tripitaka-mbu / 01 /010050.csv
uisp's picture
add data
3c90236
Book,Page,LineNumber,Text
01,0050,001,พระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ความรู้ในเหตุ ชื่อว่าธรรมปฏิสัมภิทา.<SUP>๑</SUP> ผลแห่งเหตุ
01,0050,002,ชื่อว่าอรรถ สมจริงดังพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าไว้ว่า ความรู้ในผล
01,0050,003,แห่งเหตุ ชื่อว่าอัตถปฏิสัมภิทา<SUP>๒</SUP>. บัญญัติ อธิบายว่า การเทศนาธรรมตาม
01,0050,004,ธรรม ชื่อว่าเทศนา. การตรัสรู้ชื่อว่าปฏิเวธ. ก็ปฏิเวธนั้นเป็นทั้งโลกิยะและ
01,0050,005,โลกุตระ คือความรู้รวมลงในธรรมตามสมควรแก่อรรถ ในอรรถตามสมควร
01,0050,006,แก่ธรรม ในบัญญัติตามสมควรแก่ทางแห่งบัญญัติ โดยวิสัยและโดยความไม่
01,0050,007,งมงาย<SUP>๓</SUP>.
01,0050,008,บัดนี้ ควรทราบคัมภีร์ทั้ง ๔ ประการ ในปิฎกทั้ง ๓ นี้ แต่ละ
01,0050,009,ปิฎก เพราะเหตุที่ธรรมชาตหรืออรรถชาตใด ๆ ก็ดี อรรถที่พระผู้มีพระ-
01,0050,010,ภาคเจ้าพึงให้ทราบย่อมเป็นอรรถมีหน้าเฉพาะต่อญาณของนักศึกษาทั้งหลาย
01,0050,011,ด้วยประการใด ๆ เทศนาอันส่องอรรถนั้นให้กระจ่างด้วยประการนั้น ๆ นี้ใด
01,0050,012,ก็ดี ปฏิเวธคือความหยั่งรู้ไม่วิปริตในธรรม อรรถและเทศนานี้ใดก็ดี ใน
01,0050,013,ปิฎกเหล่านี้ ธรรม อรรถ เทศนา และปฏิเวธทั้งหมดนี้ อันบุคคลผู้มี
01,0050,014,ปัญญาทรามทั้งหลาย มิใช่ผู้มีกุศลสมภารได้ก่อสร้างไว้ พึงหยั่งถึงได้ยากและ
01,0050,015,ที่พึ่งอาศัยไม่ได้ ดุจมหาสมุทรอันสัตว์ทั้งหลายมีกระต่ายเป็นต้นหยั่งถึงได้ยาก
01,0050,016,ฉะนั้น. ก็พระคาถานี้ว่า
01,0050,017,<B>บัณฑิตพึงแสดงความต่างแห่งเทศนา
01,0050,018,ศาสนา กถา และสิกขา ปหานะ คัมภีรภาพ
01,0050,019,ในปิฎกเหล่านั้นตามสมควร ดังนี้</B>