File size: 3,555 Bytes
c5b6280
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
Book,Page,LineNumber,Text
42,0038,001,เท่านั้น  แต่ถ้ากล่าวด้วยปรารถนาจะหยอกล้อ  ก็เป็นอาบัติทุพภาสิต
42,0038,002,เสมอกัน  ทั้งอุปสัมบัน  ทั้งอนุปสัมบัน  หาต่างอะไรกันไม่.  
42,0038,003,๙/๙/๒๔๖๗
42,0038,004,ถ.  พระ ก.  สนทนากับพระ ข.  กำลังอธิบายฟุ้ง  พระ ค.
42,0038,005,มาถึงก็เอ่ยขึ้นโดยฐานะคุ้นเคยว่า  ท่าทางสมเป็นนักปราชญ์  พระ ก.
42,0038,006,นึกฉุนจึงพูดว่า  คุณไม่มีสมบัติผู้ดีเลย  พระ ข. เห็นท่าไม่ดี  จึงเตือน
42,0038,007,พระ ก. ว่า  ทำเป็นคนกิเลสหยาบดังนี้ไม่ดีดอก  ใน ๓ รูปนี้  รูปไหน
42,0038,008,จะเป็นอาบัติอะไร  เพราะถ้อยคำนั้นบ้างหรือไม่ ?  เพราะเหตุไร ?
42,0038,009,ต.  พระ ก.  เป็นอาบัติปาจิตตีย์  พระ ข. ไม่เป็นอาบัติอะไร  แต่
42,0038,010,พระ ค. เป็นอาบัติทุพภาสิต  เพราะถ้อยคำของพระทั้ง ๓  นั้นเป็นอักโกส-
42,0038,011,วัตถุทั้งนั้น  แต่ที่เป็นอาบัติบ้าง  ไม่เป็นบ้าง  หรือเป็นก็ต่างประเภท
42,0038,012,กันนั้น  เป็นเพราะเจตนาไม่เหมือนกัน  พระ ก. กล่าวด้วยเจตนาโกรธ-
42,0038,013,ซึ่งส่อว่าเพื่อประหารให้เจ็บใจหรืออัปยศ  จึงเป็นปาจิตตีย์  เพราะ
42,0038,014,โอมสวาทสิกขาบท.  พระ ข. กล่าวด้วยเจตนาดี  มีอาการเตือนสติ
42,0038,015,หรือสอนเป็นเบื้องหน้า  จึงไม่เป็นอาบัติอะไร  แต่พระ ค. กล่าวด้วย
42,0038,016,เจตนาหยอกล้อฐานคุ้นเคยกัน  จึงเป็นเพียงทุพภาสิต.
42,0038,017,๙/๙/๒๔๖๗
42,0038,018,ถ.  ถ้าภิกษุนั่งแทรกแซงในสกุลกำลังบริโภคอาหารอยู่  ต้อง
42,0038,019,ปาจิตตีย์ในสิกขาบทที่ ๓  แห่งอเจลกวรรคนั้นถูก  ส่วนภิกษุที่เข้าไป
42,0038,020,นั่งในสกุลที่มีแต่สามีกับภรรยา  ตามที่ท่านแก้ไว้ในคัมภีร์วิภังค์ก็เป็น
42,0038,021,อันไม่ต้องอาบัติละซิ  จะบริหารว่ากระไร ?