dhamma-scholar-book / 50 /500019.csv
uisp's picture
init upload
c5b6280
Book,Page,LineNumber,Text
50,0019,001,ถ. สันตาปทุกข์ ท่านแก้ไว้ในธรรมวิจารณ์ ได้ใจความชัดว่า
50,0019,002,อย่างไร ?
50,0019,003,ต. สันตาปทุกข์ ทุกข์คือความร้อนรุม ได้แก่ความกระวน
50,0019,004,กระวายใจ เพราะถูกไฟคือ ราคะ โทสะ โมหะ เผา. ในอาทิตตปริยาย-
50,0019,005,สูตรเรียกกิเลส ๓ นั้นว่าเป็นไฟ ไม่เรียกปกิณณกทุกข์ว่าเป็นไฟ แต่
50,0019,006,คงใช้กิริยาว่าเผาเหมือนกัน สันตาปทุกข์ เป็นทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะ
50,0019,007,ถูกไฟ ๓ นั้นเผา ไม่ใช่ทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะถูกปกิณณกเจตสิกทุกข์เผา
50,0019,008,เพระปกิณณกเจตสิกทุกข์ ท่านจัดคงไว้ว่าเป็นทุกข์อย่างเดิม จะ
50,0019,009,เรียกว่าไฟไม่ได้ เพราะเป็นผลสืบมาจากกิเลส ๓ นั้นเกิดแต่การถูก
50,0019,010,กิเลสเผา ดุจความแสบร้อนอันเกิดในภายหลัง เหตุฉะนั้น ปกิณณก-
50,0019,011,ทุกข์กับสันตาปทุกข์ ท่านจึงจัดไว้ให้ต่างหมวดกัน.
50,0019,012,๑๔/๙/๖๖
50,0019,013,ถ. วิปากทุกข์ โดยใจความต่างจากสันตาปทุกข์อย่างไร ?
50,0019,014,และทุกขลักษณะนี้มีแก่สังขารทั่วไปหรือมีเฉพาะสังขาร ? บ่งความ
50,0019,015,ให้ชัด.
50,0019,016,ต. ต่างกันอย่างนี้ สันตาปทุกข์ เป็นทุกข์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
50,0019,017,เพราะถูกกิเลสเผาให้เร่าร้อนกระวนกระวายใจเหมือนถูกไฟลน. ส่วน
50,0019,018,วิปากทุกข์ เป็นทุกข์ที่เป็นผลของกรรมอันเป็นส่วนอดีตที่ได้ทำไว้
50,0019,019,แล้ว ทำให้เดือดร้อนใจ ให้ได้เสวยกรรมกรณ์ ตกทุกข์ ตกยาก
50,0019,020,ตกอบาย. ทุกขลักษณะนี้ มีเฉพาะแก่อุปาทินนกสังขารอย่างเดียว
50,0019,021,เพราะอุปาทินนกสังขารมีอายตนะที่จะรับสัมผัส ให้เกิดเจตสิกทุกข์ได้