dhamma-scholar-book / 21 /210024.csv
uisp's picture
init upload
c5b6280
Book,Page,LineNumber,Text
21,0024,001,คือจะต้องตรึกตรองมองดูด้วยใจ จะแลดูด้วยตามิได้ แลดูด้วยใจแล้ว
21,0024,002,ก็อาจจะเห็นพระธรรม ทำใจให้บริสุทธิ์หลุดไปจากกิเลสได้ เพราะเหตุ
21,0024,003,นั้น จึงจะต้องน้อมพระธรรมเข้าในใจ ตรึกตรองพิจารณาไปด้วยใจ
21,0024,004,นัยหนึ่งว่า พระธรรมนั้นเป็นของอันบุคคลจะพึงน้อมเข้าในใจได้ อธิบาย
21,0024,005,ว่าผู้ที่บำเพ็ญเพียรรีบเร่งภาวนา ดังรีบดับผ้าและเศียรอันเพลิงไหม้อยู่
21,0024,006,ฉะนั้นแล้ว ทำมรรคและผลให้เกิดขึ้นในใจ เพราะเหตุนั้น พระธรรม
21,0024,007,จึงชื่อว่า โอปนยิโก อันบุคคลจะพึงน้อมเข้าในใจได้. เพราะธรรมอัน
21,0024,008,นั้น วิญญูชนผู้รู้วิเศษทั้งหลายจะพึงรู้แจ้งเฉพาะตัว อธิบายว่า พระ-
21,0024,009,ธรรมนี้ ท่านที่เป็นนักปราชญ์ทั้งหลายจะพึงเห็นแจ้งในตน ๆ ผู้อื่นที่ไม่
21,0024,010,ได้รู้จะพลอยมารู้ด้วยท่านนั้นไม่ได้ เหมือนอย่างวิชาศิลปศาสตร์ต่าง ๆ
21,0024,011,ผู้ใด ได้ศึกษารู้เข้าใจแล้ว ก็รู้เข้าใจเฉพาะตังของผู้นั้นเอง ผู้อื่นที่ไม่
21,0024,012,ได้ศึกษา จะมาพลอยรู้ในศิลปศาสตร์วิชานั้นด้วยไม่ได้ฉะนั้น.
21,0024,013,เมื่อโยคาพจรกุลบุตรมาระลึกตรึกคิดไปในคุณของพระธรรมอยู่ก็
21,0024,014,จะมละเสียได้ซึ่งนีวรณธรรม จิตก็จะตั้งมั่นเป็นขณิกสมาธิ และอุปจาร-
21,0024,015,สมาธิโดยลำดับ.
21,0024,016,วินิจฉัยในธัมมานุสสติ ยุติแต่เท่านี้.
21,0024,017,จะวินิจฉัยในสังฆานุสสติ เครื่องระลึกถึงคุณพระสงฆ์ต่อไปว่า
21,0024,018,โยคาพจรกุลบุตรผู้เจริญสังฆานุสสติกัมมัฏฐานนั้น พึงอาศัยอยู่ในเสนา-
21,0024,019,สนะอันสมควร โดยนับที่กล่าวมาแล้วก่อนนั้น แล้วจึงระลึกถึงคุณ
21,0024,020,ของพระสงฆ์. พระสงฆ์นั้นมี ๒ จำพวก คือ พระอริยสงฆ์จำพวก ๑
21,0024,021,สมมติสงฆ์จำพวก ๑. ท่านที่ดำรงอยู่ในมรรค ๔ ผล ๔ ชื่อว่าอริยสงฆ์