|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
06,0034,001,รื้อเรือน กำหนดว่าถึงที่สุดด้วยทำให้เคลื่อนที่สำเร็จ ดุจนัยในทรัพย์
|
|
06,0034,002,เป็นสังหาริมะ.
|
|
06,0034,003,ยังมีอวหารที่จะพึงกำหนดด้วยอาการอย่างอื่น จากทรัพย์ อยู่อีก
|
|
06,0034,004,กำหนดด้วยกรรมสิทธิ์บ้าง ด้วยอย่างอื่นบ้าง ดังต่อไปนี้ :-
|
|
06,0034,005,ภิกษุรับของฝาก มีไถยจิตคิดเอาเสีย ครั้นเจ้าของมาขอคืน
|
|
06,0034,006,กล่าวปฏิเสธว่าไม่ได้รับไว้ หรือได้ให้คืนแล้วก็ตาม เช่นนี้พึงกำหนด
|
|
06,0034,007,ต้องอาบัติด้วยขาดกรรมสิทธิ์แห่งเจ้าของ ดังกล่าวแล้วในบทตู่นั้น.
|
|
06,0034,008,เพื่อจำง่าย ควรเรียกว่า ฉ้อ. หากจะมีคำถามสอดเข้ามาว่า เหตุ
|
|
06,0034,009,ไฉนไม่กำหนดเป็นอาบัติ ด้วยทำให้เคลื่อนจากฐาน. แก้ว่า อวหาร
|
|
06,0034,010,ที่กำหนดเป็นอาบัติ ด้วยทำให้เคลื่อนจากฐานนั้น เพ่งอาของที่
|
|
06,0034,011,ภิกษุไม่ต้องสำนอง คือรับผิดหรือรับใช้ในเมื่อหายไปแล้ว ส่วนของ
|
|
06,0034,012,ที่ภิกษุรับฝากไว้นั้น ภิกษุต้องเป็นผู้สำนอง คือต้องรับใช้ในเมื่อ
|
|
06,0034,013,ของนั้นหาย เหตุดังนั้น ในการรับฝาก ท่านจึงกำหนดเป็นอาบัติ
|
|
06,0034,014,ด้วยขาดกรรมสิทธิ์แห่งเจ้าของ ที่ภิกษุนั้นพ้นจากความเป็นผู้จะต้อง
|
|
06,0034,015,สำนองต่อไป.
|
|
06,0034,016,ภิกษุมีกรรมสิทธิ์ในอันรักษาของซึ่งตั้งอยู่ในที่ใด เช่น ภิกษุผู้เป็น
|
|
06,0034,017,ภัณฑาคาริก มีหน้าที่รักษาเรือนคลัง แม้มีไถยจิตถือเอาของใน
|
|
06,0034,018,ที่นั้น ยังไม่นำออกไปพ้นเขตเพียงใด อาบัติยังไม่ถึงที่สุดเพียงนั้น
|
|
06,0034,019,ต่อเมื่อเอาออกพ้นเขตที่ตนมีกรรมสิทธิ์ในอันรักษานั้น อาบัติจึงถึง
|
|
06,0034,020,ที่สุด. เพื่อจำง่าย ควรเรียกว่า ยักยอก. อธิบายนี้อาศัยอวหาร
|
|
06,0034,021,เรียกชื่อว่าสังเกตวีตินามนะในอรรถกถา. ในที่นั้นท่านแสดงว่า ภิกษุ
|
|
|