dhamma-scholar-book / 13 /130021.csv
uisp's picture
init upload
c5b6280
Book,Page,LineNumber,Text
13,0021,001,ล่างเหมือนอย่างก่อนไม่ พระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทร มีชายจีวร
13,0021,002,ออก ๒ ข้างด้านหลัง แสดงอาการห่มอย่างนี้เอง ครั้นใช้จีวรกว้าง
13,0021,003,ยาว จึงต้องม้วนลูกบวบชักขึ้นเอาริมผ้าพาดบ่า หนีบลูกบวบไว้ด้วย
13,0021,004,แขนซ้าย อย่างพระมหานิกายครองอยู่ ต่อมาจึงเอาลูกบวบพากบ่า
13,0021,005,เสียทีเดียว ไม่ต้องหนีบแล้วกคลายลูกบวบแหวกเอามือขวาออกอย่าง
13,0021,006,พระรามัญครอง และพระธรรมยุตครองตามอย่าง. การครองผ้า
13,0021,007,ธรรมดานำให้หันลงหาความสะดวกเช่นนี้ ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ความ
13,0021,008,ต้องการสะดวกนี้เอง พาให้เห็นว่า ห่มอย่างเดิม เอามือเอาแขนขวา
13,0021,009,ลอดทางล่าง เมื่อยกขึ้นเป็นเวิกผ้า ผิดแบบเวขิยวัตร แต่อันที่จริง
13,0021,010,หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะมีข้ออื่น ๆ บ่งให้เห็นสมว่า เดิมเป็นเช่นนั้น
13,0021,011,ยกขึ้นเกิดประมาณจนเปิดข้าง จึงจัดว่าเป็นอันเวิก. ห่มดองครั้งยัง
13,0021,012,ใช้จีวรเล็ก เอาชายจีวรข้างหนึ่งลอดรักแร้ขวาโอบหน้าอกขึ้นไปปก
13,0021,013,บ่าซ้าย เอาชายอีกข้างหนึ่งโอบหลังขึ้นไปปกบ่าซ้ายทับชายก่อน
13,0021,014,ห้อยลงมาทางราวนมซ้าย พระพุทธรูปเชียงแสนแสดงอาการห่ม
13,0021,015,อย่างนี้เอง ครั้งใช้ผ้ากว้างยาว จึงต้องจีบชายข้างหนึ่งไว้ และพับ
13,0021,016,ทบลงมาก่อนจึงห่ม อย่างพระมหานิกายห่ม ต่อมา ต้องการความ
13,0021,017,สะดวกมากเข้า จึงห่มม้วนลูกบวบเอาขึ้นพาดบนบ่าซ้ายอย่างพระ
13,0021,018,รามัญห่ม และพระธรรมยุตห่มตามอย่าง. สังฆาฏิสำหรับซ้อนห่ม
13,0021,019,เมื่อเข้าบ้าน เมื่อซ้อนเข้ากับอุตตราสงค์แล้ว ในบาลีเรียวว่าสังฆาฏิ
13,0021,020,ทั้งหลาย โดยเอกเสสนัย คือกล่าวแต่ศัพท์เดียว แต่ใช้พหุวจนะ
13,0021,021,และมีห้ามไม่ให้มีแต่ลำพับผ้านุ่งกับผ้าห่มเข้าบ้าน เว้นไว้แต่มีสมัย