|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
26,0029,001,ภิกษุอื่นว่า ภิกษุใดอยู่ในกุฎีของท่าน ภิกษุนั้นได้บรรลุอุตตริมนุสส-
|
|
26,0029,002,ธรรม เช่นนี้เรียกว่าอวดโดยปริยาย ถ้าผู้ฟังเข้าใจเนื้อความที่พูดนั้น
|
|
26,0029,003,เป็นอาบัติถุลลัจจัย ; ถ้าไม่เข้าใจปรับเพียงอาบัติทุกกฏ.
|
|
26,0029,004,๓. ภิกษุเสียจริตหรืออาพาธ ได้รับทุกขเวทนาหนัก จนถึงกับ
|
|
26,0029,005,เพ้อหรือใจลอยสัญญาวิปลาส แล้วพูดอวดอุตตริมนุสสธรรมโดยไม่รู้ตัว
|
|
26,0029,006,และภิกษุต้นบัญญัติ ทำล่วงก่อนแต่มีสิกขาบทที่ห้าม ไม่เป็นอาบัติ.
|
|
26,0029,007,<B>องค์ของการอวดที่ให้ต้องอาบัติปาราชิก</B>
|
|
26,0029,008,๑. อวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตน.
|
|
26,0029,009,๒. อวดด้วยมุ่งความสรรเสริญ.
|
|
26,0029,010,๓. ไม่อ้างผู้อื่น.
|
|
26,0029,011,๔. บอกแก่ผู้ใด ผู้นั้นเป็นชาติมนุษย์.
|
|
26,0029,012,๕. ผู้ฟังรู้ความในขณะนั้น.
|
|
26,0029,013,เหตุที่ห้ามไม่ให้ภิกษุล่วงสิกขาบททั้ง ๔
|
|
26,0029,014,๑. การที่ห้ามมิให้ภิกษุเสพเมถุน เพราะว่าถ้าภิกษุมีเมีย ก็ต้อง
|
|
26,0029,015,มีลูกรุงรัง และการเลี้ยงดูกันจะไม่เพียงพอ เพราะภิกษุจะประกอบการ
|
|
26,0029,016,งานหรือแสวงหาอย่างคฤหัสถ์ไม่ได้ ต้องอาศัยทายกเลี้ยงชีวิตไปมื้อ
|
|
26,0029,017,หนึ่ง ๆ เท่านั้น ถ้าทำเข้าก็เป็นเหตุขัดข้องแต่การประพฤติพรหมจรรย์
|
|
26,0029,018,เพราะการเสพเมถุนนั้น ย่อมเป็นเหตุสร้างเหย้าตั้งเรือน เป็นไปด้วย
|
|
26,0029,019,อำนาจราคะความกำหนัด และราคะความกำหนัดนั้นย่อมเป็นอกุศลมูล
|
|
26,0029,020,คือเป็นเหตุให้อกุศลอื่น ๆ ที่ยังไม่เกิด ๆ ขึ้น ที่เกิดมีอยู่แล้วทวีมากขึ้น.
|
|
26,0029,021,๒. การที่ห้ามไม่ให้ภิกษุล่วงสิกขาบทที่ ๒-๓ นั้น เพราะภิกษุ
|
|
|