tripitaka-mbu / 29 /290019.csv
uisp's picture
add data
3c90236
Book,Page,LineNumber,Text
29,0019,001,ดังนี้ และภิกษุเหล่าใด ย่อมเป็นผู้มีกัมมัฏฐานเป็นสัปปายะ ในที่นั้น เรา
29,0019,002,จักบอกกัมมัฏฐานแก่ภิกษุเหล่านั้นดังนี้ จึงเสด็จเข้าไปหาข้าพเจ้าจักกล่าว
29,0019,003,บทที่ท่านกล่าวไว้ในบทเป็นอาทิว่า <B>กาเย กายานุปสฺสี</B> นั้น ข้างหน้า บทว่า
29,0019,004,<B>อนิจฺจานุปสฺสี</B> คือพิจารณาเห็นความไม่เที่ยง. บทว่า <B>วยานุปสฺสี</B> คือ
29,0019,005,พิจารณาเห็นความเสื่อม. บทว่า <B>วิราคานุปสฺสี</B> คือพิจารณาเห็นความคลาย
29,0019,006,กำหนัด บทว่า <B>นิโรธานุปสฺสี</B> คือพิจารณาเห็นความดับ. บทว่า <B>ปฏินิ-
29,0019,007,สฺสคฺคานุปสฺสี</B> คือพิจารณาเห็นความสละคือคืน.
29,0019,008,ถามว่า อะไรเล่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงแล้วด้วยคำมี
29,0019,009,ประมาณเท่านี้. ตอบว่า ข้อปฏิบัติเป็นเครื่องบรรลุของภิกษุนี้ แม้สติปัฏฐาน
29,0019,010,ย่อมเป็นส่วนเบื้องต้นอย่างเดียว. อนุปัสสนา ๓ แม้เหล่านี้ คือ อนิจจา-
29,0019,011,นุปัสสนา วยานุปัสนา วิราคานุปัสสนา แม้ในสัมปชัญญะ ย่อมเป็นส่วน
29,0019,012,เบื้องต้นอย่างเดียว. นิโรธานุปัสสนา แม้ปฏินิสสัคคานุปัสสนา ทั้ง ๒
29,0019,013,เหล่านี้ ย่อมเป็นมิสสกะคลุกเคล้ากัน. พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงถึง
29,0019,014,เวลาภาวนาสำหรับภิกษุนี้ด้วยเหตุประมาณเท่านี้. คำที่เหลือมีนัยอันกล่าว
29,0019,015,แล้วทั้งนั้น.
29,0019,016,<I>จบ อรรถกถาปฐมเคลัญญสูตรที่ ๗</I>
29,0019,017,<H1>๘. ทุติเคลัญญสูตร</H1>
29,0019,018,<H1>ว่าด้วยควรเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ</H1>
29,0019,019,[๓๘๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กูฏาคาร-
29,0019,020,ศาลาป่ามหาวัน กรุงเวสาลี ครั้งนั้นแล เป็นเวลาเย็น พระผู้มีพระภาคเจ้า
29,0019,021,เสด็จออกจากที่หลีกเร้น เสด็จเข้าไปยังศาลาคนไข้ แล้วประทับนั่งบน