dhamma-scholar-book / 31 /310043.csv
uisp's picture
init upload
c5b6280
Book,Page,LineNumber,Text
31,0043,001,ถ. ภิกษุถือเอาทรัพย์ที่เป็นสังหาริมะและอสังหาริมะ จะต้อง
31,0043,002,อาบัติถึงที่สุดได้ต่างกันอย่างไร ?
31,0043,003,ต. ในทรัพย์ที่เป็นสังหาริมะ ให้ต้องอาบัติถึงที่สุดด้วยอาการ
31,0043,004,ทำให้เคลื่อนจากฐาน ที่เป็นอสังหาริมะ ด้วยอาการทำให้ขาดกรรมสิทธิ์.
31,0043,005,๓๐/๘/๗๑
31,0043,006,ถ. มีอุบาสกคนหนึ่งลืมเงินไว้ในที่แห่งหนึ่งราคา ๔ สลึง ซึ่งไม่
31,0043,007,ใช่ที่วัดที่อาศัย มีภิกษุเดินมา ๔ รูป ๆ หนึ่งหยิบเอา ๑ สลึง ดังนี้
31,0043,008,ภิกษุเหล่านั้นจะมีโทษอย่างไรบ้างหรือไม่ ? อธิบายด้วย.
31,0043,009,ต. ถ้าภิกษุนั้นไม่รู้ว่ามีเจ้าของหวงแหน แต่ไม่ได้ชวนกัน
31,0043,010,ไปเอา ดังนี้ นอกจากเป็นนิสสัคคีย์ ก็ไม่เห็นมีอะไร เพราะฉะนั้น
31,0043,011,ต้องเป็นนิสสัคคีย์เพราะจับต้องของนั้นทุกองค์ ถ้าภิกษุนั้นรู้ว่ามีเจ้าของหวง
31,0043,012,แหน แต่ไม่ใช่ชวนกันไปเอา ดังนี้ ต้องปรับด้วยอาบัติถุลลัจจัยทุกองค์
31,0043,013,ด้วยของนั้นมากกว่ามาสก ๑ แล้ว ถ้าภิกษุนั้นรู้ว่ายังมีเจ้าของหวงแหน
31,0043,014,และชวนกันไปเอาของนั้นพร้อมกัน ๔ องค์แล้ว ได้ของนั้นมาตาม
31,0043,015,ความประสงค์ ดังนี้ ต้องปรับอาบัติปาราชิกทุกองค์ ไม่ต้องสงสัย
31,0043,016,เลยทีเดียว.
31,0043,017,๒๔๕๗
31,0043,018,ถ. ภิกษุถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ให้ อย่างไรต้องปาราชิก
31,0043,019,จงให้อุทาหรณ์ ?
31,0043,020,ต. ภิกษุถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ให้ ด้วยเจตนาแห่งขโมย
31,0043,021,ได้ราคา ๕ มาสก (เท่าราคาทองคำหนัก ๒๐ เมล็ดข้าวเปลือก) ต้อง