File size: 3,646 Bytes
c5b6280
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
Book,Page,LineNumber,Text
42,0026,001,แห่งปาราชิกในคราวเดียว  แต่รวมตีราคาถึงวัตถุปาราชิก  เรียก
42,0026,002,นานาภัณฑะ  ต่างกันอย่างนี้.  
42,0026,003,๒๔๖๔
42,0026,004,ถ.  การถือเอาทรัพย์เป็นอสังหาริมะ  กำหนดว่าถึงที่สุดด้วย
42,0026,005,อะไร ?  จงอธิบาย.
42,0026,006,ต.  ด้วยขาดกรรมสิทธิ์แห่งเจ้าของ.  ตัวอย่าง  เช่น  ภิกษุกล่าวตู่
42,0026,007,เพื่อที่จะเอาที่ดินของผู้ใดผู้หนึ่ง  เจ้าของเป็นผู้มีวาสนาน้อยเถียงไม่ขึ้น
42,0026,008,ทอดกรรมสิทธิ์ของตนเสีย  ภิกษุต้องอาบัติถึงที่ในขณะนั้น  ถ้าเจ้าของ
42,0026,009,ยังไม่ปล่อยกรรมสิทธิ์  ฟ้องภิกษุในศาลเพื่อเรียกที่ดินคืนต่างเป็นความ
42,0026,010,แก้คดีกัน  ถ้าเจ้าของแพ้  ภิกษุต้องอาบัติถึงที่.  ภิกษุเป็นโจทฟ้อง
42,0026,011,ความเองเพื่อตู่เอาที่ดินก็เหมือนกัน.  แต่คำว่าเจ้าของแพ้ความนั้น
42,0026,012,พึงเข้าใจว่าแพ้ในศาลสูงสุดที่คดีเป็นจบลงเพียงเท่านั้น.
42,0026,013,๒๔๖๔
42,0026,014,ถ.  ภิกษุต้องปาราชิกเพราะทรัพย์ของตนเองจักมีหรือไม่ ?  ถ้ามี
42,0026,015,จัดเข้าในอวหารข้อไหน ?  จงตอบให้ได้ความชัด.
42,0026,016,ต.  มี  จัดเข้าในสังเกตวีตินามนะ  เช่นภิกษุนำของควรแก่
42,0026,017,ภาษีมาจะผ่านที่เก็บภาษี  ซ่อนของเหล่านั้นเสีย  หรือของมากซ่อน
42,0026,018,ให้เห็นแต่น้อย  ดังนี้  ต้องอาบัติถึงที่สุดขณะนำของนั้นล่วงพ้นเขต
42,0026,019,เก็บภาษี  เพื่อจำง่าย  เรียกว่าตระบัด  อวหารบทนี้เพ่งทรัพย์ของตน
42,0026,020,แต่ต้องเสียให้แก่ผู้ครองบ้านเมืองที่ตนนำของผ่านเข้าไป  ข้อนี้แสดง
42,0026,021,ให้เห็นว่า  ฝ่ายพระยอมนับถือกรรมสิทธิ์ของผู้ครองบ้านเมืองในที่จะ
42,0026,022,เก็บภาษี  ซึ่งท่านจะพึงได้จากตนตามจำนวนสินค้า  ในคัมภีร์วิภังค์