dhamma-scholar-book / 39 /390011.csv
uisp's picture
init upload
c5b6280
Book,Page,LineNumber,Text
39,0011,001,ได้ทุกอย่าง ไม่มีใครเป็นเจ้าของรูปนามเหล่านั้นอย่างแท้จริง เมื่อบุคคล
39,0011,002,ได้นำรูปนามเหล่านั้นมาแยกย่อยออกไป ก็จะพบว่าไม่มีอยู่อย่างแท้จริง
39,0011,003,เป็นเพียงการเกาะกลุ่มของสังขารทั้งหลายเท่านั้นเอง เหมือนกับการมอง
39,0011,004,เส้นที่ขีดด้วยชอล์ก ในที่ไกลก็ดูเป็นเส้น เมื่อเอากล้องไปส่องดู ก็จะพบว่า
39,0011,005,เป็นเพียงผงของชอล์กที่วางเรียงกันเป็นอันมากเท่านั้นเอง รูปนามก็มี
39,0011,006,ลักษณะเช่นเดียวกัน คือเมื่อย่อยออกไปแล้ว จะกลายเป็นของว่างเปล่า
39,0011,007,หาแก่นสารที่แท้จริงไม่ได้ จึงตรัสกันข้ามกับความคิดความเชื่อถือว่า
39,0011,008,รูปนามหรือบุคคลเป็นอัตตา คือตัวตนอย่างแท้จริง แต่ในขณะเดียวกัน
39,0011,009,พระพุทธศาสนาก็ยอมรับ คือให้มองเห็นในรูปนามว่า ไม่ใช่ตัวใช่ตนอย่าง
39,0011,010,แท้จริง ในชั้นของความจริงอย่างแท้จริง ที่เรียกว่าความจริงระดับปรมัตถ-
39,0011,011,สัจจะ ไม่ใช่ความจริงขั้นของการสมบัติ เพราะความจริงขั้นสมมตินั้น
39,0011,012,พุทธศาสนาก็ยอมรับคำที่สมมติบัญญัติกัน แต่การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน
39,0011,013,นั้น มุ่งที่จะถ่ายถอนความหลงผิดความเข้าใจผิด ที่เรียกว่า การกำหนด
39,0011,014,หมายรูปนามผิด ความคิดที่เกี่ยวกับรูปนาม และความเห็นที่เกี่ยวกับรูปนาม
39,0011,015,ในทางที่ผิด ได้แก่
39,0011,016,กำหนดหมาย ความคิด ความเห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอนว่าเป็น
39,0011,017,สิ่งที่เที่ยงแท้แน่นอน
39,0011,018,ความกำหนดหมาย ความคิด ความเห็น สิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข
39,0011,019,การกำหนดหมาย ความคิด ความเห็น สิ่งที่ไม่ใช่ตัวใช่ตนว่าเป็น
39,0011,020,ตัวตนของเรา
39,0011,021,การกำหนดหมาย ความคิด ความเห็นในสิ่งที่ไม่สวยไม่งามอะไร
39,0011,022,ว่าเป็นของสวยงาม