|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
25,0039,001,ครั้นแยกกันนานมา ภาษาก็ย่อมเปลี่ยนไป ๆ จนแปลกกัน แยกกัน
|
|
25,0039,002,"เป็นภาษาเปอรเซียนแท้และอารยันอินเดียนแท้, ถึงกระนั้นก็ยังมีคำ"
|
|
25,0039,003,เป็นอันมากซึ่งเพี้ยนกันเพียงเล็กน้อย หรืออาจฟังกันออก.
|
|
25,0039,004,ก่อนหน้ายุคพระเวท ภาษาเดิม (ไม่ใช่ภาษาสํสกฤตเดี๋ยวนี้)
|
|
25,0039,005,นั้น นักศึกษาได้ดัดแปลงแก้ไขให้เป็นภาษาสํสกฤตขึ้นอีกภาษาหนึ่ง
|
|
25,0039,006,ซึ่งพวกพราหมณ์ชอบกล่าวว่าเป็นภาษาที่เทวดาประทาน เป็นภาษา
|
|
25,0039,007,ที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นมารดาแห่งภาษาทั้งหลาย. ส่วนภาษาเดิมที่ไม่ถูก
|
|
25,0039,008,ดัดแปลงนั้น คงเป็นภาษาพูดของชาวเมืองทั่วไปสืบมาจนถึงยุคพุทธ-
|
|
25,0039,009,กาล ที่พวกพราหมณ์เรียกว่า ภาษาปรากฤต. ภาษาสํสฤกตนั้น
|
|
25,0039,010,แม้เป็นภาษาสำหรับพระคัมภีร์หรือนักศึกษา จนปรากฏว่าแพร่หลาย
|
|
25,0039,011,ใช้เป็นภาษาพูดกันคราวหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับเป็นภาษากลางที่ใช้กันทั่วไป
|
|
25,0039,012,เหมือนภาษาปรากฤต. จึงเป็นอันกล่าวได้ว่า ภาษาสํสกฤต เป็นภาษา
|
|
25,0039,013,กลางสำหรับนักศึกษา. ภาษาปรากฤต เป็นภาษาพื้นบ้านพื้นเมือง
|
|
25,0039,014,ทั่วไป.
|
|
25,0039,015,ในที่สุด ภาษาสํสกฤตก็เป็นภาษาตายที่ไม่ใช้พูด แต่ยังคงเป็น
|
|
25,0039,016,ภาษาพระคัมภีร์มาตั้งแต่ก่อนพุทธกาลจนบัดนี้ เช่นภาษากรีก หรือ
|
|
25,0039,017,"ละติน, ถึงอย่างไรก็ดี พวกพระหรือพราหมณ์ที่เป็นนักศึกษาก็ยัง"
|
|
25,0039,018,ใช้พูดกันบ้าง เช่นเดียวกับภาษาบาลีในสมัยปัจจุบันนี้. ส่วนภาษา
|
|
25,0039,019,ปรากฤตคงเป็นภาษาพูดพื้นเมืองอยู่ตามเดิม และเจริญอยู่ในบ้าน
|
|
25,0039,020,เมืองที่เป็นศูนย์กลางของพวกอารยัน เพราะเป็นภาษาที่ติดมาดั้งเดิม
|
|
25,0039,021,ในยุคหัวต่อกับพุทธกาลและยุคพุทธกาล มหาชนยังพูดกันแพร่หลาย
|
|
|