java EE ย้ายจาก Oracle ไปสู่ Eclipse Foundation โดยใช้ชื่อใหม่ว่า Jakarta EE และออกเวอร์ชันแรกคือ Jakarta EE 8 เมื่อเดือนกันยายน 2019 โดยไม่มีความแตกต่างใดๆ จาก Java EE 8 ที่ออกในปี 2017 นอกจากการเปลี่ยนข้อความ Java เป็น Jakarta เท่านั้น เพราะเป้าหมายคือรักษาความเข้ากันได้ของแอพพลิเคชันเดิมที่เขียนบน Java EE 8
ล่าสุดมูลนิธิ Eclipse Foundation ประกาศแผนการออก Jakarta EE 9 ช่วงกลางปี 2020 โดยยังไม่มีฟีเจอร์ใหม่เช่นเดิม การเปลี่ยนแปลงสำคัญของเวอร์ชันนี้คือเปลี่ยนข้อความใน namespace เวลาอ้างอิงแพ็กเกจ java มาเป็น jakarta ซึ่งจะทำให้แอพพลิเคชันเดิมไม่สามารถรันได้ (สาเหตุมาจากนโยบายเครื่องหมายการค้าของ Oracle)
Eclipse Foundation บอกว่าต้องการรีบออก Jakarta EE 9 โดยเร็ว เพื่อเป็นจุดตั้งต้นของแพลตฟอร์มใหม่ ก่อนที่จะเริ่มพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้กับ Jakarta EE 10 ในขั้นถัดไป
ที่มา - Jakarta EE, InfoWorld |
# วุฒิสมาชิกสหรัฐเรียกร้องให้ Tesla แก้ไขชื่อ Autopilot เหตุทำให้เข้าใจผิดและอันตราย
Autopilot ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Tesla เป็นประเด็นมาตลอดเรื่องการใช้ชื่อ จากประเด็นทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ทั้งที่จริงระบบไร้คนขับ Tesla จัดอยู่ในหมวดผู้ช่วยขับขี่อย่างการประคองเลน เปลี่ยนเลน เบรคฉุกเฉินหรือปรับความเร็วตามคันหน้าเป็นหลักเท่านั้น
Edward Markey วุฒิสมาชิกแมสซาชูเซตส์พรรคเดโมแครตหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีกครั้ง โดยระบุว่าการเรียกชื่อ Autopilot ทำให้รถ Tesla มีประเด็นด้านความปลอดภัย เลยเรียกร้องให้ Tesla ใช้คอมมอนเซนส์ และแก้ไขชื่อและการโปรโมทของ Autopilot รวมถึงใช้ระบบตรวจจับการหลับของคนขับเพิ่มเติม เพื่อความปลอดภัยทั้งบนท้องถนน ผู้โดยสารและต่อคนเดินเท้า
ที่ผ่านมีข่าวคนขับนั่งหลังเปิดโหมด Autopilot ไปจนถึงอุบัติเหตุจากการใช้งานโหมดนี้อยู่เนือง ๆ ขณะที่การสำรวจผู้ใช้รถก็ชี้ตรงกันว่า ชื่อ Autopilot ส่งผลให้ผู้ใช้งานคาดหวังในความสามารถเกินจริง
ที่มา - ArsTechnica
รูปจาก Tesla |
# ผู้ใช้ YouTube Premium บางประเทศได้ข้อเสนอได้เป็น Channel Memberships ฟรี 1 ช่อง
YouTube พยายามไล่ตามให้ทันแพลตฟอร์มสตรีมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการดึงตัวสตรีมเมอร์ชื่อดังมาร่วมงาน ล่าสุด มีผู้ใช้งาน YouTube Premium พบว่าพวกเขาได้รับข้อเสนอสามารถเป็น Channel Memberships ได้ฟรี 1 ช่อง
Channel Memberships คือการที่ผู้ชมสามารถจ่ายเงินค่าสมาชิก 4.99 ดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์พิเศษของทางช่องนั้นๆ เป็นอีกช่องทางในการสนับสนุนครีเอเตอร์ที่ชอบ การเป็น Channel Memberships จะได้เข้าถึงเนื้อหาพิเศษกว่าผู้ติดตามคนอื่นๆ เช่น วิดีโอเฉพาะที่ทำให้กลุ่มสมาชิกดู live chat, อีโมจิ เป็นต้น
เบื้องต้นยังมีแค่ผู้ใช้งาน YouTube Premium บางประเทศที่ได้รับข้อเสนอนี้ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา เยอรมันนี
สวีเดน นอร์เวย์ ที่สังเกตเห็นข้อเสนอดังกล่าว แต่ยังไม่มีการยืนยันใดๆ จาก YouTube
ฟีเจอร์ทำนองนี้มีใน Twitch เหมือนกัน โดยเป็นสิทธิพิเศษที่มอบให้แก่สมาชิก Amazon Prime
ที่มา - 9to5Google |
# MIT สร้างปัญญาประดิษฐ์ทำแผนที่จากภาพดาวเทียม ชี้น่าใช้กับประเทศไทยเพราะถนนเปลี่ยนบ่อยแถมข้อมูลไม่อัพเดต
ทีมวิจัยจาก MIT Computer Science and Artificial Intelligence Laboratory (CSAIL) และ Qatar Computing Research Institute (QCRI) รายงานความสำเร็จในการสร้างปัญญาประดิษฐ์สร้างข้อมูลแผนที่จากดาวเทียม โดยสามารถอ่านข้อมูลได้แม่นยำแม้ภาพถ่ายดาวเทียมจะมีสิ่งก่อสร้างหรือต้นไม้บังถนนอยู่ก็ตาม
ปัญญาประดิษฐ์ RoadTagger รวมเอาเครือข่ายนิวรอนสองชุด ชุดหนึ่งเป็น Graph Neural Network (GNN) สำหรับการคาดเดาข้อมูลถนนจากเส้นทางที่เชื่อมโยงกัน ส่วน Convolutional Neural Network (CNN) นั้นเป็นตัวอ่านภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อดึงข้อมูลถนนออกมา
ผลวิจัยแสดงความสามารถของ RoadTagger ที่ทนทานต่อสภาพถนนแบบต่างๆ เช่น เส้นแบ่งเลนหายไป, จำนวนเลนบนถนนเปลี่ยน, ภาพเลนถนนถูกบังโดยต้นไม้หรืออาคาร
Favyen Bastani ผู้ร่วมวิจัย ระบุว่าการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่าง RoadTagger จะทำให้สามารถสร้างข้อมูลในฐานข้อมูลขนาดใหญ่อย่าง OpenStreetMap ได้ โดยเฉพาะในประเทศไทยนี่ถนนมีความเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งและไม่มีชุดข้อมูลที่อัพเดต
ที่มา - MIT |
# Boston Dynamics ออกชุด SDK ควบคุมหุ่นยนต์ Spot คนทั่วไปโหลดมาดูได้
Boston Dynamics เริ่มขายหุ่นยนต์ Spot มาตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ปล่อยชุด SDK ให้ทุกคนดาวน์โหลดออกมาดูได้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง
ตัว SDK เป็นภาษาไพธอนรองรับ Python 3.6 และ 3.7 เท่านั้น โดยมาพร้อมกับโปรแกรมตัวอย่าง 3 โปรแกรม ได้แก่ Hello, Spot! สำหรับทดสอบการควบคุมเบื้องต้น เช่นขยับตัวแล้วถ่ายภาพ, WASD โปรแกรมใช้คีย์บอร์ดควบคุมตัวหุ่นยนต์, และ Commmand Line สำหรับการจับสถานะหุ่นยนต์
แม้ว่า SDK จะมีซอร์สโค้ดให้ แต่สัญญาอนุญาตที่เปิดออกมาบังคับให้ใช้งานกับหุ่น Spot เท่านั้น และการซื้อหุ่นต้องสมัครเข้า Early Adopter Program ก่อน
ที่มา - Boston Dynamics |
Subsets and Splits