|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
14,0022,001,โดยบุคคลาธิษฐาน มีรูปกายนามกายอย่างมนุษย์อันเป็นชนิดสูงสุด
|
|
14,0022,002,แห่งสัตวนิกาย อันพระองค์สร้าง มีโปรดมีกริ้วก็เหมือนกัน แต่
|
|
14,0022,003,มีฤทธิ์ล่วงวิสัยแห่งเหล่าสัตว์อันพระองค์สร้าง พระเจ้านั้นเป็นดั้งเดิม
|
|
14,0022,004,หาผู้สร้างอีกต่อหนึ่งมิได้ ไม่มีเบื้องต้นว่า ปรากฏขึ้นแต่เมื่อครั้งไร
|
|
14,0022,005,ไม่มีที่สุดว่า จักอันตรธานเมื่อไร เป็นผู้เที่ยงยืนที่. ใคร่ครวญมตินี้
|
|
14,0022,006,ดูเหมือนเกิดขึ้นด้วยสางหาหรือบัญญัติเหตุแห่งสังขารนั้น ๆ ถอยหลัง
|
|
14,0022,007,เข้าไป ในที่สุดติดเข้าหรือหยุดลงเพียงนั้น จึงสมมติสภาพนั้นว่า
|
|
14,0022,008,พระเจ้า ถือเอาเป็นดั้งเดิมทีเดียว เช่นนี้ต้องบัญญัติว่า ไม่มีใคร
|
|
14,0022,009,สร้างอยู่เอง ไม่อย่างนั้นเงื่อนจะยังไม่ขาดสาย. มติฝ่ายพระพุทธ-
|
|
14,0022,010,ศาสนาหาได้บัญญัติพระเจ้าขึ้นอย่างนั้นไม่ ถือว่าสังขารทั้งปวงอันเหตุ
|
|
14,0022,011,แต่งขึ้นทั้งนั้น กล่าวคือ เกิดขึ้นเพราะมีเหตุ และเหตุนั้นย่อม
|
|
14,0022,012,เป็นอยู่เองโดยธรรมดา สางหาเข้าไปก็ติดดุจเดียวกัน บัญญัติเหตุที่
|
|
14,0022,013,ติดนั้นว่าอวิชชา ดังจะอธิบายว่า ธรรมชาติอันมิรู้แจ้ง แม้สาวต่อ
|
|
14,0022,014,เข้าไปอีก ก็จะจำขนานชื่ออย่างเดียวกัน จึงจัดเอาอวิชชาเป็นดั้งเดิม
|
|
14,0022,015,กล่าวว่า มีต้นเงื่อนไม่ปรากฏ คล้ายกัน แต่ไม่กล่าวถึงปลายเงื่อน
|
|
14,0022,016,เพราะมีนิพพานเป็นที่ขาดสาย เพี้ยนจากลัทธิข้างต้น ดังจะกล่าว
|
|
14,0022,017,ข้างหน้า. เมื่อประมวลเหตุอันเนื่องกันเป็นสายเข้าว่าธรรมดาเพื่อ
|
|
14,0022,018,ย่นให้สั้นแล้ว จะค้นคว้าหาเหตุแห่งธรรมดาอีกย่อมไม่พบ จึงน่าจัด
|
|
14,0022,019,"ธรรมดาเป็นวิสังขาร. คำว่า ""ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา"""
|
|
14,0022,020,หมายความถึงธรรมดาด้วย.
|
|
14,0022,021,การพิจารณาเห็นสังขารเป็นอนัตตา เว้นโยนิโสมนสิการ อาจ
|
|
|