|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
11,0031,001,ผู้ใดประพฤติวัตรนั้น ชื่อว่าประพฤติพรหมจรรย์ และเขามี
|
|
11,0031,002,วิธีลอยบาป คือตั้งพิธีอย่างหนึ่งเป็นการประจำปี ที่เรียกว่า ศิวาราตรี
|
|
11,0031,003,ในพิธีนั้นเขาลงอาบน้ำในแม่น้ำ สระเกล้าชำระกายให้หมดจดแล้ว ถือ
|
|
11,0031,004,ว่าได้ลอยบาปไปตามกระแสน้ำแล้ว เป็นสิ้นบาปกันคราวหนึ่ง ถึงปี
|
|
11,0031,005,ก็ทำใหม่ เขามีเวท คือ ตำรับแสดงการบูชายัญ กับทั้งมนต์สำหรับ
|
|
11,0031,006,เซ่นและสวดอ้อนวอนพระเป็นเจ้าของเขา และกิจที่จะต้องทำในศาสนา
|
|
11,0031,007,ของเขา ๓ อย่าง ชื่ออิรุพเพท ๑ ยชุพเพท ๑ สามเพท ๑ ถ้าเติม
|
|
11,0031,008,อถัพเพทเข้าด้วยเป็น ๔ ผู้ใดเรียนจบเพททั้ง ๓ หรือทั้ง ๔ นั้นแล้ว
|
|
11,0031,009,ชื่อว่าถึงที่สุดเพท พราหมณ์ก็คือคนชาตินั้น ธรรมที่ทำบุคคลให้เป็น
|
|
11,0031,010,พราหมณ์ ก็คือไตรเพท ส่วนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้โวหารนั้น
|
|
11,0031,011,แต่เปลี่ยนแสดงสมณะ และธรรมที่บุคคลให้เป็นสมณะว่า เป็น
|
|
11,0031,012,พราหมณ์ และธรรมที่ทำบุคคลให้เป็นพราหมณ์ในพระพุทธศาสนา
|
|
11,0031,013,ด้วยพระวาจาที่กล่าวมาแล้ว อธิบายว่าบุคคลผู้ให้บาปสงบระงับแล้วจาก
|
|
11,0031,014,สันดาน ชื่อว่าเป็นพราหมณ์ ๆ นั้นละกิเลสที่ทำให้เป็นคนดุร้ายเย่อหยิ่ง
|
|
11,0031,015,และย้อมจิตให้ติดแน่นในกามารมณ์แล้ว จึงชื่อว่ามีบาปอันลอยเสียแล้ว
|
|
11,0031,016,และพราหมณ์นั้นได้ศึกษารู้จบวิทยาอย่างยอด ๓ ประการ ในศาสนา
|
|
11,0031,017,เสร็จแล้ว จึงชื่อว่าถึงที่สุดจบเวทแล้ว และพราหมณ์นั้นมีกิจที่จะต้อง
|
|
11,0031,018,ทำในการละสิ่งควรละ และเจริญสิ่งควรเจริญ ได้ทำสำเร็จแล้ว ไม่ต้อง
|
|
11,0031,019,เพียรเพื่อกิจอื่นอีก จึงชื่อว่ามีพรหมจรรย์ได้อยู่เสร็จแล้วดังนี้.
|
|
11,0031,020,ครั้นล่วง ๗ วันแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จออกจาก
|
|
11,0031,021,ร่มไม้อชปาลนิโครธ ไปยังไม้จิกซึ่งได้นามว่ามุจลินท์ ทรงนั่งเสวย
|
|
|