File size: 4,626 Bytes
c5b6280
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
Book,Page,LineNumber,Text
39,0012,001,<B>เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานเพื่ออะไร</B>
39,0012,002,เพื่อให้เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งที่สรุปรวมเป็นรูปนาม  เมื่อเกิด
39,0012,003,การรู้แจ้งเห็นจริงแล้ว  ก็ย่อมจะคลายความหลงผิดความเข้าใจผิด  จนกลาย 
39,0012,004,เป็นความยึดมั่นถือมั่นในสังขารทั้งหลายว่าเป็นของเราบ้าง  ว่าเป็นเราบ้าง
39,0012,005,ว่าเป็นตัวเป็นตนของเราบ้าง  ซึ่งข้อนี้พระพุทธเจ้าทรงสอนให้บุคคลพิจารณา
39,0012,006,เห็นด้วยปัญญาอันชอบ  ตามความเป็นจริงว่า
39,0012,007,รูปนามหรือขันธ์ ๕ ที่เป็นอดีตก็ดี  อนาคตก็ดี  ปัจจุบันก็ดี  หยาบ
39,0012,008,ก็ดี  ละเอียดก็ดี  เลวก็ดี ประณีตก็ดี  อยู่ไกลก็ดี  อยู่ใกล้ก็ดี  ขันธ์ ๕  ทั้งหมด
39,0012,009,นั้นก็เป็นเพียงขันธ์  ๕ เท่านั้น  ไม่ใช่ของเรา  ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวใช่ตนของ
39,0012,010,เรา  เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบเช่นนี้แล้ว  ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย
39,0012,011,คลายกำหนัดในขันธ์ ๕  ลงไปได้  และเมื่อเบื่อหน่ายคลายกำหนัดถึงจุดสูงสุด
39,0012,012,จิตก็จะหลุดพ้นจากความยึดถือว่าเป็นของเรา  เป็นเรา  เป็นตัวตนของเรา
39,0012,013,เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว  ญาณคือความรู้จะเกิดผุดขึ้นภายในใจของท่านผู้หลุด
39,0012,014,พ้น  รู้ว่าตนเองได้หลุดพ้นจากอำนาจของกิเลสเหล่านั้นแล้ว  เสร็จกิจที่ควร
39,0012,015,ประพฤติกระทำเกี่ยวกับการละความชั่ว  ประพฤติความดีหรือละกิเลส
39,0012,016,การปฏิบัติสมถกัมมัฏฐาน กับวิปัสสนากัมมัฏฐาน  เป็นการปฏิบัติที่เกื้อกูล
39,0012,017,ซึ่งกันและกัน  ผู้ปฏิบัติอาจจะเริ่มต้นที่สมถกัมมัฏฐาน  แล้วไปเจริญ
39,0012,018,วิปัสสนาหรืออาจจะเริ่มที่วิปัสสนา  แต่ในที่สุดท่านเหล่านั้น  ก็จะประสบ
39,0012,019,ผลเช่นเดียวกัน  เมื่อถึงจุดหมายปลายทางของการประพฤติปฏิบัติ ดังนั้น
39,0012,020,กัมมัฏฐานทั้ง ๒  ประการนี้  พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงแสดงว่า  เมื่อบุคคล
39,0012,021,อบรมกระทำให้มากแล้ว  ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง  เป็นไปเพื่อความรู้ดี
39,0012,022,เป็นไปเพื่อความดับ  กัมมัฏฐานทั้ง ๒ ประการ  ก็คือหลักของจิตสิกขา  และ
39,0012,023,ปัญญาสิกขาในทางพระพุทธศาสนานั้นเอง