File size: 3,744 Bytes
c5b6280
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
Book,Page,LineNumber,Text
37,0037,001,ว่า  รู้บ้าง  ตื่นบ้าง  รวมความเข้าด้วยกัน  ควรแปลว่า  ความรู้เป็น
37,0037,002,เหตุตื่นคือไม่หลงใหล  หมายความว่า  พระองค์ทรงรู้สิ่งใดตั้งต้นแต่รู้
37,0037,003,กาย  และรู้โลก  รู้สิ่งที่มีในโลก  รู้ความเป็นไปของโลกตามเป็นจริง  
37,0037,004,ไม่หลงไปในอารมณ์นั้น ๆ คือไม่หลงยินดีในส่วนที่น่ายินดี  ไม่หลง
37,0037,005,ยินร้ายในส่วนที่น่ายินร้าย  ไม่หลงงมงายในส่วนที่น่าหลงงมงาย  ทรง
37,0037,006,เห็นว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็แปรปรวนไป  ในที่สุดก็สลายไป
37,0037,007,ได้ชื่อว่าไม่เที่ยง  เพราะแปรไปเป็นทุกข์  เพราะต้องทน  เป็นอนัตตา
37,0037,008,เพราะไม่ใช่ตน  บังคับ  ( ส่วนผล )  ไม่ได้  จึงเป็นพุทโธ  ผู้ตื่นเพราะ
37,0037,009,ไม่หลง  เป็นโลกุตระเหนือโลก  จึงเป็นผู้ไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายตลอดถึง
37,0037,010,ไม่เกิด ด้วยประการฉะนี้.
37,0037,011,เมื่อพระองค์ทรงแสดงตำสั่งสอนแก่ผู้อื่นด้วยพระกรุณา  ก็ทรงชี้
37,0037,012,ความจริงซึ่งเป็นธรรมคือถูกต้อง  และเป็นประโยชน์  และทรงผ่อนผัน
37,0037,013,เพื่อให้เหมาะแก่ภูมิชั้นของผู้ฟัง  คำสั่งสอนของพระองค์ซึ่งเรียกว่า
37,0037,014,ศาสนธรรมจึงมีมาก.  โดยปริยายหนึ่ง  ทรงแสดงเหตุ คือกรรมที่
37,0037,015,บุคคลทำทางกาย ๑  ทางวาจา ( คือพูด ) ๑  ทางใจ  ( คือคิด ) ๑
37,0037,016,ว่าเป็นเหตุให้ผลแก่ผู้ทำ  ส่วนผู้ทำจะพอใจหรือไม่ก็ตาม  จะรู้หรือ
37,0037,017,ไม่รู้ก็ตาม  ก็คงให้ผลอยู่นั่นเอง  และให้ผลไม่เสมอกัน  คือส่วนชั่ว
37,0037,018,ที่เรียกว่าอธรรมหรือบาปให้ผลชั่ว  ส่วนที่ดี  เรียกว่าธรรมหรือบุญ
37,0037,019,ให้ผลดี  ดังพระพุทธภาษิตว่า
37,0037,020,"<B>"" น  หิ  ธมฺโม  อธมฺโม  จ		อุโภ  สมวิปากิโน"
37,0037,021,"อธมฺโม นิรยํ  เนติ			ธมฺโม ปาเปติ  สุคตึ ""</B>"