|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
03,032,001,พระเมาลีนั้น อย่างไรก็คงต้องตัด คำนั้นเป็นอันไม่ผิด. ถอดใจความ
|
|
03,032,002,แห่งคำเหลือว่า ตั้งแต่นั้นมา ไม่ไว้พระเกศายาวกว่า ๒ นิ้วอีก
|
|
03,032,003,"จนตลอดพระชนมายุ, ความก็ลงกันกับของพระมัชฌิมภาณกาจารย์"
|
|
03,032,004,เพราะในพระวินัย มีพระพุทธานุญาตให้ไว้ผมได้ยาวเพียง ๒ นิ้วหรือ
|
|
03,032,005,นาน ๒ เดือน.
|
|
03,032,006,เหตุไฉนพระพุทธรูปโบราณจึงมีพระเกตุมาลา ดูเป็นทีเกล้าพระ
|
|
03,032,007,เมาลี ? พระพุทธรูปโดยมากเป็นอย่างนั้น แต่พระพุทธรูปศิลาใน
|
|
03,032,008,แคว้นเนปาล อินเดียตอนเหนือ ดูเป็นตัดพระเมาลีเหลือไว้ยาว ๆ
|
|
03,032,009,กว่า ๒ นิ้ว. ถ้าพระพุทธรูปเหล่านี้ทำตามเรื่องในอรรถกถาว่าตัดพระ
|
|
03,032,010,เมาลีด้วยพระขรรค์ก็แล้วไป. ถ้าไม่อย่างนั้น ก็จะนำให้สันนิษฐาน
|
|
03,032,011,อีกทางหนึ่ง. ธรรมเนียมของบรรพชิตในครั้งนั้น เกล้าผมเซิงที่เรียก
|
|
03,032,012,"ว่าชฎาก็มี เช่นชฎิลกัสสปะพี่น้อง ๓ รูปกับพวกบริวาร, ที่โกนผมก็มี"
|
|
03,032,013,เช่นพวกอาชีวกและพวกนิครนถ์. การบรรพชาของพระมหาบุรุษ
|
|
03,032,014,"ตามเรื่องดูเหมือนเป็นตามลำพังพระองค์เดียว, แต่การเสด็จอยู่ใน"
|
|
03,032,015,"สำนักอาฬารดาบสและอุททกดาบส แสดงด้วยว่าเนื่องด้วยคณะ, เมื่อ"
|
|
03,032,016,เป็นเช่นนี้ การถือเพศน่าจะต้องเป็นตามแบบของคณะ. บางทีพระ
|
|
03,032,017,องค์จะถือเพศเกล้าชฎาหรือตัดพระเมาลีแต่ไว้ยาว ๆ มาก่อน ภายหลัง
|
|
03,032,018,จึงเปลี่ยนเป็นโกนทีเดียว แต่ในปฐมโพธิกาล คือยุคตื้นแห่งตรัสรู้
|
|
03,032,019,"นั้นเอง, เพราะเมื่อทรงอนุญาตสาวกเพื่อให้อุปสมบทแก่กุลบุตรได้"
|
|
03,032,020,"ด้วยให้กล่าวแสดงตนถึงพระรัตนะ ๓ เป็นสรณะ, ตรัสให้ผู้จะรับ"
|
|
|