File size: 3,032 Bytes
c5b6280
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
Book,Page,LineNumber,Text
31,0049,001,ต.  ไม่ต้อง  เพราะในสิกขาบทตติยปาราชิกระบุไว้ชัดว่า  แกล้ง 
31,0049,002,จึงต้อง.
31,0049,003,๒๔๖๐
31,0049,004,ถ.  พระ ก.  ลอบประหารชีวิตพระ ข. ตาย  แต่ไม่มีใครรู้เห็น
31,0049,005,จึงเงียบความไป  ถ้าเทียบทางบ้านเมืองก็คงไม่ต้องรับโทษอะไร  ส่วน
31,0049,006,ทางพระศาสนาของเราเป็นเช่นนั้นหรือไม่  เพราะเหตุไร ?
31,0049,007,ต.  หาเป็นเช่นนั้นไม่  เธอผู้นั้นจะต้องได้รับโทษ  คือขาดจาก
31,0049,008,ความเป็นภิกษุทันที  ซึ่งถ้าจะเทียบกับทางบ้านเมืองแล้ว  เท่ากับต้อง
31,0049,009,ประหารชีวิต.  เพราะการลงโทษทางพระพุทธศาสนา  ไม่ต้องมีผู้อื่น
31,0049,010,เป็นผู้ลงโทษ  จะว่าเจ้าตัวเองต้องลงโทษตัวเองก็ว่าได้  ยกเสียแต่ผู้ที่
31,0049,011,หยาบคายจนเกินส่วน  ถึงกับผู้อื่นจับได้  จึงเป็นหน้าที่ของเพื่อนกันจะ
31,0049,012,พึงช่วยเพิ่มโทษ  เช่นคัดออกจากหมู่เป็นต้น.
31,0049,013,๓๐/๙/๖๕
31,0049,014,ถ.  ความทารุณโหดร้าย  สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ทรง
31,0049,015,โปรด  ทรงคาดโทษในทางพระวินัยอย่างสูงไว้เพียงแค่ไหน  มีสิกขาบท
31,0049,016,อะไรเป็นหลักอ้าง ?  ความว่ากระไร ?  จงว่ามา.
31,0049,017,ต.  เพียงแค่ขาดจากภิกษุภาวะ  คือปรับโทษถึงปาราชิกเป็นอย่าง
31,0049,018,สูง.  มีปาราชิกสิกขาบทที่ ๓ เป็นหลักอ้าง.  ความว่า  ภิกษุแกล้งฆ่า
31,0049,019,มนุษย์ให้ตาย  ต้องปาราชิก  ดังนี้.
31,0049,020,๒๔๗๖
31,0049,021,ถ.  อย่างไรเรียกว่าอวดอุตตริมนุสสธรรม ?