dhamma-scholar-book / 26 /260030.csv
uisp's picture
init upload
c5b6280
raw
history blame
3.86 kB
Book,Page,LineNumber,Text
26,0030,001,มีเพศที่เขานับถือเขากราบไหว้ ให้ปัจจัยเครื่องเลี้ยงชีวิต ถ้าภิกษุ
26,0030,002,ประพฤติในทางผิด ๆ คือลักของเขา หรือทำร้ายร่างกายเขาเช่นนั้น
26,0030,003,แล้ว เขาก็จะเสื่อมความนิยมนับถือและเลื่อมใส และไม่เกื้อกูลดัง
26,0030,004,ที่เคยได้กระทำมา เมื่อเช่นนี้ภิกษุจะขาดกำลังอันสำคัญลงสักเพียงไร
26,0030,005,อนึ่ง การประพฤติตนเป็นคนเช่นนั้น ใช่ว่าจะเป็นความเสียหายเพียง
26,0030,006,เท่านั้นหามิได้ ยังชื่อว่าเบียดเบียนผู้ให้เดือดร้อน ปราศจากความ
26,0030,007,สุข ซึ่งเป็นการปราศจากเมตตาจิตต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่เป็น
26,0030,008,อันได้รับความดีแต่สักอย่าง แม้ในทางโลกเขาก็ยังติผู้ประพฤติเช่นนั้น
26,0030,009,ว่าเป็นคนเลวทราม ไม่ต้องการให้อยู่ในหมู่ และไม่อยากคบหา
26,0030,010,สมาคมด้วย จนถึงกับพระเจ้าแผ่นดินต้องทรงตั้งกฎหมายป้องกันไว้
26,0030,011,ไม่ให้ประชาชนพลเมืองเบียดเบียนกันและกัน และลงโทษแก่ผู้ล่วง
26,0030,012,ละเมิดไว้ หนักบ้างเบาบ้างตามความผิด.
26,0030,013,๓. การที่ห้ามไม่ให้ภิกษุล่วงในปาราชิกขาบทที่ ๔ นั้น เพราะ
26,0030,014,ว่า การอวดอุตตริมนุสสธรรม เป็นการลวงโลกให้หลงเชื่อ ผิด
26,0030,015,ทางของบรรพชิต เป็นความปรารถนาลามก และจัดว่าโกหกโดย
26,0030,016,ตรง ทำให้คนอื่น ๆ หมดความเชื่อถือในถ้อยคำของตนที่กล่าว และ
26,0030,017,คำพูดนั้นแม้จะเป็นจริงอยู่บ้าง เมื่อเขาไม่เชื่อแล้วก็ชื่อว่าหาสาระมิได้
26,0030,018,เพราะชั้นต้นตนพูดไม่จริงให้เขาจับได้แล้ว อนึ่ง การพูดเท็จนั้น ได้
26,0030,019,ชื่อว่าเป็นการตัดประโยชน์ของตนเสีย และทำประโยชน์ของผู้อื่นให้
26,0030,020,เสื่อมเสียไปด้วย เป็นความเสียหายหลายอย่าง ทั้งฝ่ายตนและผู้อื่น