|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
10,0040,001,ภิกษุก็คงคิดว่า เดี๋ยวนี้ใครหนอยุยงให้เราแตกร้าวจากสกุลนี้ เดี๋ยวนี้ดู
|
|
10,0040,002,มนุษย์พวกนี้มีอาการอิดหนาระอาใจในเรา เพราะไม่ได้อะไร เธอก็จัก
|
|
10,0040,003,มีความเก้อ ครั้นเก้อ ก็จักเกิดความฟุ้งซ่าน ครั้นคิดฟุ้งซ่านแล้ว
|
|
10,0040,004,ก็จักเกิดความไม่สำรวม ครั้นไม่สำรวมแล้ว จิตก็จักห่างจากสมาธิ. อนึ่ง
|
|
10,0040,005,ท่านควรสำเหนียกใจอย่างนี้ว่า เราจักไม่พูดคำอันเป็นเหตุเถียงกัน ถือ
|
|
10,0040,006,ผิดต่อกันดังนี้ เพราะว่า เมื่อคำอันเป็นเหตุเถียงกัน ถือผิดต่อกันมีขึ้น
|
|
10,0040,007,ก็จำจักต้องหวังความพูดมาก เมื่อความพูดมากมีขึ้น ก็จักเกิดความคิดฟุ้ง
|
|
10,0040,008,ซ่าน ครั้นคิดฟุ้งซ่านแล้ว ก็จักเกิดความไม่สำรวม ครั้นไม่สำรวมแล้ว
|
|
10,0040,009,จิตก็จักห่างจากสมาธิ. อนึ่ง โมคคัลลานะ เราสรรเสริญความคลุกคลี
|
|
10,0040,010,ด้วยประการทั้งปวงหามิได้ แต่มิใช่ไม่สรรเสริญความคลุกคลีด้วยประ-
|
|
10,0040,011,การทั้งปวงเลย คือ เราไม่สรรเสริญความคลุกคลีด้วยหมู่ชนทั้ง ทั้งคฤหัสถ์
|
|
10,0040,012,ทั้งบรรพชิต ก็แต่ว่า เสนาสนะที่นอนที่นั่งอันใดเงียบเสียงอื้ออึง
|
|
10,0040,013,ปราศจากลมแต่คนเดินเข้าออก ควรเป็นที่ประกอบกิจของผู้ต้องการ
|
|
10,0040,014,ที่สงัด ควรเป็นที่หลีกเร้นอยู่ตามสมณวิสัย เราสรรเสริญความ
|
|
10,0040,015,คลุกคลีเสนาสนะเห็นปานนั้น. เมื่อพระศาสดาตรัสสอนอย่างนี้แล้ว
|
|
10,0040,016,พระโมคคัลลานะกราบทูลถามว่า โดยย่อด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่าไร ภิกษุ
|
|
10,0040,017,ชื่อว่าน้อมไปแล้วในธรรมที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วน เกษมจาก
|
|
10,0040,018,โยคธรรมล่วงส่วน เป็นพรหมจารีบุคคลล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน
|
|
10,0040,019,ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย. พระศาสดาตรัสตอบว่า
|
|
10,0040,020,โมคคัลลานะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ได้สดับว่าบรรดาธรรมทั้งปวงไม่ควร
|
|
10,0040,021,ยึดมั่น ครั้นได้สดับดังนี้แล้ว เธอทราบธรรมทั้งปวงชัดด้วยปัญญา
|
|
|