File size: 3,976 Bytes
c5b6280
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
Book,Page,LineNumber,Text
37,0009,001,ทุกข์จากด้วยประการต่าง ๆ  ก็ไม่คิดหาทางทำร้ายตอบแทน  แต่ยับยั้ง  
37,0009,002,ไว้ด้วยขันติและเมตตา  พิจารณาโดยรอบคอบ  แสวงหาความดีความ
37,0009,003,ชอบของเขา  ไม่คิดในทางชั่วร้ายหมายอาฆาต  อันจะก่อให้เกิดความ
37,0009,004,วิวาทบาดหมาง  ซึ่งเป็นทางก่อเวรภัยแก่กันและกันไม่มีวันสิ้นสุด  เมื่อ
37,0009,005,หยุดใจไว้ได้  เวรภัยทั้งหลายอันเป็นฝ่ายอนัตถะก็จะสงบระงับดับสูญไป
37,0009,006,สมด้วยเทศนานัยวิธีซึ่งมีมาในสวดมนต์ฉบับหลวง  อีกบทหนึ่งว่า
37,0009,007,<B>เกวลานํปิ  ปาปานํ		ขนฺติ  มูลํ  นิกนฺตติ
37,0009,008,ครหกลหาทีนํ			มูลํ  ขนติ  ขนฺติโก</B>
37,0009,009,ขันติย่อมตัดรากเง่าแห่งบาปทั้งสิ้น  ผู้มีขันติชื่อว่าย่อมขุดราก
37,0009,010,แห่งความติเตียนและความวิวาทเป็นต้นได้  ดังนี้
37,0009,011,ธรรมภาษิตบทนี้ชี้ให้เห็นว่า  บาปคือความชั่วร้ายที่เป็นไปทาง
37,0009,012,กาย  เรียกว่ากายทุจริตเป็นต้น  ย่อมจะเกิดขึ้นจากอกุศลมูลมีโลภะ
37,0009,013,เป็นต้น  เมื่ออกุศลมูลเกิดขึ้นแล้วจำต้องใช้ขันติเป็นเครื่องตัดบั่นทอน
37,0009,014,ให้สงบ  เมื่ออกุศลมูลสงบลงราบคาบ  บาปทั้งหลายกล่าวคือความ
37,0009,015,ชั่วร้ายอันไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูลทั้งแก่ตนและคนอื่นก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้
37,0009,016,ดังนั้นผู้ที่มีขันติเป็นวิหารธรรมประจำใจ  จึงชื่อว่าย่อมขุดรากแห่งความ
37,0009,017,ตำหนิติเตียนเสียได้  เพราะตนเองก็ติเตียนตนเองว่าเป็นคนชั่วโดยศีล
37,0009,018,เป็นต้นไม่ได้ บัณฑิตผู้รู้ใคร่ครวญทั้งหลายก็ติเตียนไม่ได้  และได้
37,0009,019,ชื่อว่าขุดรากแห่งความทะเลาะวิวาทเสียได้  เพราะได้ใช้ขันติอดกลั้นทน
37,0009,020,ทานต่อความชอบ  ความชัง  และความเข้าใจผิดกันแก่กันและกันเสียได้
37,0009,021,เมื่อขุดรากแห่งความชั่วอันเป็นฝ่ายอนัตถะ  คือสิ่งไม่เป็นประโยชน์